เหมือนเฉินเสียนจะเห็นความหวังครั้งใหญ่ เธอแหงนหน้ามองแสงฟ้าแลบสีขาวเงินส่องในดวงตาของเธอ เมื่อซูเจ๋อมองเห็นความสว่างสดใสนี้ก็รู้สึกสุขฤทัยยิ่ง
ราวกับว่าเธอควรเป็นเช่นนี้แต่แรกถึงจะถูก
เฉินเสียนกล่าว "จริงหรือ? ขอเพียงจักรพรรดิเป่ยเซี่ยอนุญาตให้ท่านกับข้าอยู่ด้วยกัน ท่านก็จะยอมกลับต้าฉู่กับข้าอย่างสมัครใจ? เช่นนั้นถึงข้าจะต้องหน้าด้าน ข้าก็จะขอความเห็นชอบจากเขา"
ไม่รอให้ซูเจ๋อตอบ เฉินเสียนก็ผละออกจากอ้อมกอดเขาด้วยความอาลัย ครุ่นคิดดูแล้วก็เขย่งเท้ารีบจุมพิตริมฝีปากเขาหนึ่งครั้ง
ครั้งนี้ถึงตาซูเจ๋อตกตะลึงแล้ว
"ตกลงตามนี้นะ ซูเจ๋อ ท่านรอข้าเถอะ"
ต่อมาอ้อมกอดซูเจ๋อว่างเปล่า เฉินเสียนแอบย่องมาในยามวิกาลและถือโอกาสจากไปในยามวิกาลด้วย
เสียงฟ้าแลบฟ้าผ่าในฤดูใบไม้ผลิหยุดกะทันหัน ซูเจ๋อจุดไฟบนตะเกียงอีกครั้ง เห็นภายในห้องโล่งเปล่าวังเวง คล้ายกับว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน เธอไม่เคยมาจริงๆ
ทว่าอากาศภายในห้องกลับมีกลิ่นกายเธอหลงเหลืออยู่ ซูเจ๋อพบว่า เขาสัมผัสไวต่อกลิ่นกายของเธอมาก
เฉินเสียนขอม้าหนึ่งตัวกับพ่อบ้านจวนอ๋องแล้วทะยานสู่พระราชวัง
งานเลี้ยงคืนนี้จบไว เวลานี้จักรพรรดิเป่ยเซี่ยยังไม่พักผ่อน กำลังสะสางงานราชกิจที่ค้างคาตอนกลางวัน
หลังงานเลี้ยงเลิกรา ท่านอ๋องมู่ทูลขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิเป่ยเซี่ย หากแต่ถูกปฏิเสธกลับไป ช่วงนี้จักรพรรดิเป่ยเซี่ยรำคาญที่น้องชายเอนเอียงไปทางคนนอก ท่านอ๋องมู่ขอเข้าเฝ้าหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธไปทุกคราว
ท่านอ๋องมู่อับจนหนทาง จักรพรรดิเป่ยเซี่ยคงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะแยกท่านอ๋องรุ่ยกับจักรพรรดิต้าฉู่จากกัน สิ่งที่เขาอยากกราบทูลก็ไม่มีโอกาสเสียเลย
เฉินเสียนบุกเข้าวังกลางดึกกลางดื่น ย่อมต้องถูกสกัดกั้นเป็นแน่แท้ ถึงแม้หัวหน้าประตูยามจะรู้ว่าเธอคือจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่ ทว่าตอนนี้ต้องทำตามกฎ จึงไม่ปล่อยให้เธอเข้าไปโดยง่าย
เมื่อท่านอ๋องมู่ออกจากวังก็บังเอิญเห็นเฉินเสียนกำลังโต้เถียงกับทหารเฝ้าประตูวัง หากไม่รีบขัดขวาง เธอคงจะบุกเข้าไปแน่
ท่านอ๋องมู่รีบเข้าไปถามถึงต้นสายปลายเหตุ ทราบว่าเฉินเสียนจะขอพบจักรพรรดิเป่ยเซี่ย
ท่านอ๋องมู่ทอดถอนใจ กล่าวว่า "ยามนี้ฝ่าบาทกระทั่งข้าก็ไม่พบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่านเลย"
เฉินเสียนกล่าว "ข้าจำเป็นต้องเขาประตูวังนี้ ส่วนเรื่องเขาจะยอมพบข้าหรือไม่ ข้าจะพยายามอีกที" เธอยิ้มคุยกับท่านอ๋องมู่ด้วยความรู้สึกผิด กล่าวต่อว่า "รบกวนท่านอ๋องเป็นประจำ เฉินเสียนเกรงใจยิ่งนัก แต่ข้ายังคงอยากให้ท่านอ๋องช่วยข้าเป็นครั้งสุดท้าย"
ท่านอ๋องมู่กล่าว "หากลงไม้ลงมือเหมือนคราวที่แล้ว ที่นี่เป็นราชวัง ไม่ได้พูดง่ายๆเลย"
"ไม่หรอก ข้าไม่ทะเลาะหรือสู้กับเขาหรอก ขอเพียงเขาเห็นชอบเรื่องข้ากับซูเจ๋อ ข้ายินดีก้มหน้ารับผิด ข้ายินดีกลับตัวกลับใจ"
สุดท้ายท่านอ๋องมู่ใช้อำนาจของเขาพาเฉินเสียนเข้าไป
ในห้องของซูเจ๋อจุดไฟใหม่แล้ว เมื่อเห็นเฉินเสียนจากไป เขาก็ไม่รู้สึกง่วงเลย
ต่อมาได้ยินเสียงต้นไม้พริ้วไหว เขาสาวเท้าไปยังหน้าต่าง เห็นหยดฝนเท่าเมล็ดถั่วตกใส่ตาข่ายหน้าต่างทีละหยด ชั่วอึดใจตาข่ายหน้าต่างก็เปียกแฉะไปหมด
สายฝนโปรยปรายลงมา
ซูเจ๋อจึงราวกับพึ่งตื่นจากฝัน หันกายไปเอาอาภรณ์ที่ตู้เสื้อผ้า เขาเห็นอาภรณ์สีดำสะดุดตาจึงนำมาสวมใส่ ก่อนจะเปิดประตูห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...