ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 502

องค์จักรพรรดิจึงทรงตรัสขึ้นว่า : "เฮ่ออ้ายชิงจิตใจของเจ้ามีความจริงใจมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก ทำให้ข้ารู้สึกประทับใจไม่น้อย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เฮ่อโยวจะได้เลื่อนยศจากขุนนางฝ่ายพิธีการระดับสี่ขึ้นเป็นอารักษ์ฝ่ายพิธีการชั้นสองระดับสูง อารักษ์ฝ่ายพิธีการคนเดิมที่ไร้ความสามารถ ให้ปลดออกเสีย"

เฮ่อโยวคำนับลงอีกครั้ง : "ขอบพระทัยพระมหากรุณาธิคุณฝ่าบาทที่ทรงประทานพ่ะย่ะค่ะ"

องค์จักรพรรดิทรงพระสรวลพร้อมกับตรัสขึ้นว่า : “เฮ่ออ้ายชิง เจ้าก้าวเข้าไปอีกขั้นแล้ว เข้าใกล้ประโยคที่ว่า อยู่ใต้อำนาจคนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนทั้งหมื่น ข้าหวังว่าวันข้างหน้าเจ้าจะสามารถช่วยเหลือข้าให้ธำรงซึ่งราชอาณาจักรให้มั่นคง เฉกเช่นบิดาของเจ้าและเฮ่อฟั่ง ข้าสามารถรับปากกับเจ้าได้ ว่าภายภาคหน้าเจ้าจะมีโอกาสสืบทอดและสืบสานสกุลเฮ่อของเจ้าอย่างแน่นอน”

“กระหม่อมยินดีจะเป็นม้ารับใช้ฝ่าบาทและจะพยายามอย่างสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ”

“จงป่าวประกาศความประสงค์ของข้า ประทานงานแต่งให้กับอาลักษณ์ฝ่ายพิธีการและองค์หญิงจิ้งเสียน อีกสองวันหาฤกษ์งามยามดี ให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกันอย่างเร็วที่สุด”

เมื่อต้นปีเริ่มขึ้น เรื่องเล็กใหญ่ในท้องพระโรงเยอะแยะมากมายวุ่นวายไปหมด องค์จักรพรรดิทรงดูแลและจัดการแทบไม่หวาดไม่ไหว เรื่องเกี่ยวกับเฉินเสียน องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้อยากจะสนพระทัยเลยแม้แต่น้อยอยู่แล้ว

นังผู้หญิงบ้านั่นก็ทิ้งไว้ที่เฮ่อโยวก่อน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ขอแค่ให้นางยังมีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้ว

ที่วังหลังโดนเธอทำจนเละไม่มีชิ้นดี เมื่อได้ยินว่าเธอจะแต่งงานออกเรือนกับอาลักษณ์ฝ่ายพิธีการ ทุกคนต่างพากันจุดธูปขอบคุณฟ้าดินอย่างดีอกดีใจ อยากให้เธอแต่งออกเรือนไปทันทีเสียด้วยซ้ำ

อาณาจักรต้าฉู่เผชิญมรสุมความหิวโหยของเหมันตฤดู เหล่าราษฎรพากันหนาวตายและอดตายนับไม่ถ้วน ที่ราชสำนักไม่แยแสเลยแม้แต่นิด

เมื่อเริ่มเข้าสู่วสันตฤดูอาหารก็ขาดแคลนเข้าไปใหญ่ เหล่าราษฎรทั้งเจ็บปวดและรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด แต่ละที่ก็เริ่มก่อเหตุจลาจลวุ่นวายขึ้นมา แต่เหล่าขุนนางและเจ้าหน้าที่ในราชสำนักกลับกดเรื่องให้เงียบลง

แต่ยิ่งปกปิด เหล่าราษฎรก็ยิ่งโกรธแค้นและต่อต้าน ยิ่งกำราบมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต่อต้านมากขึ้นมากเท่านั้น ผลลัพธ์ออกมาตรงข้ามเสมอ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ในเมืองหลวงนั้นเงียบสงบอย่างที่สุด

เมื่อผ่านพ้นปีใหม่ที่หนาวเหน็บมาแล้ว อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น บุปผานานาชนิดบานประชันขันแข่ง ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายคนแก่และเด็ก ต่างก็ล้วนยินดีปรีดากับเทศกาลบุปผาบานสะพรั่งนี้ ครอบครัวใหญ่ต่างพากันนัดหมายพบพานที่ชานเมืองหลวง เพื่อชื่นชมบุปผางามแห่งสารทฤดู

ตามข่าวคราวจากอนุสรณ์สถานท้องถิ่น เมืองต่างๆ เกิดการจลาจลไปทั่ว ดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มคนที่รวมตัวกันตั้งใจบีบบังคับข่มเหงประชาชน พัดโหมดังสุมไฟ

