ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 469

องค์ชายหกเหลือบไปมองเฉินเสียนอยู่ครู่หนึ่งอย่างขี้เล่น แล้วจึงพูดขึ้นว่า : "ข้าได้ยินมาว่า องค์หญิงจิ้งเสียนและท่านแม่ทัพใหญ่หย่าร้างกันแล้วหรือ? อ๋อ ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นท่านแม่ทัพใหญ่แล้วนี่นา"

เฉินเสียนหันกลับไปมองเขา แววตาเย็นชา เธอพูดขึ้นว่า : "นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของจิ้งเสียน รู้สึกว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักร องค์ชายหกกรุณารักษาเกียรติด้วย"

องค์ชายหกพูดขึ้นต่อว่า : "เฮ่อ ช่างน่าเสียดายจริงๆ" ดูท่าทางโอหังของเขาแล้ว น่าเสียดายกับผีน่ะสิ

พูดถึงเรื่องเก่าขึ้นมา พลอยทำให้ผู้คนถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้มั่นคงแค่ไหนก็ตาม ทุกวันนี้เธอยังอยู่ในสถานการณ์ลูกกำพร้า แม่เป็นหม้าย และสามีที่อยู่กันคนละที่

องค์ชายหกพูดเรื่องนี้จบ ก็ไปพูดอีกเรื่องต่อ : "พูดถึงครั้งนั้น นักฆ่าที่ราชนิเวศน์อาณาจักรเย่เหลียง อันตรายเป็นอย่างมาก โชคดีที่ในท้ายที่สุดทั้งองค์หญิงจิ้งเสียนและใต้เท้าซูต่างก็รอดปลอดภัยมาได้ ไม่อย่างนั้นอาณาจักรเย่เหลียงต้องแย่อย่างแน่นอน"

องค์จักรพรรดิที่นั่งโต๊ะถัดไป สีพระพักตร์เข้มขรึมขึ้นมาในทันที แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทรงตรัสอะไรออกมา

องค์ชายหกที่ไม่ได้สังเกตดูสีหน้าใครต่อใครเลย เรื่องไหนที่ไม่ควรพูดก็ดันทุรังจะพูดเรื่องนั้น เขาพูดขึ้นว่า : “ในตอนแรกอาณาจักรต้าฉู่ยังคิดว่าอาณาจักรเย่เหลียงเป็นคนทำเสียด้วยซ้ำ สุดท้ายเมื่อจับนักฆ่าที่เหลือรอดมาได้หนึ่งคน ซักถามอย่างละเอียดแล้ว ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ที่แท้แล้วกลับเป็นฝีมือของคนอาณาจักรต้าฉู่เอง”

เหล่าบรรดาเสนาบดีและขุนนางในท้องพระโรงต่างก็พากันสีหน้าเปลี่ยนไปตามๆ กัน

เหลือเพียงท่านอ๋องจากอาณาจักรเป่ยเซี่ย ที่ยิ้มขึ้นบางๆ เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างนิ่งเฉย ราวกับกำลังพูดขึ้นในใจว่า อายุน้อยนี่ดีเสียจริง ไม่ต้องรับรู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

องค์ชายหกเงยหน้ามองไปยังองค์จักรพรรดิ ไม่ลนลานและไม่ได้เกรงกลัว พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า : “ขอฝ่าบาททรงอภัยในความล่วงเกินของกระหม่อม ก่อนที่จะเดินทางมายังอาณาจักรต้าฉู่ เสด็จพ่อของกระหม่อมทรงรับสั่งฝากกระหม่อมมาถามคำถามหนึ่ง พระองค์ทรงคิดเห็นอย่างไรกับบทละครที่ทรงเขียนเองและแสดงเองเหล่านี้พ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนหันไปมององค์ชายหกทันที ดูแล้วเขาไม่ได้จะทำให้เธอเกลียดคนเดียว แต่จะทำให้คนทั้งหมดเกลียดเขาไปด้วยล่ะสิ

