ขุนนางเฒ่าอีกคนกล่าวว่า "เฮ่อเซียงอย่างเพิ่งวู่วาม เรื่องราวยังไม่ได้มีการตัดสินชี้ขาด ไม่แน่อาจจะไม่ใช่เขาที่เป็นคนทำ"
เฮ่อเซียงกล่าวว่า "เมื่อวานเขาไปเยี่ยมเยือนใต้เท้าซูเป็นเรื่องที่ผิดนะ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการมอบชาหนึ่งกล่องเลย ไม่ว่าใต้เท้าซูจะดื่มชาของเขาแล้วป่วยหนักหรือไม่ ฝ่าบาทพูดนั่นก็คือความผิดของเขา นั่นเป็นความผิดของเขา!"
เฮ่อเซียงทอดถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวขึ้นว่า "เรื่องของฝ่าบาทกับใต้เท้าซู เป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณ เดิมทีหลักเหตุผลอยู่ที่ฝั่งของพวกเรา ตอนนี้แย่แล้ว ทำให้ใต้เท้าซวีก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ หลักเหตุผลก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่ฝั่งเราแล้ว กล้าที่จะทำลายขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก อีกทั้งยังเป็นราชครูของฝ่าบาท เช่นนั้นเป็นการลงโทษความผิดพลาดอะไร? หากใต้เท้าซูปั้นเรื่องเลียนแบบทำตามกฎหมายของต้าฉู่จริง ใต้เท้าซวีก็ต้องชดเชยแสดงการขอโทษด้วยชีวิตนั่น"
บรรดาเหล่าขุนนางเฒ่าร้อนใจจนไร้หนทาง กล่าวว่า "เพราะฉะนั้นพวกข้าเลยมาเชิญให้ท่านออกหน้า!"
เฮ่อเซียงกล่าวว่า "ทำให้ชัดเจนก่อน ท้ายที่สุดแล้วชานั่นมีความแปลกประหลาดหรือไม่ หากมีสิ่งของผสมปะปนจริง ของนั่นมาจากที่ใด นั่นก็จะมีวิธีช่วยเหลือ "เขาเอามือไขว้หลังทอดถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวอีกว่า "เรื่องที่ผิดจรรยาบรรณ พวกท่านควรหยุดก็หยุด สุดท้ายวุ่นวายจนเอาชีวิตคน มันดีต่อบ้านเมืองต้าฉู่จริงหรือ?"
เขาหันกลับมามองเหล่าขุนนางเฒ่า แล้วกล่าวว่า “ซูเจ๋อเป็นราชครูของฝ่าบาท ถึงแม้เขาไม่อยู่ที่ราชสำนัก ไม่ได้สนใจเรื่องราชสำนัก ชื่อเสียงและความนิยมของเขาในหมู่อาณาประชาราษฎร์ก็ไม่สามารถประเมินค่าต่ำได้ ปีนี้การสอบขุนนางระดับเคอจี่ของแต่ละสถานที่ทยอยจบลงแล้ว อีกสองเดือนก็เป็นเมืองหลวง มีบัณฑิตจำนวนเท่าไหร่กันเข้ามาเมืองหลวงเพื่อเคารพเขา หากเขาเป็นสิ่งใดไป พวกท่านหวังว่าต้าฉู่นอกจากเขาแล้วต่อไปก็ไม่มีคนฉลาดหลักแหลมทำงานเก่งอีกแล้วใช่หรือไม่?”
บรรดาเหล่าขุนนางเฒ่าเงียบกริบไม่กล่าวอะไร
และเวลานี้ ด้านนอกมีเสียงหัวเราะดังเข้ามา "ไอ๋หยา วันนี้วันอะไรกัน บรรดาท่านลุงอยู่กันหมดเลย "
ทุกคนชำเลืองมองด้านนอก เห็นในมือของเฮ่อโยวอุ้มหมวกขุนนางอยู่ ทั้งตัวสวมใส่ชุดเครื่องแบบขุนนางกลับมาจากด้านนอก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทำให้กลุ่มขุนนางเฒ่ารู้สึกได้ถึงความไม่สบอารมณ์ คล้ายดั่งถูกเรียกจับโจรผู้ร้าย
เฮ่อโยวเป็นคนข้างกายขององค์จักรพรรดินี เหล่าขุนนางเฒ่าป้องกันไว้เล็กน้อย ครั้นแล้วเรื่องนี้ก็ถูกพูดถึงตรงนี้ บนใบหน้าของเหล่าขุนนางเฒ่าก็หัวเราะ ฮ่าๆๆออกมา แล้วกล่าวว่า "อ้าว หลานชายที่มีเกียรติกลับมาแล้ว พวกข้ากำลังคิดที่จะเล่นหมากรุกกับท่านพ่อของเจ้าเลย"
เฮ่อโยวขึ้นบันไดมา แล้วยิ้มตาหยีไปด้วย กล่าวว่า "บรรดาท่านลุงคนเยอะแรงกำลังมาก นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งท่านพ่อของข้าหรือ นี่ต้องจัดวางกระดานใหญ่แค่ไหนถึงจะพอล่ะ"เขายืนอยู่ใต้ชายคา มองท้องฟ้า แล้วกล่าวอีกว่า "อ้อ จะถึงเวลาอาหารมื้อค่ำแล้ว บรรดาท่านลุงอยู่กินข้าวด้วยกันเถิดนะ หลานจะดื่มเป็นร่วมกับพวกท่านหนึ่งจอก"
"ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องหรอก ข้านึกได้ว่าที่เรือนมีภารกิจ ก็ขอตัวลาก่อนนะ"
"บังเอิญจริง เรือนข้าก็มีภารกิจเล็กน้อย"
ไม่นานกลุ่มขุนนางเฒ่าก็ออกไปกันหมดแล้ว เหลือไว้เพียงเฮ่อโยวกับเฮ่อเซียงที่อยู่ห้องโถงมองสบตากันไปมา
เฮ่อเซียงบ่นขึ้นว่า "ยากที่วันนี้ข้าจะได้ชุมนุมกันกับพวกเขา วันนี้เจ้ากลับมาไวเกินไปใช่หรือไม่? "
เฮ่อโยวนั่งลง แล้วดื่มชา แผ่หลาบนเก้าอี้ไม้แบบโบราณ กล่าวอย่างเอ้อระเหยว่า "ข้าไม่รีบกลับมาไวๆได้หรือ? ช้าอีกหน่อย ท่านก็ถูกคนแก่กลุ่มนั้นลากเข้าไปในท่อระบายน้ำใต้ดินนั่นก็ยากที่จะจัดการแล้ว"
เฮ่อเซียงกลัดกลุ้มใจอยู่พักหนึ่ง ชำเลืองมองเฮ่อโยวแล้วกล่าวว่า "เรื่องวันนี้ เจ้าจะไม่ไปกราบทูลต่อฝ่าบาทใช่หรือไม่?"
"หากพวกท่านไม่ได้ทำเรื่องที่ขัดต่อความชอบธรรม ยังกลัวข้าไปกราบทูลหรือนี่? "เฮ่อโยวนำถ้วยชาวางลง กล่าวว่า "เดิมทีจุดยืนต่างกัน ทุกคนล้วนไม่ได้ผิดใหญ่หลวงอะไร แต่ครั้งนี้คาดไม่ถึงว่าใต้เท้าซวีจะเลอะเลือนถึงเช่นนี้ ทำเกินไปอย่างแท้จริง หากท่านไปอ้อนวอน เรื่องเกี่ยวกับราชครูขององค์จักรพรรดินี ฝ่าบาทไม่มีทางไว้หน้าท่านหรอกนะ "
"เช่นนั้นถึงอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะมองใต้เท้าซวีรับโทษต่อหน้าต่อตาหรอกนะ"เฮ่อเซียงรู้สึกลำบากใจ เขาไม่สามารถเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายตรงข้ามกับบุตรชาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...