ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 501

สรุปบท บทที่ 501 สู่ขอองค์หญิงจิ้งเสียน: ข้าคือหงส์พันปี

บทที่ 501 สู่ขอองค์หญิงจิ้งเสียน – ตอนที่ต้องอ่านของ ข้าคือหงส์พันปี

ตอนนี้ของ ข้าคือหงส์พันปี โดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 501 สู่ขอองค์หญิงจิ้งเสียน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จระเข้เหล่านี้มักพยายามปีนขึ้นมาบนฝั่งบ่อยๆ แต่น่าเสียดายที่ฝั่งค่อนข้างสูงและลื่นมาก พวกมันจึงปีนไม่เคยสำเร็จเลย

ตอนนี้มีบันไดมาช่วย จระเข้จึงค่อยๆ ลองปีนขึ้นมาทีละก้าว ปรากฏว่าในที่สุดก็ปีนขึ้นมาบนฝั่งจนสำเร็จ

จากนั้น จระเข้เหล่านั้นก็ค่อยๆ ปีนขึ้นมาบนฝั่งทีละตัว ค่อยๆ คลานมาตัวแล้วตัวเล่า

เวลานี้สีท้องฟ้าค่อนข้างมัวสลัว

เสียงกรีดร้องที่หวาดผวาเสียงหนึ่งทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบของพระตำหนักไท่เหอลง

จระเข้ฝูงใหญ่กำลังปีนขึ้นมาถึงบนฝั่ง เฉินเสียนถอยออกไปทีละก้าวพลางหลอกล่อความสนใจของพวกมัน และพวกมันเองก็คลานตามเฉินเสียนมาทีละก้าวเช่นกัน

เมื่อเหล่านางกำนัลเห็นแล้วก็พากันกรีดร้องเสียงดังด้วยความหวาดกลัว เฉินเสียนเองได้พาฝูงเหล่าจระเข้คลานขึ้นบนสะพานไม้

เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นมา เธอยกนิ้วชี้ขึ้นทาบปาก พูดกับนางกำนัลที่หวาดผวาจนเนื้อตัวสั่นเทาว่า : “เบาเสียงหน่อย เจ้าอยากจะกลายเป็นอาหารมื้อเย็นของพวกมันหรือไง?”

นางกำนัลเหล่านั้นที่ตกใจกลัวจนฉี่แทบเล็ด รีบใช้มือปิดปากตัวเอง แล้ววิ่งไปเรียกนางกำนัลคนอื่นๆ

เหล่าทหารเวรยามที่เฝ้าอยู่ฝั่งตรงข้ามของพระตำหนักไท่เหอเห็นเฉินเสียนเดินออกมา จึงตั้งใจจะยกมือขึ้นมาขวางเอาไว้ แต่เมื่อเห็นฝูงจระเข้ที่คลานตามหลังเธอมาแล้ว ก็ตกใจรีบถอยหลังออกไปทันที

เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกมันไปหาเจ้าน่องน้อย พวกมันชอบเนื้อที่เจ้าน่องน้อยเป็นคนป้อนให้มากเป็นพิเศษ”

ดวงอาทิตย์ขึ้นโผล่พ้นขอบฟ้าที่สดใส

เหล่าขุนนางกำลังเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิในท้องพระโรง แต่ที่วังหลังตอนนี้ได้โกลาหลวุ่นวายไปหมด

จระเข้ทั้งฝูงได้คลานออกมาอาละวาดไปทั่ว วังหลังที่เต็มไปด้วยพระสนมและนางในมากมาย ตอนนี้ทุกอย่างเละเป็นโจ๊กหม้อเดียวไปแล้ว ทุกคนต่างพากันวิ่งออกจากตำหนักอย่างทุลักทุเล

การเข้าเฝ้าในยามเช้าจึงถูกขัดขวางกลางคัน วังหลังใช้เวลาทั้งวันในการจับจระเข้เหล่านั้นกลับเข้ากรงจนหมด องค์จักรพรรดิทรงนึกไม่ถึงเลย เดิมทีพระองค์ตั้งใจจะใช้จระเข้เหล่านี้เพื่อกักขังเฉินเสียนและเจ้าน่องน้อย แต่ฝูงจระเข้ที่ทรงเลี้ยงไว้มากมายเหล่านี้ กลับมาสร้างปัญหาและความวุ่นวายมากมายให้กับพระตำหนักถึงเพียงนี้

ดูแล้วคงจะเก็บหญิงวิปลาสอย่างเฉินเสียนและฝูงจระเข้เหล่านี้ต่อไปไม่ได้แล้ว

สมเด็จพระราชชนนีที่อยู่ในวังหลังด้วยก็ตกพระทัยจนประชวรพระวาโยไป เวลานี้หมอหลวงกำลังรักษาเป็นพัลวันจนมือไม้พันกันไปหมด ยังมีองค์จักรพรรดินี พระสนม รวมถึงองค์ชายและองค์หญิง ที่ตกพระทัยจนเป็นลมกันหลายพระองค์ด้วยเช่นกัน

องค์จักรพรรดิทรงพิโรธอย่างที่สุด จนอยากจะฆ่าเฉินเสียนให้ตายไปทั้งเป็น แต่กลับยังต้องทนเก็บชีวิตนางไว้

เวลานี้เฮ่อโยวได้คารวะคุกเข่าลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมอยากจะสู่ขอองค์หญิงจิ้งเสียน ขอฝ่าบาทได้โปรดทรงอนุญาตด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดจบ บรรยากาศของทั้งโถงพระโรงก็เงียบสนิทลงในทันใด

เฮ่อโยวคุกเข่าโน้มตัวโค้งคำนับหน้าผากเสมอพื้นในท้องพระโรง สีหน้าท่าทางของเขาแสดงออกด้วยความจริงใจอย่างที่สุด

องค์จักรพรรดิที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ ทรงทอดพระเนตรมองเฮ่อโยวที่คุกเขาเสมอพื้นอยู่เนิ่นนาน แล้วจึงทรงตรัสขึ้นอย่างไม่เข้าพระทัยว่า : “เฮ่ออ้ายชิง จิ้งเสียนเป็นคนที่เหล่าข้าราชบริพารต่างรังเกียจและหลีกเลี่ยง นางใช่ว่าจะไม่เคยแต่งงานออกเรือน นางเป็นหญิงที่เพิ่งสูญเสียลูกชายไป ตอนนี้นางขาดซึ่งสติและได้วิปลาสไปแล้ว ตอนนี้เจ้ายังอยากจะสู่ขอนางกับข้าอีกหรือ?”

มือของเฮ่อโยวที่วางอยู่บนพื้นค่อยๆ กำหมัดขึ้นแน่น องค์จักรพรรดิได้ทรงเก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้ในสายพระเนตรจนหมด

เฮ่อโยวพูดต่อไปว่า : “กระหม่อมอยากจะไต่เต้าจนประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นที่ประจักษ์ ว่ากระหม่อมนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร กระหม่อมจะทำให้บิดาที่ยังคงคะนึงถึงแต่พี่ชายที่ตายไปแล้วทุกวันคืนไม่หยุดหย่อนนั้นได้รู้ ว่ากระหม่อมเองก็สามารถทำให้บ้านสกุลเฮ่อนั้นรุ่งโรจน์เฉิดฉาย มีชื่อเสียงเรียงนามชั่วกัปกัลป์ได้เช่นกัน”

เฮ่อโยวเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคลอเบ้าไปด้วยน้ำตา : “กระหม่อมยินดีจะแลกด้วยทุกสิ่งอย่าง เพื่อแลกมาซึ่งความรุ่งโรจน์ของบ้านสกุลเฮ่ออีกครั้ง ฝ่าบาททรงถามถึงความประสงค์และความปรารถนาส่วนตัวของกระหม่อม กระหม่อมอยากทูลขอเลื่อนขั้นตำแหน่ง ให้มีหน้ามีตาและชื่อเสียงเรียงนามตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิทรงผ่อนคลายความตึงเครียดลง ตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่ลากยาว : “เฮ่ออ้ายชิง เจ้าอยากจะเป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ที่อยู่ใต้อำนาจคนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนทั้งหมื่นรึ?”

เฮ่อโยวเปิดเผยความปรารถนาอย่างไม่ลดละ : “กระหม่อมมิบังอาจหมายปอง!”

องค์จักรพรรดิทรงตรัสขึ้น แฝงไปด้วยความหมายที่ลุ่มลึก : “คนวัยหนุ่ม มีใจมานะมุ่งมั่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จงพึงระลึกจุดจบของพี่ชายที่จากไปของเจ้าเสมอ หากเจ้าคิดจะทรยศหักหลังข้า ข้าจะให้เจ้ามีจุดจบที่น่าอนาถและสังเวชใจเป็นที่สุดด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแค่นั้น ข้าละเว้นบ้านสกุลเฮ่อไปครั้งหนึ่งแล้ว จะไม่มีการละเว้นเป็นครั้งที่สองอีก”

เฮ่อฟั่งที่มักมากในสมบัติและราคะตัณหา สุดท้ายเขาเองก็จบชีวิตลงเพราะราคะตัณหานี้ แต่เฮ่อโยวผู้นี้ ไม่โลภในสมบัติและตัณหา แต่กลับโลภในอำนาจ ไต่เต้าขึ้นสูงอย่างกล้าหาญชาญชัย

คำตรัสขององค์จักรพรรดิก็ได้เตือนสติเขา ให้เขาอย่าได้หลงลืมอย่างเป็นอันขาด เพราะไม่ว่าอำนาจที่มากมายขนาดไหน ก็ล้วนได้รับจากองค์จักรพรรดิทั้งสิ้น เมื่อพระองค์สามารถประทานให้ได้ ก็สามารถยึดกลับได้เช่นกัน

เฮ่อโยวคำนับขอบคุณพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “กระหม่อมขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงสอนสั่ง กระหม่อมจะไม่มีวันลืมพระมหากรุณาของฝ่าบาทอย่างเป็นอันขาด การได้อุทิศตัวถวายการรับใช้นั้น เป็นหน้าที่ของกระหม่อมโดยแท้”

องค์จักรพรรดิส่งตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่หนักหน่วงว่า : “เจ้ามาสู่ขอองค์หญิงจิ้งเสียนด้วยตัวเจ้าเอง เกรงว่าหากนางเข้าประตูเรือนของเจ้าแล้ว เรือนของเจ้าจะไม่เป็นอันสงบสุขอีกเลย ก่อนหน้านี้เจ้าเคยอยากให้นางตาย ตอนนี้สองแม่ลูกนั่นก็เชื่อและสรุปว่าเจ้าเป็นคนแยกพวกเขาออกจากกัน ยังเกลียดเจ้าเข้ากระดูกดำอยู่เลย”

เฮ่อโยวจึงพูดขึ้นว่า : “บิดาของกระหม่อมกำลังพักรักษาตัวอย่างสงบ ไม่ต้องการผู้ใดมารบกวน หากกระหม่อมสู่ขอองค์หญิงแล้ว อยากจะทูลขอฝ่าบาทพระราชทานเรือนอีกสักหลัง องค์หญิงจิ้งเสียนถึงแม้จะเกลียดกระหม่อมเพียงใด แต่หลังจากเกี่ยวดองกันแล้ว กระหม่อมก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีขององค์หญิง เป็นพ่อของลูกในอนาคตขององค์หญิง องค์หญิงจะทำยังไงได้เล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี