ดังนั้นขณะที่คณะของสมเด็จพระราชชนนียังเสด็จมาไม่ถึงพระตำหนักไท่เหอ ขันทีผู้เฝ้าต้นทางก็รีบกลับมาหาเฉินเสียนและกล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “องค์หญิงจิ้งเสียน ตอนนี้จะทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ สมเด็จพระราชชนนีกับพระสนมฉี ทั้งสองพระองค์กำลังเสด็จมาที่นี่! องค์หญิงยอมรับผิดกับสมเด็จพระราชชนนีดีไหมพ่ะย่ะค่ะ บางทีพระองค์อาจจะลดโทษให้บ้าง...”
แม่นมซุยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เป็นหน้าที่ที่เจ้าจะมาสอนองค์หญิงหรือว่าควรทำเช่นไร มีอะไรต้องทำก็ไปทำซะ”
ขันทีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอย
แม่นมซุยค่อนข้างใจเย็น ในขณะที่อวี้เยี่ยนและเสี่ยวเฮอซึ่งอยู่ข้างๆ วิตกกังวลเป็นอย่างมาก
ส่วนเฉินเสียนกับเจ้าน่องน้อยไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย
เฉินเสียนเอ่ยเรียบๆ ว่า “ไปเอาขวานที่ใช้ผ่าฟืนในครัวมาให้ข้า”
เสี่ยวเฮอได้ยินแล้วแทบจะคุกเข่าทันที นางกล่าวว่า “องค์... องค์หญิง พระองค์จะนำไปฟันสมเด็จพระราชชนนีหรือเพคะ ไม่ได้นะเพคะ องค์หญิงต้องทรงใจเย็นๆ!”
เฉินเสียนเหลือบมองนางและกล่าวอย่างขบขัน “ถ้าข้าฟันสมเด็จพระราชชนนีจริงๆ ไม่ว่าใครก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ ข้าจะคิดไปถึงขึ้นนั้นเลยหรือไร”
อวี้เยี่ยนรีบไปหยิบขวานผ่าฟืนมาให้อย่างกระตือรือร้นและกล่าวว่า “ถ้าไม่ฟันสมเด็จพระราชชนนี เช่นนั้นฟันพระสนมฉีก็ยังดีเพคะ ผู้หญิงชั่วร้ายเช่นนั้นต้องเอาขวานผ่าครึ่ง!"
เฉินเสียนควงขวานแล้วเดินออกไป
เธอยืนอยู่บนสะพานไม้และหรี่ตามองกลุ่มคนซึ่งมีท่าทีโหดร้ายที่เดินมาจากฝั่งตรงข้าม สตรีสองคนผู้เป็นนายเดินประคองกันมา คนที่แก่กว่าคือสมเด็จพระราชชนนี ส่วนคนที่อ่อนเยาว์กว่าก็น่าจะเป็นพระสนมฉี
เฉินเสียนกระตุกยิ้ม เมื่อคนกลุ่มนั้นกำลังจะเดินมาถึงฝั่งตรงข้าม เฉินเสียนก็เริ่มออกแรงยกขวานและจามเข้าที่สะพาน
พฤติกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งที่สมเด็จพระราชชนนีและพระสนมฉีไม่คาดคิดว่าจะเห็น ในสายตาของทุกคน พฤติกรรมของเฉินเสียนเป็นสิ่งที่บ้าเกินไป บ้าจนดูเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง
ขวานนั้นอันตราย ยิ่งเมื่อจามลงบนสะพานไม้เล็กๆ บางๆ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น จระเข้ที่อยู่ในน้ำได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวและว่ายน้ำมาเป็นฝูง จากนั้นจึงเฝ้ามองอย่างกระตือรือร้น
ทุกคนตกใจจนต้องถอยหนีและไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้สะพาน
มิเช่นนั้นหากเฉินเสียนฟันสะพานจนขาดและตกลงไปในทะเลสาบโดยไม่ทันระวัง ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวก็คือจะต้องกลายเป็นอาหารของจระเข้
สมเด็จพระราชชนนีชี้นิ้วไปที่เฉินเสียนและคำรามอย่างกริ้วโกรธว่า “เฉินเสียน! เจ้ากำลังทำอะไร!"
เฉินเสียนไม่ตอบและยังคงออกแรงต่อไป ทันใดนั้นเสียงแตกหักของสะพานไม้ก็ดังขึ้นเบาๆ ยิ่งฟันลงไปเธอก็รู้สึกกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดก็เกิดเสียง “ตู้ม” เฉินเสียนใช้ขวานแยกสะพานออกเป็นสองฝั่ง ท่อนไม้บางส่วนที่วางเรียงๆ กันไว้เป็นสะพานคลายออกและตกลงไปในน้ำ และไม้ที่แตกลงไปนั้นก็ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นมา
สะพานไม้ทั้งแผงกำลังจะพังทลายลงมา
เฉินเสียนยืนอยู่ตรงนั้น เธอกระทุ้งขวานในมือลงกับพื้น ส่วนมืออีกข้างก็เท้าสะเอวไว้และถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นเธอจึงเงยหน้ามองสมเด็จพระราชชนนีและพระสนมฉีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของสตรีทั้งสองแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
เฉินเสียนจึงถือโอกาสเอ่ยออกไปอย่างดุดันและฉุนเฉียวว่า “มีข้าอยู่ ใครก็ห้ามรังแกลูกชายของข้าทั้งนั้น! ไม่เช่นนั้นข้าจะสู้กับนางจนถึงที่สุด!”
เธอต้องการจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อปกป้องลูกชาย เห็นได้ชัดว่าเธอดูหวาดกลัวและไม่ได้ตั้งใจจะขัดพระประสงค์ แต่ด้วยความสิ้นหวัง เพื่อปกป้องลูกชาย เธอจึงต้องทำเรื่องบ้าๆ เช่นนี้
ถึงแม้วิธีนี้จะดูน่ากลัว แต่ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เข้าใจได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...