เฉินเสียนสรรหาเหตุผลแก้ต่างแทนซูเจ๋อเสมอ ดังนั้นเธอมักจะคิดในแง่มุมของเขา สุดท้ายก็ได้บทสรุปว่า เขาไม่ได้ผิดในการกระทำทั้งหมด
ความมุ่งหวังของเธอแสนจะธรรมดามาก แค่ขอได้เห็นหน้าเขาเป็นประจำ รู้ว่าเขาปลอดภัยก็พอแล้ว ต้องเป็นเพราะเมื่อก่อนเธอเป็นคนละโมบเป็นแน่ ถึงทำให้ต้องเจออุปสรรคนานัปการ มวลมนุษย์ต่างก็เป็นเช่นนี้ เมื่อมีอุปสรรคถาโถมเข้าใส่ก็จะถอยออกแล้วสรรหาสิ่งอื่นแทน
จนถึงวันนี้สอง หมอหลวงที่เฉินเสียนส่งไปถูกรั้งอยู่หน้าประตูจวน เฉินเสียนจึงออกจากวังไปดูเขาที่จวน
ภายในจวนซูเจ๋อเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว ประตูหลังที่เธอเข้าออกเป็นประจำถูกปิดสนิท และมีพ่อบ้านกับข้ารับใช้บริพารไม่กี่คนหลงเหลืออยู่
เฉินเสียนไม่เห็นซูเจ๋อ
หัวใจเธอพลันหล่นวูบถึงก้นเหว จมดิ่งอยู่กับความลึกจนหายใจไม่สะดวก เธอได้ยินเสียงตัวเองถาม "ซูเจ๋อล่ะ?"
พ่อบ้านถอนหายใจพร้อมกับปาดน้ำตา
เฉินเสียนถามอีกว่า "ข้าถามเจ้าว่าเขาอยู่ไหน?"
พ่อบ้านคุกเข่าตรงหน้าเฉินเสียน กล่าวในน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป "ฝ่าบาทมาช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าออกนอกเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"เขาไปเมื่อไหร่? ใครอนุญาตให้เขาไป"
"ใต้เท้าไปพร้อมกับขุนนางตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ"
เฉินเสียนวิ่งกลับวังราวกับคนบ้าคลั่ง เรียกขุนนางที่รับผิดชอบเรื่องนี้เข้าเฝ้าไปด้วย พลางหาฎีกาที่เสนอซูเจ๋อนำขุนนางออกนอกเมืองหลวงไปด้วย
ห้องบรรทมข้าวของเกลื่อนกลาด เธอหาทุกซอกทุกมุมอย่างสติแตก สุดท้ายก็ไม่เจออะไร
ฎีกาฉบับนั้น เธอวางบนโต๊ะแท้ๆ ทำไมตอนนี้ถึงไม่เจอเล่า
เมื่อขุนนางชั้นสูงมาถึง เฉินเสียนพลันแผ่รังสีพิฆาตไปทั่วเรือนร่าง เธอถีบขุนนางชั้นสูงผู้นี้อย่างไม่บอกไม่กล่าว
เธอไม่เคยกระฟัดกระเฟียดจนโวยวายเช่นนี้มาก่อน ขุนนางตกใจกลัวจนคลานติดกับพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นสะท้าน
ดวงตาเฉินเสียนแดงก่ำ ดึงคอเสื้อขุนนางผู้นี้ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "ข้าไม่อนุญาตให้อัครเสนาบดีซูออกจากเมืองหลวง ผู้ใดอนุญาตกันแน่? เป็นเจ้าหรือไม่? คุณสามหาวยิ่งนัก กล้าแอบอ้างคำสั่งของข้า โดยการใส่ชื่อเขาในกองกำลังตรวจสอบ ทหาร มานี่"
องครักษ์วิ่งเข้ามา เฉินเสียนโยนเขาให้กลับองครักษ์
ไม่รอให้ออกคำสั่ง ขุนนางชั้นสูงผู้นี้ก็กล่าวด้วยหน้าซีดเซียว "กระหม่อมไม่บังอาจปลอมแปลงพระราชโองการของฝ่าบาทหรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่เตรียมจัดของเท่านั้น ฝ่าบาทเป็นผู้อนุญาตอัครเสนาบดีซูออกจากเมืองเองนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีลายลงนามของฝ่าบาท เชิญฝ่าบาทโปรดพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
ต่อมาขุนนางก็กลับไปเอาหนังสือคำสั่งที่ศาลาที่ว่าการ พลางใช้สองมือประเคนส่งให้เฉินเสียนดูด้วยความหวาดหวั่น
เฉินเสียนหลุบตาอ่าน นิ้วมือก็บีบขยี้จนอยากฉีกให้ขาดเสียแต่ตอนนี้เลย
เป็นหนังสือฎีกาที่เธอหาทั่วห้องบรรทมแต่ก็ไม่พบ เธอไม่เคยอนุญาต แต่เมื่อเปิดออกก็กลับเห็นสีชาดที่สื่อให้รู้ว่าอนุญาตแล้วอย่างฉายชัด
นอกเสียจากซูเจ๋อแล้วยังมีใครเคยมาในห้องบรรทมเธออีก
นอกเสียจากซูเจ๋อแล้วยังมีใครกล้าปลอมแปลงลายมือเธอได้เหมือนเช่นนี้อีก
เขาหลบหน้าเธอตลอด เย็นชาใส่เธอ แต่คืนนั้นดันมาหาเธอที่ห้องบรรทม ที่แท้เขามาด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝงนี่เอง
เขาอยากไปจากเธอ ไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียว
เขาอ้างว่าลาป่วยไม่มาเข้าเฝ้าราชการในยามเช้าก็เพื่อถ่วงเวลา ความจริงก็คือเขาออกไปเมื่อสองวันก่อนแล้ว
เฉินเสียนไม่อาจปล่อยวางได้ ถึงแม้เธอจะท้อแท้ใจเพียงใด แต่เธอก็วางไม่ลง ชาตินี้ไม่มีบุรุษคนที่สองที่จะทำให้หัวใจเธออ่อนไหวอีก
เธอยังจำได้คืนที่เธอคิดว่าฝันไป เธอพูดกับซูเจ๋อถึงเรื่องมีบุรุษรูปงามหลังวังสักสามพันคน ซึ่งพูดไปด้วยความโกรธ อยากหลอกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...