ตอน ตอนที่ 567 เต็มไปด้วยความรักที่มั่นคงต่อเธอ จาก ข้าคือหงส์พันปี – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 567 เต็มไปด้วยความรักที่มั่นคงต่อเธอ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ข้าคือหงส์พันปี ที่เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
องค์ชายหกชำเลืองมองไปที่ด้านหลังของเฉินเสียน เมื่อเห็นหัวหน้าบรรดาขุนนางคือซูเจ๋อ เขาจึงเก็บซ่อนความใจร้อนนั้นเอาไว้ แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาทคงจะล้อข้าเล่น วันนี้ฝ่าบาทยินดีมาต้อนรับข้าเข้าวัง ต่อไปข้ากับท่านก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ทะเลาะกันก็เป็นเพราะความสัมพันธ์ ด่าว่ากันก็เป็นเพราะรัก ทะเลาะกันที่หัวเตียงก็จบลงกันด้วยดีที่ปลายเตียง ตอนนี้มาหยอกล้อเล่นกันนิดหน่อยก็คงจะน่าเบื่อนะสิ”
เฉินเสียนพูดเสียงเบาว่า“ใช่หรือ อย่างนั้นเจ้าก็ควรจะระมัดระวังตัวไว้ให้มาก ไม่แน่ว่าวันไหนข้าเกิดอารมณ์ชั่ววูบขึ้นมา อาจจะหยอกล้อเล่นกับเจ้าจนทำให้ครึ่งชีวิตที่เหลือของเจ้านอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงก็ได้นะ ”
เพียงพบกันได้ครู่เดียว จักรพรรดินีนั้นก็เริ่มใช้อำนาจคุกคามอย่างน่ากลัวต่อหน้าเหล่ากองเกียรติยศและเหล่าคณะทูตของเย่เหลียงรวมไปถึงเหล่าขุนนางของฝั่งต้าฉู่เองด้วย เป็นเช่นนี้มันจะดีหรือ?
การใช้ชีวิตต่อไปหลังจากนี้มันจะสงบลงหรือไม่?
องค์ชายหกยังคงยิ้มอย่างสดใส แล้วเอ่ยว่า “ถ้าเกิดว่าในภายหน้าต้องนอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ก็คงต้องขอรบกวนให้ฝ่าบาทมาดูแลข้าไปชั่วชีวิตแล้วกระมัง เพราะถึงอย่างไรต่อไปภายหน้าข้ากับท่านก็ต้องเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว”
เฉินเสียนพูดอย่างเหยียดหยามว่า “สามีภรรยา?องค์ชายหก เจ้าคิดเยอะไปแล้ว พระสวามีของข้าต้าฉู่มีเพียงคนเดียว แต่คนอย่างเจ้านั้นอยู่วังหลังที่เล็กๆห่างไกลออกไปสามพันลี้ ใบหน้านั้นยังเป็นสิ่งที่ดี เจ้าควรจะรักษาหน้าตัวเองไว้บ้าง”
“ใบหน้านั้นข้าต้องการแน่นอน ไม่เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าจะหน้าดีอย่างนี้หรือ?”องค์ชายหกพูดหยอกล้อกับเฉินเสียนว่า “จักรพรรดินีอย่างท่าน นำเงินและเสบียงของเย่เหลียงข้าไป แต่กลับมาปฏิบัติไม่เป็นธรรมกับข้าเช่นนี้ ราวกับท่านไม่รักษาหน้าของตัวเองมากกว่าข้าเสียอีก”
องค์ชายหกเริ่มประทะคารมกันกับเฉินเสียน ถ้าเกิดมันสามารถจะดึงดูดความสนใจจากเธอได้ แล้วทำให้เธอละเลยความสนใจจากซูเจ๋อผู้ที่อยู่ด้านหลังของเธอได้นั้นก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดี
เฉินเสียนหัวเราะเยาะ “เหอะ เรื่องเงินทองนั้นข้าจะไปทำอะไรได้หรือ ถ้าเกิดไม่ใช่ว่าเย่เหลียงของเจ้าส่งทั้งเงินส่งทั้งเสบียงอาหารมา ข้าก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวการชดใช้เงินสินไหมทดแทนเจ้าหรอก”
ภายใต้ลานกว้างใหญ่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เหล่าขุนนางของทั้งสองอาณาจักรต่างก็คาดไม่ถึงว่าเจ้านายของตัวเองนั้นจะมายืนฉีกหน้ากันอยู่หน้าประตูเมือง โดยไม่ได้คำนึกถึงเกียรติยศของทั้งสองอาณาจักรและสถานะของตัวเองกันเสียเลย โต้เถียงกันอย่างดุเดือดและอดไม่ได้ที่จะพูดทิ่มแทงอีกฝ่ายให้รู้สึกละอายแก่ใจ
เหล่าขุนนางของทั้งสองอาณาจักรต่างฝ่ายก็ต่างก็มองหน้ากัน อย่างอึดอัดวางตัวกันไม่ถูก
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดเตือนสติเฉินเสียนว่า “ฝ่าบาท เชิญองค์ชายหกเสด็จเข้าวังก่อนดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ…… ”เมื่อประตูปิดลงแล้ว พวกเขาทั้งสองจะทะเลาะกันอย่างไรก็ทะเลาะกันไป มาทะเลาะกันอยู่กลางแจ้งเช่นนี้ นั้นทำให้รู้สึกได้ว่า……มันน่าอับอายเสียจริง
ด้านเย่เหลียงเองก็เริ่มพูดโน้มน้าวว่า“องค์ชายหก ไหนๆก็มาถึงแล้ว รอให้เข้าในไปเมืองก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”
แต่ว่าเจ้านายทั้งสองนั้นกลับทำเหมือนเป็นคนหูหนวกที่ไม่ได้ยินเสียงอะไร
เฉินเสียนยืนอยู่ใต้ศาลาบนประตูเมืองเป็นเวลานาน ชายผู้นี้นั้นมาช้าถ้าในตอนนี้จะให้เขาได้ตากแดดเสียหน่อยเป็นกระไร มันยากที่จะทำให้ความโกรธสงบลงได้
ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้วเป็นเพราะว่าเรื่องของระบบศักดินาความสัมพันธ์การแต่งงานกับเย่เหลียง เฉินเสียนก็เก็บกดความโกรธแค้นนั้นไว้มาตลอด และตอนนี้ต้นตอของเรื่องเลวร้ายก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว อย่าคิดว่าเธอจะปฏิบัติกับองค์ชายหกอย่างรักใคร่เลย เธออยากที่จะดึงองค์ชายหกเอาไว้ให้แน่นเพื่อที่จะระบายความโกรธนั้นออกมา
รอยแตกร้าวที่อยู่บนกำแพงเมืองนั้น ราวกับว่าไม่สามารถที่จะรองรับน้ำหนักของศาลาบนประตูเมืองไว้ได้แล้ว รอยแตกร้าวยิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ ยอดศาลาบนประตูเมืองที่เพิ่งก่อขึ้นใหม่ด้วยก้อนหินเมื่อสองวันก่อนนั้นยังไม่แห้งสนิทดี
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างของกำแพงเมืองต่างก็ไม่มีใครรู้
องค์ชายหกเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ดีว่าถ้าใครเป็นคนที่เริ่มเอาจริงเอาจังก่อนคนนั้นก็จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านพูดว่าใครต้องชดใช้ค่าสินไหมนั่น?”
เฉินเสียนเม้มปากแล้วยิ้ม“เจ้าว่าอย่างไรหล่ะ พวกเจ้าเย่เหลียงส่งเงินส่งเสบียงมา เจ้าไม่ใช่คนที่ต้องกลับมาชดใช้หรือ?”
องค์ชายหกกล่าว “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเย่เหลียงของข้าก็สามารถที่จะจ่ายเงินและเสบียงได้ ยังดีกว่าจักรพรรดินีที่ยากจนจนต้องแต่งตัวเพื่อออกมาขายทรัพย์ของบ้านเมือง”
เฉินเสียนยังไม่ทันได้ตอบกลับ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างตกใส่บนศรีษะ เธอจึงเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสที่มวยผมแล้วหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นเม็ดทรายที่แตกละเอียด จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นี่คงเป็นเม็ดทรายจากสวรรค์สินะ ถ้าเกิดว่าข้ารับเจ้าเข้าวัง สวรรค์ก็คงจะอึดอัดน่าดู ช่างน่าเวทนายิ่งกว่าชีวิตที่อาภัพเสียจริง”
เส้นผมที่หล่นลงปิดบังหน้าเขาไว้ตั้งแต่บริเวณไหล่ลงมา มีเพียงแค่เฉินเสียนที่ได้เห็น สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย แต่สายตาสีดำดั่งน้ำหมึกนั้นเต็มไปด้วยความรักที่มั่นคงต่อเธอ
ชุดเครื่องแบบที่สะอาดเรียบร้อยของเขากลับเต็มเศษฝุ่นหินทรายกระจายไปทั่ว ได้รับความเสียหายอย่างเละเทะ แต่เขาก็นำตัวเองบังไว้เพื่อไม่ให้เฉินเสียนได้รับอันตราย
เศษก้อนหินที่ร่วงหล่นลงมาแตกนั้นไม่โดนเธอเลย เพราะทั้งหมดนั้นตกลงบนร่างกายของซูเจ๋อ
ซูเจ๋อกล่าว “ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
เฉินเสียนยังไม่ได้สติกลับมา ผ่อนลมหายใจออกมาในขณะที่ตัวยังสั่นเทา เธอมองไปยังเขาที่มีท่าทางสงบนิ่ง ยื่นมือไปกอดเขาโดยไม่รู้ตัว อยากจะเอื้อมมือไปปัดฝุ่นที่ไหล่ของเขา
แต่เมื่อได้ขยับข้อมือนั้นเฉินเสียนก็พบว่า ข้อมือของเธอที่อยู่ภายใต้ชุดเครื่องแบบของซูเจ๋อนั้นมีมือคู่เรียวยาวกุมนิ้วเธอเอาไว้
เขาจับมือนิ้วมือของเธอเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้เธอได้ขยับ
เขาไม่สามารถปล่อยให้เธอกอดตัวเองได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะว่าสถานะของทั้งสองนั้นแตกต่างกันมาก มันจะทำให้เป็นที่เพ่งเล็งของผู้คนได้
เฉินเสียนกัดฟันแน่น ดวงตาที่เริ่มแดงมือทั้งสองยังคงพยายามดิ้นให้หลุด ซูเจ๋อนั้นก็ไม่สามารถยอมการต่อต้านของเธอได้ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ สำหรับเธอและสำหรับเขาแล้วต่างต้องมีเหตุผลที่ต้องเมินเฉยต่อกันอย่างเลือดเย็น
จนในที่สุดเฉินเสียนก็ยอมผ่อนแรงลง ละทิ้งความคิดที่เพ้อฝันที่จะเอื้อมมือไปกอดเขาไว้วางลง เขาจึงค่อยๆปล่อยมือเธอออกอย่างระมัดระวัง
ซูเจ๋อกางชุดเครื่องแบบขุนนางออก ร่องรอยนิ้วมือทั้งสิบนิ้วที่ถูกกุมมือไว้อยู่นั้นก็หายไปในทันที แล้วจึงค่อยๆลุกขึ้น หรี่ตามองแล้วเอ่ยขึ้นว่า “กระหม่อมไม่มีทางเลือก จึงกระทำผิดต่อฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงโปรดอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...