ขั้นตอนการไต่สวนเรื่องราวบนห้องไต่สวนจบลงชั่วคราว ซวีเวยถูกคุมขังอีกครั้ง และครอบครัวของเขาทั้งหมดถูกควบคุมดูแลไว้
เฉินเสียนไม่ได้ขัดขวางการที่เหล่าขุนนางท่านอื่นที่จะไปเยี่ยมนักโทษในคุกของศาลยุติธรรมต้าหลี่ ก็นับว่าเป็นการไว้หน้าบรรดาขุนนางเหล่านี้ด้วย
ด้วยเหตุนี้เฉินเสียนเลยเดินไปด้านหน้าก่อน ด้านหลังตามด้วยเหล่าขุนนางเฒ่าที่ทยอยตามกันเข้าไปเยี่ยมเยือนในคุก แต่ละคนพูดเกลี้ยกล่อมอย่างนุ่มนวล บอกใต้เท้าซวีว่าอย่าคิดสั้นโดยเด็ดขาด
เหล่าขุนนางเฒ่าที่มองสถานการณ์ออกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า "ใต้เท้าซวี ฝ่าบาทกำลังให้โอกาสท่าน พระองค์ต้องการคือยาถอนพิษ ตอนนี้เรื่องราวเป็นเยี่ยงนี้แล้ว เทียบไม่ได้กับการที่ท่านบอกยาถอนพิษออกมานะ ยังจะสามารถรักษาชีวิตทั้งครอบครัวไว้ได้"
ซวีเวยอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ใบหน้าซีดเซียวกล่าวขึ้นว่า "ไม่ใช่ว่าข้าไม่ให้ แต่ข้าไม่มียาถอนพิษจริงๆ!"
เวลานี้ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่กล่าวออกมาด้วยความสงสัยว่า "เรื่องนี้ใช่หรือไม่ว่ามีความจริงที่อยากปกปิดไว้? ใต้เท้าซวี ยานั่นใช่หรือไม่ว่าผู้อื่นให้ท่านมา?"
ประโยคเดียวพูดแทงใจของซวีเวย เขาทำได้เพียงพยักหน้าและทอดถอนหายใจออกมาอย่างขมขื่น
ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ไต่ตรองต้นสายปลายเหตุ แล้วกล่าวถามอีกว่า "ผู้ที่มอบยาให้แก่ท่าน......เป็นองค์ชายหกแห่งเย่เหลียงใช่หรือไม่?"
ซวีเวยกลัดกลุ้มใจไม่ตอบ กลุ่มขุนนางเฒ่าเศร้าโศกอย่างมาก
ซวีเวยกลั้นน้ำตาไว้กล่าวว่า "หากว่าข้าสารภาพผิด ผลที่ตามมาเกรงว่าจะยิ่งหนักขึ้น หากว่าถูกประทับไว้กับกฎหมายโทษฐานที่แอบติดต่อสื่อสารกับเมืองอื่น ครอบครัวของข้าทั้งหมดก็ไร้หนทางการมีชีวิตรอดแล้ว"
"เฮ้อ เหตุใดท่านถึงเลอะเลือนเช่นนั้น!คำพูดขององค์ชายหกนั่นเชื่อได้ที่ไหนกันเล่า!"
ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่กล่าวว่า "เรื่องนี้ข้าคิดได้ ไม่ช้าก็เร็วฝ่าบาทต้องเชื่อมโยงคิดได้ ต้องรู้เรื่องวันนั้นที่สำนักหมอหลวงที่ข้ารอพบกับองค์ชายหก ถูกฝ่าบาทพบเจอโดยบังเอิญ วันนี้ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทไม่ได้สูญเสียลำดับความสำคัญ พระองค์ต้องรู้เรื่องยาในใบชาและก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัวของท่านอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นก็ไม่เพียงส่งกลับเรือนควบคุมดูแลอย่างง่ายดายหรอก บางทีฝ่าบาทอาจจะให้โอกาสท่านจริงแล้วให้ท่านสารภาพว่าเป็นองค์ชายหกออกมา ถึงแม้ว่าท่านไม่มียาถอนพิษ เมื่อท่านสารภาพออกมาแล้ว พระองค์ก็จะสามารถไปเอายาถอนพิษจากองค์ชายหกได้อย่างสง่าผ่าเผย"
ความเป็นจริงก่อนที่จะไต่สวนซวีเวย เฉินเสียนได้ส่งคนไปตรวจสอบความเป็นจริงที่สวนชาแล้ว ใบชานั่นเป็นใต้เท้าซวีพาหลานไปเก็บจริง เป็นใบชาที่หลานใช้มามอบแสดงความเคารพต่อท่านปู่ ด้านในจะมียาปะปนมาได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเธอเลยพาภรรยาของใต้เท้าซวีไปที่ห้องไต่สวน เพียงแค่อยากทำให้เขาตกใจ
และทันทีหลังจากนั้นเฮ่อโยวก็นำหมอหลวงของสำนักหมอหลวงมาตรวจสอบความเป็นจริง ภายในไม่กี่วันหลังจากใต้เท้าซวีตั้งใจชนเสา ก็ไปที่สำนักหมอหลวงเป็นประจำ ภายในตระกูลเรือนของขุนนางก็จะมีการเตรียมพร้อมหมอของตัวเองอยู่ตลอดเวลา จุดนี้ค่อนข้างผิดปกติ และหลังจากที่องค์ชายหกตกน้ำ ก็ไปที่สำนักหมอหลวงหนึ่งครั้ง และก็ได้พบเจอกันกับซวีเวย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปซวีเวยก็ไม่ได้ไปเปลี่ยนยาที่สำนักหมอหลวงอีกเลย ปัญหาก็น่าจะอยู่ที่นี่แหละ
เฉินเสียนโบกสะบัดมือให้หมอหลวงออกไป หัวเราะอย่างเยือกเย็นกล่าวว่า "หลังจากที่เกิดเรื่องกับซูเจ๋อ ลางบอกเหตุแรกของข้าก็คือสงสัยคนคนนั้น ดูเหมือนว่าลางบอกเหตุของข้ายังคงแม่นยำนะ ไม่ว่าจะเรื่องจะซับซ้อนอย่างไร สุดท้ายมักจะมีความสัมพันธ์กับชายคนนั้น"เธอมองเฮ่อโยวแวบหนึ่ง แล้วกล่าวว่า "มีเรื่องที่ข้าต้องรบกวนเจ้า"
เฮ่อโยวกล่าวว่า "ขอเชิญฝ่าบาทรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ"
"กลับไปทำให้ท่านพ่อของเจ้าครุ่นคิดหน่อย ทำให้บรรดาคนแก่พวกนั้นตึงเครียด "
เฮ่อโยวยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า "ทำให้ท่านพ่อรู้สึกลำบากใจหรือพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระหม่อมทำได้พ่ะย่ะค่ะ"
ตอนที่เฮ่อโยวจะออกไป เฉินเสียนกล่าวกับเขาว่า "ช่วงไม่กี่วันนี้อาเซี่ยนเป็นห่วงท่านพ่อของเขา กลัดกลุ้มไร้ความสุข อีกสักครู่เจ้าเลิกงานแล้วช่วยข้าพาเขาไปเดินเล่นหน่อยนะ เอาเขาไปส่งหาท่านพ่อของเขาที่นั่น"
ด้วยเหตุนี้ตอนพลบค่ำเฮ่อโยวเลิกงาน ก็ได้จูงมือน้อยๆออกจากพระราชวังไป
ความมืดยามค่ำคืนมาเยือน แสงไฟสว่างไสว ตลาดกลางคืนกำลังเปิดบนถนนเส้นนั้น ถนนสองข้างทาง มีไฟระยิบระยับ ค่อนข้างคึกครื้นเป็นอย่างมาก
เฮ่อโยวชอบเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก สุขุมและสงบ เห็นแววตาของเขามองผ่านถนนสองข้างทางอย่างราบเรียบ ไม่มีความแปลกใจไร้เดียงสาเหมือนเด็กคนอื่นเลยสักนิดหนึ่ง
เฮ่อโยวกล่าวว่า "แม้จะบอกว่านิสัยของพระองค์เหมือนท่านพ่อของพระองค์ แต่พระองค์ก็นิ่งเงียบเกินไปแล้ว ไม่ชอบพูดคุยและไม่ชอบยิ้ม จะทำให้สูญเสียความสนุกสนานในวัยเด็กอย่างมากมาย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...