ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 604

เย่ซวิ่นหัวเราะออกมา เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง : “งั้นพรุ่งนี้ข้าขอเรียนเชิญฝ่าบาทไปที่ประตูเมืองกับข้า ส่งเหล่าบรรดาราชทูตของอาณาจักรเย่เหลียงกลับไปเสียหน่อย”

“เจ้าไม่กลับหรือ?”

“กลับไปทั้งอย่างนี้ ไม่ขายหน้าแย่หรอกหรือ?” เย่ซวิ่นพูดขึ้น : “ท่านโปรดรู้ด้วยว่าข้ามาที่อาณาจักรต้าฉู่ด้วยความทะเยอทะยานเต็มอก จะมายอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้อย่างไรกัน”

เฉินเสียนหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “งั้นก็จงรู้ไว้เสีย ว่าถึงแม้เจ้าจะอยู่ที่อาณาจักรต้าฉู่ต่อไป เจ้าก็ไม่มีโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น พรุ่งนี้เมื่อราชทูตเดินทางกลับไปแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปที่ตำหนักเย็นทันที”

เย่ซวิ่นเอนตัวลงบนพนักพิงของเก้าอี้ด้วยความผ่อนคลาย สีหน้าของเขาเรียบเฉย พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “งั้นขอรบกวนฝ่าบาทหน่อยได้หรือไม่ อย่าได้ตัดรอนเยื่อใยกันจนเกินไป เมื่อถึงเทศกาลต่างๆ ก็ปล่อยข้าออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง เพราะถึงอย่างไรข้างในกำแพงที่สูงลิ่วของพระตำหนักเย็นนั่นก็เงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเสียจริง”

เฉินเสียนจ้องมองเขาเนิ่นนาน แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “เจ้าคือคนที่ทารุณตัวเองโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา”

เย่ซวิ่นเงยหน้ามองเธอ เขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เพราะหากข้าไปจากที่นี่แล้ว ก็จะไม่สามารถย่างกรายเข้ามาในอาณาจักรต้าฉู่ได้อีก และข้าคงจะไม่ได้เห็นหน้าท่านอีก พอมานึกๆ ดูแล้ว มันก็คงจะทรมานไม่ต่างกัน”

เฉินเสียนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันว่า : “เป็นไปได้หรือว่าเจ้าจะสามารถทำให้ข้ารู้สึกหวั่นไหวได้จริงๆ?”

เย่ซวิ่นไม่ตอบกลับ เขาเพียงพูดขึ้นว่า : “ฝ่าบาทคงต้องระวังตัวไว้บ้าง หากครั้งหน้ายังมีโอกาส ข้าจะไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะเป้าหมายที่ข้ามายังอาณาจักรต้าฉู่นั้นก็เพื่อที่จะมีลูกกับท่านนี่นา”

เฉินเสียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอลุกขึ้นแล้วเดินจากไป เย่ซวิ่นวางขาทั้งคู่ลงบนโต๊ะ เขาพูดขึ้นพึมพำด้วยความเสียดายว่า : “ข้าคิดว่าครั้งนี้ไม่ว่ายังไงซูเจ๋อก็คงจะดิ้นไม่หลุดแท้ๆ แล้วเชียว”

ข่าวคราวเรื่องที่ซูเจ๋อลักลอบลงนามสนธิสัญญากับทางอาณาจักรเย่เหลียงโดยลำพังนั้นยังไม่ทันจะแพร่ออกไป ก็ถูกเฉินเสียนตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียแล้ว เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงเหล่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักได้ จึงได้ตัดสินใจอย่างเฉียบขาดและเด็ดเดี่ยว เผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งนี้ด้วยตัวเธอเอง ไม่เพียงแต่จะไม่หลบเลี่ยงและบ่ายเบี่ยงปัญหา เธอยังไม่ยอมปัดความรับผิดชอบอีกด้วย แถมยังเข้าไปรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด

เธอได้ออกพระราชกฤษฎีกาอย่างเป็นทางการ ให้ทุกคนได้รับรู้กันอย่างถ้วนหน้า ดังนั้นข่าวลือที่เกี่ยวข้องซูเจ๋อในภายภาคหน้า ก็จะไม่มีน้ำหนักและมีผลร้ายใดๆ

นี่คือสิ่งที่เย่ซวิ่นคาดไม่ถึงเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ยังรวมไปถึงเหล่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักทางอาณาจักรเย่เหลียงด้วย ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึงเลย

เวลานี้เอง เฉินเสียนก็ได้ชะงักฝีเท้าลง เธอไม่ได้หันหน้ากลับไป เพียงแต่เงยหน้าขึ้นแล้วทอดสายตามองออกไปยังบรรยากาศที่โพล้เพล้ข้างนอกนั่น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า : “ข้าเคยบอกแล้ว ว่าจะไม่มีผู้อื่นใดสามารถทำลายเขาได้”

วันถัดมา เธอและเย่ซวิ่นรวมถึงเหล่าบรรดาขุนนางและเจ้าหน้าที่ของราชสำนักก็ได้ไปส่งเหล่าราชทูตของอาณาจักรเย่เหลียงที่ประตูเมือง หลังจากนั้น ไม่รอให้เฉินเสียนได้รับสั่งอะไร เหล่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักก็ได้จับตาและเฝ้าระวังเย่ซวิ่นทันที

เมื่อเย่ซวิ่นกลับมาแล้ว ก็ถูกย้ายจากพระตำหนักฉีเล่อไปยังพระตำหนักเย็นทันที ในด้านอาหารการกิน เฉินเสียนก็ไม่ได้ให้ขาดตกบกพร่องประการใด เพียงแต่เขาจะเจอเฉินเสียนยากมากขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้นเอง

ผ่านไปราวสองถึงสามเดือน ราชทูตอาณาจักรเย่เหลียงได้กลับไปถึงอาณาจักรเย่เหลียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทางอาณาจักรเย่เหลียงได้ทราบข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ตั้งแต่แรกแล้ว ต่างก็พากันรู้สึกโกรธเคืองไปตามๆ กัน

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงทรงตรัสขึ้นด้วยความพิโรธว่า : “ข้าสั่งการตั้งแต่แรกไว้อย่างไร ข้าต้องการยืมแรงของอาณาจักรต้าฉู่มาช่วยในการลากซูเจ๋อลงคลอง ดูพวกเจ้าไปทำกันท่าไหน?”

ราชทูตทูลกลับด้วยความลำบากใจว่า : “ฝ่าบาท จักรพรรดินีของอาณาจักรต้าฉู่ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการเบื้องต้น เหล่าบรรดาขุนนางและเจ้าหน้าที่ของราชสำนักได้พยายามอย่างมากที่จะกล่าวโทษเขา แต่จักรพรรดินีองค์นั้นได้สลัดและหลีกเลี่ยงพวกเขาทิ้งอย่างสิ้นเชิง พระนางได้ลงนามหนังสือสนธิสัญญาฉบับใหม่กับเหล่าขุนนาง แต่เหล่าขุนนางยังไม่ทันจะได้ประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำ พระนางก็ได้ออกพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ออกมา เหล่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักไม่ทันแม้แต่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเย่เหลียงกำลังอยู่ในภาวะลังเลพระทัย ไม่สามารถตัดสินพระทัยได้ ภายภาคหน้าจะรับมือกับซูเจ๋ออย่างไร นี่เป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิเย่เหลียงทรงเป็นกังวลพระทัยอย่างที่สุด

ราชทูตได้ทูลขึ้นว่า : “แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ราชสำนักของอาณาจักรต้าฉู่จะดูแล้วสงบไร้คลื่นใดๆ แต่แท้จริงแล้วภายในวุ่นวายไม่น้อย อาจเป็นเพราะเหล่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักที่อยู่ในอาณาจักรต้าฉู่นั้นไม่สะดวกออกหน้ามากจนเกินไป พวกเหล่าบรรดาขุนนางอาวุโสที่เก่าแก่ไม่ได้จัดการง่ายๆ เช่นนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

แท้จริงแล้ว ก่อนที่ราชทูตของอาณาจักรเย่เหลียงจะเดินทางออกจากอาณาจักรต้าฉู่นั้น สถานการณ์ของเหล่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักที่ดูแล้วสงบเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อราชทูตของอาณาจักรเย่เหลียงได้เดินทางกลับไปแล้ว ในวันถัดมา ก็ได้มีเหล่าขุนนางและเจ้าหน้าที่พลเรือนคุกเข่าร้องเรียนอยู่ด้านนอกของท้องพระโรง วอนจักรพรรดินีทรงรับสั่งปลดตำแหน่งของซูเจ๋อ เขายังคงสามารถเป็นท่านบัณฑิตต้นแบบที่น่าเคารพนับถือของอาณาจักรต้าฉู่ได้ แต่ด้วยความด่างพร้อยนี้ ไม่ควรจะได้ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับสูงในราชสำนัก และยิ่งไม่ควรมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวใดๆ กับองค์จักรพรรดินีอีก

เฉินเสียนได้ยินแล้วก็อดขำเสียไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี