ฉินหรูเหลียงเข้าวังกลางดึก แล้วมาปรากฏตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามพระตำหนักไท่เหอ เขาก็จะมานำศพของเจ้าน่องน้อยไป
เฉินเสียนตะคอกก่นด่าเขาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนไร้เรี่ยวแรง สุดท้ายจากหัวเราะก็กลายเป็นร้องไห้ เธออุ้มเจ้าน่องน้อยอยู่บนพื้นแล้วร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่ในความมืดมิด
มีผู้ใดเข้าใจความเจ็บปวดของเธอบ้าง มีผู้ใดสัมผัสความสิ้นหวังเธอได้?
เด็กคนนี้เป็นแก้วตาดวงใจของเธอ เธอเลี้ยงดูเขาทุกวี่ทุกวัน ไยต้องใช้วิธีโหดเหี้ยมเช่นนี้มาจบสิ้นด้วย?
เธอไม่ยอมเชื่อ เธอไม่อยากเชื่อ
เธอกลัวเหลือเกินว่าหากเจ้าน่องน้อยห่างกับเธอ เขาก็จะจากไปตลอดกาล ไม่กลับมาอีกเลย
เธอไม่ได้ยินเขาเรียกเธอว่า "ท่านแม่" อีกแล้ว ไม่เห็นเขาฝึกเดินอย่างสะเปะสะปะแล้ว ไม่เห็นเขาหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนแล้ว และไม่เห็นเขาถือตำราด้วยใบหน้าสุขุมนิ่งเงียบแล้ว……
ตอนนี้กระทั่งฉินหรูเหลียงก็จะมาแยกสองแม่ลูกพวกเขาจากกันหรือ?
แม่นมซุยมาประคองเธอด้วยน้ำตา กล่าวว่า "องค์หญิงสองวันแล้วนะเพคะ พอแล้วเพคะ องค์หญิงมอบเจ้าน่องน้อยให้เขาเถอะเพคะ ให้เขานำไปเถอะเพคะ"
"ไม่ ไม่ ข้าไม่ให้!" เฉินเสียนกล่าวอย่างไร้ที่พึ่ง "ข้าไม่ให้ใครทั้งนั้น"
"ให้เขานำเจ้าน่องน้อยไปสู่สุขคติที่นอกวัง ดีหรือไม่เพคะ?" แม่นมซุยเช็ดหน้าแล้วกล่าวเสียงเบา "องค์หญิงไม่ให้เขา แต่ก็ต้องให้ใต้เท้านะเพคะ"
แม่นมซุยกล่าว "อย่างนี้ก็จะดีต่อเจ้าน่องน้อยนะเพคะ องค์หญิงหวังอยากให้เขาออกจากวังไม่ใช่หรือเพคะ? ไม่ใช่อยากให้เขาได้อยู่กับใต้เท้าไม่ใช่หรือเพคะ?"
ใช่ เธอหวังเป็นอย่างยิ่ง
กระทั่งความฝันเธอยังอยากให้เจ้าน่องน้อยออกจากพระราชวัง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตที่อิสระเสรี ซึ่งเธอก็พยายามเพื่อสิ่งนี้เสมอมา
ทว่าไม่ใช่ออกไปด้วยวิธีการตอนนี้ ออกไปอย่างนี้เขาก็ไม่อาจเห็นฟากฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล และไม่ได้สัมผัสแสงตะวันที่เฉิดฉายกับสูดดมอากาศบริสุทธิ์ที่แสนจะสดชื่นอย่างอิสระ……
เฉินเสียนก้มหน้ามองเจ้าน่องน้อยด้วยความรักและสงสาร ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยว่า "แต่พวกเขาจะเผาเขา"
แม่นมซุยกล่าว "ไม่หรอกเพคะ ขอเพียงองค์หญิงลุกขึ้นมาสู้ พวกเขาก็ไม่กล้าเผาศพแล้วเพคะ" ฉวยโอกาสตอนที่ประคองเฉินเสียน แม่นมซุยพลันกระซิบข้างหูเธอ "องค์หญิงต้องเชื่อมั่นในตัวเองและต้องเชื่อมั่นในตัวใต้เท้าด้วยเพคะ"
เฉินเสียนชะงักค้าง
ต้องเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในตัวซูเจ๋อ……
เฉินเสียนนึกถึงคำพูดที่ซูเจ๋อเคยบอกเธอในคืนเทศกาลหยวนเซียวครึ่งเดือนก่อน
เขาถามเธอว่าอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะยินดีเชื่อใจเขาไหม?
ยามนั้นเธอตอบไปว่าเธอเชื่อใจ การฉงนใจต่อเขาเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยเหลือหลาย
เฉินเสียนมองเจ้าน่องน้อยอย่างไขว่เขว น้ำตาอุ่นๆพลันหยดใส่ใบหน้าเล็กอันเย็นเยียบ เฉินเสียนรีบเอื้อมมือเช็ดให้เขา
เธอขบฟันเพื่อควบคุมความเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจ กล่าวด้วยความอดกลั้น "เชื่อ……แม้จะเห็นสภาพเจ้าน่องน้อยกับตา ในเมื่อข้ารับปากไว้แล้ว ข้าก็จะเชื่อ……"
เธอกลัวก็แต่เชื่อแล้วสุดท้ายก็ยังคงแก้ไขอะไรไม่ได้
เธอรู้ว่าเวลานี้เธอควรมอบเจ้าน่องน้อยให้กับฉินหรูเหลียง เพื่อให้เขาพาออกจากวังแล้วนำส่งให้ซูเจ๋อ เธอไม่มีทางให้คนในวังเผาศพเจ้าน่องน้อยของเธอเด็ดขาด
เฉินเสียนหอมหน้าผากของเจ้าน่องน้อย พึมพำว่า "เจ้าน่องน้อยเอ่ย แม่ส่งลูกออกจากวังนะ ไปหาท่านพ่อของเจ้า ให้เขาพาเจ้าไปมองท้องฟ้าที่สูงใหญ่ สูดอากาศที่อิสระเสรี ไปสัมผัสแสงพระอาทิตย์ที่เจิดจ้า เจ้าน่องน้อย ย่างเข้าสู่วสันตฤดูแล้ว ดอกไม้นาๆพันธุ์แข่งกันบานสะพรั่ง สวยงามยิ่งนัก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...