คนแบบนี้ มักชอบทำให้ผู้อื่นโกรธเกลียดแล้วตัวเองก็จะรู้สึกพึงพอใจ แต่หากวันหนึ่งที่เขาล้มลง เกรงว่าเขาจะถูกผู้คนนับไม่ถ้วนรุมเหยียบซ้ำอย่างแน่นอน

แต่ในละครเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ และยังไงเสียเธอเองก็ชอบดูเหมือนกัน

สีพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิแย่ลงเป็นอย่างมาก แต่พระองค์ก็ไม่สามารถทำอะไรองค์ชายหกที่เป็นราชทูตจากต่างแดนได้ ไหนจะคนละรุ่นอีก ไม่อย่างนั้นพระองค์จะเป็นเจ้าบ้านที่ดูแย่ในทันที

องค์จักรพรรดิจึงตรัสขึ้นว่า : “เรื่องที่จิ้งเสียนและบัณฑิตเจอกับนักฆ่า ข้าเองก็รู้สึกทุกข์ใจไม่น้อย องค์จักรพรรดิแห่งเย่เหลียงเป็นห่วงแล้ว ข้าจะติดตามเรื่องนี้จนถึงที่สุด”

องค์ชายหกหัวเราะเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “งั้นเย่เหลียงก็เต็มใจเป็นอย่างมากที่จะช่วยฝ่าบาทอีกแรง โดยการมอบหลักฐานบางอย่าง ที่แขนของนักฆ่ามีสัญลักษณ์ คาดว่าน่าจะเป็นองค์กรพิเศษอะไรสักอย่าง กระหม่อมได้ถอดรหัสสัญลักษณ์นี้ออกมาแล้ว หากว่าฝ่าบาทมีความประสงค์รับชมล่ะก็ กระหม่อมสามารถแสดงมันต่อฝ่าบาทได้พ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิจึงตรัสขึ้นว่า : “วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองของทั้งสองอาณาจักร ข้าจะไม่คุยเรื่องอื่น สู้มาร่วมจิบสุราชิมอาหาร เติมเต็มมิตรภาพระหว่างเจ้าบ้านดีกว่า เรื่องเหล่านั้นข้าค่อยไปขอให้องค์ชายหกช่วยชี้แนะในภายหลัง”

องค์ชายหกจึงตอบกลับไปว่า : “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็ไม่ได้นำการถอดรหัสนั้นมาด้วยพอดี กระหม่อมเก็บมันไว้ที่พระตำหนักรับรอง ตั้งใจว่าจะมาทูลฝ่าบาทไว้ก่อนเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

นี่แกล้งกันเล่นใช่หรือเปล่า ดูสีพระพักตร์ของฝ่าบาทเข้มขรึมขึ้นอีกไม่น้อย

จากนั้นก็ได้เปิดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ เหล่านางกำนัลที่สวยสดงดงามทยอยเข้างานเลี้ยงดุจปลาที่แหวกไหว้ ยกอาหารรสเลิศอันโอชะมาเรียงรายบนโต๊ะ ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน

ทุกคนจึงต่างพากันยกจอกสุราขึ้นมาดื่มเพื่อสานไมตรีมิตรภาพ บรรยากาศที่ตึงเครียดก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ คลายตัวลง

เครื่องดนตรีไม้ไผ่ค่อยๆ บรรเลงขึ้น รวมไปถึงเสียงเพลงและการเต้นระบำ ไพเราะเสนาะหู สงบสุขและสบายใจ

องค์ชายหกยกจากสุราไปเคารพท่านอ๋องก่อน เขาพูดขึ้นว่า : “ท่านอ๋องราชทูตแห่งอาณาจักรเป่ยเซี่ย ท่านอ๋องก็คงรู้ดี นักฆ่าที่องค์หญิงจิ้งเสียนเจอเมื่อคราวก่อน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรเย่เหลียงของเราจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี