ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 640

เฉินเสียนกล่าว “ข้าทำสัญลักษณ์สีแดงนั่นไว้คือเมืองใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุดของเย่เหลียงทั้งหมด ข้าอยากให้เจ้าเข้าไปในอาณาเขตของพวกเขา โดยเริ่มจากการค้าขายในสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดก่อนอาทิเช่น อาหารแห้งและน้ำมัน เพื่อให้เจ้าตั้งหลักให้มั่งคง จากนั้นที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเจ้าในการแสดงความสามารถแล้ว การรวมรวบทรัพย์สินโดยมิชอบนั้นเป็นจุดแข็งของเจ้า มีต้าฉู่เป็นกองหนุนให้ เจ้าไม่มีอะไรที่ต้องเกรงใจ ”

เหลียนชิงโจวตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอย่างจริงใจ เป็นจริงดั่งที่ว่าต้องเต็มที่จริงใจกับคนอื่นเพื่อนเส้นทางที่กว้างขึ้นในอนาคต ที่แท้ความหอมหวานมักจะมาอยู่ในตอนท้ายเสมอ เขามองไปที่แผนที่แล้วก็เอ่ยถามไปด้วยว่า“เหตุใดฝ่าบาทถึงได้เข้าใจเศรษฐกิจของเย่เหลียงได้ชัดเจนยิ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนกล่าว“ต้องขอบใจเย่ซวิ่น ถ้าเสด็จพ่อของเขารู้ก็คงโกรธแค้นเป็นแน่”

ครั้งที่แล้วเมื่อตอนที่อยู่พระตำหนักไท่เหอเย่ซวิ่นนั้นดื่มเหล้าจนเมามาก พูดทุกสิ่งอย่างที่ตัวเองรู้ให้กับเฉินเสียนฟัง กลับไม่คิดว่าเฉินเสียนจะจำคำพูดนั้นไว้ในใจมาตลอด

การแข่งขันระหว่างสองอาณาจักรนั้นไม่จำเป็นต้องก่อสงคราม แต่เป็นการเริ่มจากเจาะเข้าไปในฐานเศรษฐกิจ ถ้าเกิดเหลียนชิงโจวตั้งรกรากมั่นคงในเย่เหลียงได้แล้ว อนาคตเย่เหลียงก็ไม่อาจกล้าที่จะก่อสงครามอย่างง่ายดาย เพียงแต่ถ้าคิดจะถอนรากถอนโคนต้าฉู่ เย่เหลียงนั้นก็ต้องประสบปัญหาที่วุ่นวายเสียก่อน

เฉินเสียนกล่าว“ทางฝั่งเย่เหลียง มีเรื่องอะไรเจ้าก็ไม่ต้องออกหน้า ต้องระวังระวังความปลอดภัยไว้ก่อน”

เหลียนชิงโจวกล่าว“ถึงอย่างไรก็ต้องไปสำรวจเส้นทางที่เย่เหลียงด้วยตัวเองก่อนสักครั้ง ”

“ก่อนปีหน้าเจ้ากลับมาทันหรือไม่ ข้าหวังว่าต่อไปนี้เจ้าจะกลับเข้ามาในเมืองหลวงให้บ่อยขึ้น เจ้าเป็นตัวแทนของข้า ข้าคงไม่ได้ถึงข่มขู่เจ้าจนทำให้เจ้าไม่กล้ากลับบ้านนะ ”

เหลียนชิงโจวหัวเราะแล้วกล่าวว่า“เมื่อก่อนนั้นการค้ายุ่งมากจริงๆพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงคิดมากไปแล้ว ข้าน้อยจะพยายามกลับมาก่อนปีหน้าพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนยังถามขึ้นว่า“แล้วภรรยาคนใหม่ของเจ้า จะพาไปด้วยหรือไม่?”

เหลียนชิงโจวเงียบไปสักครู่ ก็พูดขึ้นว่า“การเดินทางนั้นแสนลำบาก แล้วไม่ได้ไปเพื่อที่จะเสวยสุข ข้าน้อยก็คงจะให้นางได้อยู่ที่บ้านพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนพยักหน้าแล้วพูดว่า“ข้าจะช่วยเจ้าดูแลให้เอง พูดแล้วข้าก็ยังไม่เคยได้เจอนางเลย”

“ต่อไปภายหน้าต้องมีโอกาสได้พบพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเหลียนชิงโจวกำลังจะทูลลาออกไป เฉินเสียนก็รีบเอ่ยปากขึ้นทันทีว่า“จิ้งจอกเหลียน”

เหลียนชิงโจวหันหลังกลับมา

เฉินเสียนพูดด้วยเสียงเบาว่า“เคยมีคนกล่าวไว้ว่า การร่ำรวยในประเทศัตรูนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี เจ้าควรจะเรียนรู้คำสั่งสอนจากเขาไว้”

เหลียนชิงโจวเงียบไป แล้วเอ่ยว่า“ข้าน้อยจะจดจำคำสั่งสอนเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อตอนที่สารของท่านอ๋องมู่ได้ส่งมาถึงยังฉู่จิง ก็เป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นวสันตฤดูในเดือนที่สองพอดี ถึงแม้ว่าจะคงเป็นช่วงเวลาที่อากาศยังเย็นอยู่ แต่นั่นก็ไม่สามารถต้านทานสรรพสิ่งต่างๆให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งหนึ่ง

ดอกมะลิที่ริมฝั่งทั้งสองของแม่น้ำหยางชุนได้เริ่มผลิดอกออกใบแล้ว บรรยากาศที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอยู่จางๆทำให้ร่างกายและจิตใจคนนั้นเบิกบานมีความสุข

เหลียนชิงโจวเพิ่งจะก้าวเท้าออกจากวังไป ผู้ส่งสารนั้นก็เข้าก้าวเท้าวังมาพอดี

ในตอนแรกเฉินเสียนนั้นก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก เพราะว่าเป็นสารที่ท่านอ๋องมู่นั้นได้ส่งมาเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่สารของทางเป่ยเซี่ย และเธอยังคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและท่านอ๋องมู่นั้นก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร

เมื่อเฉินเสียนได้รับสารฉบับนั้นแล้ว เธอเริ่มจากการแกะตราประทับขี้ผึ้งบนซองจดหมายออก ดึงกระดาษข้างในออกมาคลี่เพื่อเปิดอ่านเนื้อหาข้างใน

เมื่อได้อ่านครั้งแรก จากเดิมที่มีสีหน้าเรียบเฉยก็แปรเปลี่ยนไปเป็นแข็งทื่อทันที ในดวงตานั้นมีแสงสว่างสลัวๆ กระดาษจดหมายนั้นราวกับจักจั่นที่กำลังกระพือปีกในคิมหันตฤดู

สายตาของเฉินเสียนเลื่อนขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะอ่านยืนยันเนื้อหาในสารนั่นอีกครั้ง เธอกดเสียงต่ำถามออกมาว่า“ตอนนี้ท่านอ๋องมู่ของพวกเจ้าไปอยู่ที่ใด?”

ผู้ส่งสารเอ่ย“ข้าน้อยรีบมาส่งสาร ดังนั้นข้าน้อยจึงไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ”

“ทหาร เชิญผู้ส่งสารไปพักผ่อนสักหน่อย ข้าจะตอบสารทันที”

เฉินเสียนร้อนลนรีบวางกระดาษจดหมายนั่นวางแผ่บนโต๊ะ เธอก็น่าจะเหมอลอยไปกับเรื่องเก่าในอดีต พู่กันในมือถูกจุ่มน้ำหมึกจนสึกหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือเขียน น้ำหมึกบนปลายพู่กันก็กระจายอยู่บนกระดาษจดหมายแล้ว

มือของเธอสั่นเทา ถึงแม้ว่ามีมืออีกข้างจับข้อมืออย่างระมัดระวังไว้อยู่ แต่อาการสั่นนั้นก็ยังไม่หายไป

สุดท้ายเฉินเสียนก็ไม่รู้จะเขียนอะไรออกมา แต่กลับทำกระดาษจดหมายนั้นเลอะเทอะไปหมด จนเธอต้องมีรับสั่งออกไปว่า“ไปตามเฮ่อโยวมาเข้าเฝ้าข้าประเดี๋ยวนี้”

เฮ่อโยวรีบเข้าวัง เมื่อได้เห็นเฉินเสียนกำลังนั่งเขียนพระราชโองการอยู่บนโต๊ะเอกสารราชการ แต่ว่าพระราชโองการนั้นกลับว่างเปล่า

เฉินเสียนเงยหน้ามองเขา ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมา เธอก็หัวเราะขึ้นมาก่อนจนดวงตามีความชุ่มชื้นของน้ำน้ำตา จึงทำให้เฮ่อโยวตกตะลึง นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นเฉินเสียนสูญเสียการควบคุมเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี