ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 557

องค์ชายหกกล่าวอีกว่า “เช่นนั้นเสด็จพ่อคิดวางแผนว่าจะส่งข้าไปที่ต้าฉู่เมื่อใดกัน?”

“เจ้ารีบอันใด รอปีหน้าหรือว่าปีหน้าๆเถิด”จักรพรรดิเย่เหลียงกล่าว “รอตอนที่สองคูเมืองนั้นทุเลาแล้ว ข้าจะให้เหล่าราชสำนักต้าฉู่รู้ว่าซูเจ๋อนั่นเมื่อสมัยนั้นได้ลงนามในหนังสือสัญญากับข้า เช่นนี้ข้าก็สามารถนำสองคูเมืองนั่นกลับมาได้ และก็สามารถทำให้ซูเจ๋อได้รับบทลงโทษเช่นกัน ถึงตอนนั้นก็เป็นจังหวะที่เจ้าจะแอบเข้าไปแล้ว”

หากไม่ทำลายซูเจ๋อก่อน องค์ชายหกไปต้าฉู่ ก็มีอุปสรรคเป็นอย่างมาก จักรพรรดิเย่เหลียงคิดระเอียดรอบคอบไม่มีทางเสีย

องค์ชายหกกล่าวว่า “เรื่องนี้เหตุใดไม่รีบทำ รอต้าฉู่แก้ไขปัญหาความลำบากยากแค้นได้ ซูเจ๋อก็ควบคุมแนวโน้มในราชสำนักได้แล้ว เสด็จพ่อลงมืออีก ไม่ใช่พลาดโอกาสดีแล้วหรือ ต่อให้ตอนสุดท้ายซูเจ๋อได้รับบทลงโทษ แต่เวลานั้นจักรพรรดินีก็ข้ามผ่านช่วงที่ลำบากแล้ว และก็ไม่ได้มีอะไรต้องพึ่งพาขอความช่วยเหลือเย่เหลียงของเราอีกแล้ว เรื่องเกี่ยวดองของทั้งสองเมืองก็ไม่ได้ลงลายลักษณ์อักษรในหนังสือสัญญา แต่เป็นความหมายของเสด็จพ่อฝ่ายเดียว ในกรณีที่องค์หญิงจิ้งเสียนปฏิเสธ ก็มิใช่ไร้โอกาสโดยสิ้นเชิงแล้วหรือ”

พอองค์ชายหกกล่าว ก็ได้เตือนสติของจักรพรรดิเย่เหลียง

ด้วยเหตุนี้การปรึกษาหารือของสองพ่อลูก เลยได้ตัดสินแผนการล่วงหน้าก่อน รอปีหน้าเริ่มวสันตฤดูก็ดำเนินการแผนเกี่ยวดองให้บรรลุผลเลย คาดว่าความลำบากของต้าฉู่ จะต่อเนื่องกันถึงปีครึ่งได้

ทั้งสองพ่อลูกนี้ เพื่อที่จะให้ทั้งสองเมืองเกี่ยวดองกัน สามารถใช้องค์ชายหกแต่งไปต้าฉู่ด้วยตนเองเลย เพื่อให้ครอบครัวได้ลูกหลานรุ่นถัดไป ก็หน้าด้านพอแล้ว

แสงสียามราตรีในเมืองหลวงต้าฉู่ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้สวยงามเหมือนในอดีตที่ผ่านมานั้น มันตกตะกอนจนน่าเวทนา

เฉินเสียนกำลังเปลี่ยนแปลงความน่าเวทนาของต้าฉู่

หลักจากตั้งแต่เฉินเสียนกลับมาที่เมืองหลวง น้อยที่จะได้พบเจอฉินหรูเหลียง ไม่ใช่ว่าฉินหรูเหลียงไม่อยู่ ตรงกันข้าม เขาอยู่ทุกที่ พยายามทำทุกอย่างที่ตัวเองสามารถปกป้องอันตรายหรือความปลอดภัยของเมืองหลวงนี้

แต่น้อยที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าเฉินเสียน นอกจากจำเป็นต้องขึ้นลงเข้าราชสำนัก ตลอดจนตอนที่เฉินเสียนมีภารกิจเรียกเขามาพบ

นอกเหนือจากนั้น ยกตัวอย่างเช่นครั้งก่อนที่เฉินเสียนเรียกฉินหรูเหลียงมากินหม้อไฟในพระราชวัง เข้าก็ได้ปฏิเสธ

เขารู้สึกว่าตัวเองคล้ายดั่งเหมาะสมที่จะถูกเหล่านายทหารแข็งแกร่งกำยำในเมืองหลวงเป็นกลุ่มๆเหล่านั้นลากไปดื่มเหล้าด้วยกัน เหมันตฤดูหนาวเหน็บ ดื่มเหล้าสักหน่อยสามารถอบอุ่นร่างกายได้

ตอนที่ฉินหรูเหลียงยึดปฏิบัติตามหลักกฎหมายนั้นเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใคร แต่เจ้าหน้าที่ขุนนางมากมาย กลับพูดง่ายมาก จุดนี้กับเขาที่มีความเย็นชาอย่างเมื่อก่อนไม่เหมือนกัน ไม่อยู่บนที่สูงๆ และเป็นผู้มีน้ำจิตน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์

ค่ำคืนนี้ เป็นวันเกิดของลูกน้องที่เป็นนายทหาร เชื้อเชิญเขากับสหายร่วมงานไปเป็นแขกที่เรือน

ฉินหรูเหลียงไปแล้ว

เหล่านายทหารแบ่งกับนั่งสองข้างที่ห้องโถงใหญ่ พูดคุยหัวเราะกัน ดื่มเหล้าเข้าไป นายทหารแต่ละคนกล้าได้กล้าเสีย ดื่มเหล้าแล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญ ไม่มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนั้นที่รับผิดชอบงานวัฒนธรรมคิดมากไวต่อความรู้สึก

หากมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบงานวัฒนธรรมอยู่ที่นี่แล้วผลักแก้วปฏิเสธไม่ดื่มเหล้า กลับจะทำให้ดื่มเหล้าไม่ถึงอกถึงใจ

หลังจากที่ทุกคนดื่มแล้วสามครั้ง มีคนที่เต้นร้องมาเพิ่มความสุขด้านหน้า

เครื่องดนตรีเล่นยาวนาน แขนเสื้อพลิ้วไหวกินใจ นางระบำเต้นร่ายรำ จนทำให้นายทหารที่อยู่ตรงนั้นสายตาพร่ามัว

ฉินหรูเหลียงดื่มเหล้าทีละแก้วๆ ลักษณะท่าทางที่หล่อเหลาเย็นชานั่น คล้ายดั่งกำลังเพลิดเพลินกับการร้องและฟ้อนรำนี้ อีกทั้งคล้ายดั่งมองผ่านนางระบำนี้แล้วมองสิ่งอื่น

เวลาต่อมามีหญิงงามผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมาด้วยชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ท่าทางการเต้นกับรูปร่างนั่นยิ่งทำให้คนรอบข้างตกตะลึง นางมีผ้าขาวบางปกปิดใบหน้า และเค้าโครงหน้าที่อยู่ใต้ผ้าขาวนั้นราวกับเห็นได้อย่างเลือนราง มันทำให้คนน้ำลายไหลเยิ้มจนอยากจะถลกดึงผ้าดู ท้ายที่สุดแล้วเป็นหญิงงามที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนกัน

นางระบำนั่นร่ายรำมาทางฉินหรูเหลียง แววตาคู่นั้นที่อ่อนโยนจนกินใจ ระหว่างแขนเสื้อสะบัดพลิ้วไหว ปลายแขนเสื้อได้พลิ้วผ่านหน้าของฉินหรูเหลียงไป มีความงดงามอย่างมาก

แต่ไม่ว่านางจะใช้ความสามารถอย่างไร ฉินหรูเหลียงก็ไม่ได้ชายตามองนาง

นายทหารคนอื่นมองจนเกิดอารมณ์ชื่นชอบ

ประเดี๋ยวเดียว กริชด้ามสั้นพุ่งทะลวงมาจากทางด้านข้าง นางระบำไร้การตะเตรียม ก็ถูกกริชเล่มนั้นทะลวงผ่านด้านหน้าไป แฉลบผ่านผ้าคลุมหน้า และทันทีหลังจากนั้นผ้าคลุมหน้าได้ปักอยู่บนเสาไม้ด้านข้าง

นางระบำตกใจ แววตาที่สวยงามน้ำตาคลอเบ้า คล้ายดั่งกวางน้อยที่หวาดผวาเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี