นักดาบหลวงเหล่านั้นยังคงเชื่อมั่นว่าเขาทั้งสองคนยังอยู่บนเรือลำนั้น แต่ไม่รู้ว่าบนเรือลำนั้นมีพรรคพวกของเขาอยู่เท่าไหร่ และจะไม่ปล่อยให้คนบนเรือหลุดรอดจากสายตาไปได้แม้แต่คนเดียว และจะไม่ยอมให้เรือลำนี้แล่นออกไปยังแม่น้ำหยุนเพื่อหลบหนีได้อย่างเด็ดขาด
เสียงกรีดร้องจากดาดฟ้าของเรือ ถูกความกว้างใหญ่ของแม่น้ำกลบทับ และเลือดสีแดงสดและถูกละเลงไปทั่วพื้นบนดาดฟ้า
คนที่กระโดดลงไปในน้ำเพื่อจะหลบหนีเหล่านั้น บ้างก็ว่ายน้ำไปได้ครึ่งทางและจมลงไปในน้ำตาย บ้างก็ถูกจับโดยกองกำลังทหารจากในวังหลวงที่ริมฝั่ง และคาดว่าจะต้องถูกประหารชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อองค์จักรพรรดิทราบว่าเฉินเสียนได้หลบหนีไปแล้วนั้น เขาสั่งให้องครักษ์วังหลวงทุกฝ่ายตรึงกำลังและเฝ้าตรวจตราทุกจุดในเมืองหลวง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขายอมให้เฉินเสียนตายอยู่ในเมืองหลวง ยังดีกว่ายอมปล่อยให้เฉินเสียนหลบหนีไปถึงกองกำลังทหารในเขตใต้ ความเป็นความตายของเฉินเสียน จะสามารถปกปิดความลับนี้กับเป่ยเซี่ยได้แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่การก่อการกบฏของเหล่าทหารก็ใกล้เข้ามาอย่างปฏิเสธไม่ได้
เฉินเสียนไม่รู้เลยว่าเธออยู่ในน้ำมานานเท่าไหร่แล้ว ในน้ำที่หนาวเย็นและมืดมนนี้ จู่ ๆ ก็มีแสงไฟสาดส่องเข้ามา จนเธอต้องดำน้ำลงไปเพื่อรอให้แสงนั้นหายไป
เสียงฝีเท้าของทหารจากในวังก็ดังขึ้น และพวกเขาก็ถอยออกไปทีละคน
ซูเจ๋อจับปล้องไม้ไผ่และกอดเฉินเสียนไว้ใต้ต้นหลิว และค่อย ๆ ยกตัวโผล่ขึ้นพ้นผิวน้ำ เขาเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และเงียบที่สุดแทบจะไม่ได้ยินเสียงน้ำ
เฉินเสียนหนาวเหน็บไปทั่วทั้งเรือนร่าง และลมที่พัดเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกแทบจะเป็นน้ำแข็ง แต่ตัวเธอก็ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรแล้ว
เฉินเสียนมองย้อนกลับไปที่เรือลำนั้นที่อยู่กลางแม่น้ำ มองเห็นแสงไฟที่เดิมส่องแสงสว่างไสว ความครึกครื้นรื่นเริงบนเรือ จู่ ๆ ดวงไฟสีแดงก็จุดประกายขึ้น
ปรากฏว่าลำแสงนั้นเป็นแสงไฟจากบนเรือ
ทุกคนบนเรือถูกฝังอยู่ในกองไฟ ยกเว้นเธอและซูเจ๋อ แทบไม่มีใครรอดชีวิตเลย
นักดาบหลวงเหล่านั้นยอมที่จะเข่นฆ่าผู้คนเป็นร้อนเป็นพันชีวิต เพียงเพื่อไม่ต้องการให้เธอหลบหนีไปได้
เฉินเสียนเอื้อมมือออกไปและถอดปล้องไม้ไผ่ในปากของซูเจ๋ออย่างเงียบ ๆ รวมทั้งของตัวเธอเอง ซูเจ๋อไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่ริมฝั่งนานนัก เขาพยุงเฉินเสียนและหันหลังเดินออกไปท่ามกลางความมืดมิดเพื่อหลบหนีต่อไป
บนถนนทุกจุดเต็มไปด้วยองครักษ์วังหลวง แต่ตรอกหลังบ้านของคนธรรมดานั้นซับซ้อนราวกับตาข่าย องครักษ์วังหลวงยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในตรอกด้านหลังที่มืดมิดทุกแห่งได้ ซูเจ๋อหลบหลีกอยู่หลายครั้ง และสุดท้ายก็หลบเข้าไปที่ตรอกข้างหลัง
เฉินเสียนโอบไหล่ของเขาไว้ มองไปที่เขาที่พาเธอกลับมายังสถานที่เก่าที่คุ้นเคย นั่นคือประตูด้านข้างของบ้านของซูเจ๋อ
ภายในประตูด้านข้างของบ้านเขาคือเรือนที่เขาอาศัย ซูเจ๋อไม่ต้องเคาะประตู เขาอุ้มเธอและพาเธอกระโดดปีนกำแพงเข้าไป และเดินเข้าไปยังเรือนที่เขาอาศัยอยู่
เวลานี้เฉินเสียนก็ได้คลายความหนาวเหน็บจากในแม่น้ำ และกล่าวด้วยเสียงที่สั่น "ท่านยังกล้าพาข้ากลับเข้ามาที่เรือนของท่าน..."
ซูเจ๋อกล่าว "ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด" เขาต้องหาที่ให้เฉินเสียนได้พักผ่อนในคืนนี้ และต้องการให้ร่างกายเธออบอุ่นขึ้นอย่างเร็วที่สุด
พวกเขาใช้เวลาอยู่ในน้ำราวสามชั่วโมง หากไม่รีบทำให้ร่างกายอบอุ่น เธออาจจะแข็งตายได้
พ่อบ้านไม่คิดว่าซูเจ๋อออกไปแล้วจะกลับเข้ามา และยังไม่ทันจะถามอะไร ซูเจ๋อก็กล่าวว่า "ไปเตรียมเตาผิงมา"
พ่อบ้านรีบออกไปจัดเตรียม
ซูเจ๋อยกเท้าขึ้นเพื่อเตะประตูให้เปิดออก ภายในมืดสนิท
กลิ่นหอมจาง ๆ ยังคงติดอยู่ในจมูกของเฉินเสียน และทำให้เธอรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยเหมือนในอดีต
ซูเจ๋อวางบนลงบนเตียง ทั้งสองต่างก็เปียกปอน เฉินเสียนพยายามควบคุมการสั่นของร่างกาย แต่การหายใจของเธอก็สั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...