องค์จักรพรรดิทรงรับสั่ง ให้ไปจับคนกลุ่มนั้นที่ก่อจลาจลมา ไต่สวนอย่างเข้มงวด

พื้นที่หน่วยงานราชการกว้างแค่ไหน เกรงว่าพื้นที่ในคุกก็ไม่เพียงพอที่จะคุมขัง คนที่ยัดเข้าห้องขังไม่ได้ ก็จะถูกจัดการปลิดชีพในดาบเดียว ราชสำนักใช้วิธีการนองเลือดและรุนแรง เพื่อจะจัดการกับการจลาจลครั้งนี้ให้เงียบสงบโดยเร็วที่สุด

แต่นี่เป็นเพียงแค่ความสงบก่อนที่พายุฝนจะมาเท่านั้น

งานมงคลสมรสของเฉินเสียนและเฮ่อโยวยังคงถูกดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดวันมงคลสมรสก็ถูกกำหนดการเป็นที่เรียบร้อย ก็คือถัดไปอีกสองวัน

พิธีการต่างๆ ที่ยุ่งยากซับซ้อนที่พอจะสามารถตัดออกได้ก็ถูกตัดออกจนหมด แค่เพียงส่งเฉินเสียนไปยังโถงมงคลสมรส เพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเฮ่อโยว จากนั้นส่งตัวเข้าห้องหอ พิธีวิวาห์ก็เป็นอันจบสิ้นสมบูรณ์

ภายในเวลาสองวันนี้ กองพระภูษาได้รีบจัดการตัดเย็บชุดมงคลสมรสออกมาหนึ่งชุด พร้อมกับเครื่องประดับศีรษะ ส่งมายังพระตำหนักไท่เหอ

ด้วยการทรงอนุญาตจากองค์จักรพรรดิ เฮ่อโยวจึงได้สร้างเรือนใหม่อยู่นอกวัง ข้างในตัวเรือนมีห้องหอและถูกตกแต่งเล็กน้อย

ทหารเวรยามที่เฝ้าเรือนถูกส่งมาจากพระราชวังทั้งหมด เพื่อเฝ้าและคุ้มกันเฉินเสียน

สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เฉินเสียนนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอสวมชุดมงคลสมรสสีแดงทั้งชุด อวี้เยี่ยนช่วยแต่งหน้าให้เธอด้วยความโศกเศร้า

หลังจากที่กลับจากวัดฮู่กั๋วมา พระตำหนักไท่เหอเปลี่ยนแปลงและเกิดเรื่องขึ้นมากมาย เฉินเสียนทำใจรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ อวี้เยี่ยนเองก็รับไม่ได้ด้วยเช่นกัน

ตอนนี้เฉินเสียนกลับไปเป็นบ้าเหมือนเมื่อก่อนดังเดิม อวี้เยี่ยนเองก็ร้องไห้ตาบวมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี

แม่นมซุยพูดว่า เวลาแบบนี้ห้ามล้มอย่างเป็นอันขาด จะต้องเข้มแข็งกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่าพันเท่า และจะต้องดูแลองค์หญิงเป็นอย่างดีให้ได้

เพราะถ้าหากว่านางล้มลงไปอีกคน ยังจะหลงเหลือใครอีกหรือที่จะห่วงใยองค์หญิงอย่างแท้จริง

ดังนั้นอวี้เยี่ยนจึงกัดฟันอดทนเข้มแข็งต่อไป

ความเจ็บปวดทั้งหมดของเฉินเสียน อวี้เยี่ยนเองรับรู้หมดทุกอย่าง เจ้าน่องน้อยไม่อยู่แล้ว และเธอก็จะต้องแต่งงานออกเรือนกับผู้อื่น และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลย นอกเสียจากจิ้งจอกตาขาวที่เนรคุณอย่างเฮ่อโยว!

อวี้เยี่ยนรู้ซึ้งและเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าภายในหัวใจของเฉินเสียนมีใต้เท้าซูเพียงคนเดียวเท่านั้น ในขณะที่ยังอยู่ในวัดฮู่กั๋ว กว่าอวี้เยี่ยนจะทิ้งอคติทั้งหมดลง มองดูทั้งสองได้อยู่เคียงคู่กัน แต่เพียงพริบตาเดียว เรื่องราวทั้งหมดก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงราวกับหน้ามือเป็นหลังมือก็ไม่ปาน

จะมีอะไรที่โหดร้ายและแย่ไปกว่าสิ่งที่เฉินเสียนประสบพบเจออีกกัน?

อวี้เยี่ยนพูดขึ้นว่า : “องค์หญิง สองวันมานี้ ท่านไม่ยอมพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หม่อมฉันทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าในหัวใจขององค์หญิงนั้นเจ็บปวดมากเพียงใด รอให้ออกจากพระราชวังไปแล้ว หม่อมฉันจะต้องปกป้ององค์หญิงด้วยชีวิต และจะช่วยองค์หญิงหนีออกไปให้ได้ หากฟ้าสวรรค์เมตตาคุ้มครอง หม่อมฉันจะใช้ชั่วชีวิตที่เหลือพาองค์หญิงออกเดินทางไปสุดใต้หล้าทั่วปฐพีเลยเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี