ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 715

จากที่นี่ไปถึงทะเลทิศบูรพาของต้าฉู่ ต้องใช้เวลาเดินเรือตลอดทั้งวันทั้งคืนประมาณครึ่งเดือนจึงจะถึง

เหลียนชิงโจวนำสินค้าประจำท้องถิ่นในเมืองชิงไห่ขึ้นเรือมาด้วยมากมาย ทั้งยังซื้ออาหารทะเลรสเลิศมาจำนวนมาก พอตกดึกทุกคนจึงมาปิ้งปูกินที่ดาดฟ้าเรือ รอบกายมีผู้คนมากมายให้คุยด้วย ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่น่าเบื่อ

เดิมทีเย่ซวิ่นคิดจะเข้าไปนั่งใกล้ๆ เฉินเสียน แต่เมื่อเฉินเสียนหันกลับมาเห็นเขา เธอจึงหรี่ตาและเริ่มหักนิ้วตัวเองเสียงดังกรอบแกรบพลางเอ่ยว่า “เย่ซวิ่น เจ้ามานี่สิ ข้าควรจะคุยเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครั้งก่อนกับเจ้าดีๆ เสียหน่อย”

เย่ซวิ่นเห็นดังนั้นก็รู้เลยว่าต้องไม่ใช่การคุยที่ดีแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังหาจังหวะทุบตีเขา ชายชาตรีย่อมต้องรู้จักถอยเมื่อควรถอย ดังนั้นเย่ซวิ่นจึงจำเป็นต้องรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากเธอ

ซูเซี่ยนมักจะชอบหลอกเล่นคลุกคลีกับเย่ซวิ่น แต่ตอนนี้เย่ซวิ่นระมัดระวังตัวแจเมื่ออยู่กับเขา เขารู้ว่าเด็กคนดูขาวบริสุทธิ์แค่เพียงผิวเผิน แต่ภายในนั้นดำเมี่ยม

เย่ซวิ่นกล่าวว่า “เสด็จแม่ของเจ้าเห็นข้าทีไรเป็นต้องคิดจะทุบตีข้า แล้วนี่เจ้ามาทำอะไร คงไม่ได้คิดจะมาแก้แค้นแทนแม่ของเจ้าหรอกนะ”

ซูเซี่ยนเข้าไปในห้องของเย่ซวิ่นพร้อมกับรินชามาให้ดื่ม เขากล่าวว่า “ถ้าตอนนั้นพระองค์ไม่ก่อเรื่อง ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าคงไม่พูดกันอย่างตรงมาและคืนดีกันเร็วขนาดนี้ เรื่องนี้ข้าควรต้องขอบคุณพระองค์ พระองค์บอกว่าแก้แค้น ข้าจะแก้แค้นอะไรได้”

เย่ซวิ่นทำเสียงฮึอย่างเย็นชา “พอเถอะ เจ้าเลิกแสดงเสียที ใครกันที่พกมีดมาข่มขู่ข้าเมื่อสองวันก่อน ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเด็กอย่างเจ้าจึงพูดจาดีเช่นนี้ ถ้าข้าคิดจะแตะต้องแม่ของเจ้าจริงๆ ข้าไม่ถูกเจ้าใช้มีดฟันสะเปะสะปะจนตายไปนานแล้วหรือ เป็นบุรุษต้องปฏิบัติตัวอย่างซื่อตรง ไม่ใช่หน้าซื่อใจคดเหมือนเจ้า”

หลังจากซูเซี่ยนคว้ามีดมาคุกคามเขา สองวันมานี้เย่ซวิ่นจึงรู้สึกพ่ายแพ้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน

คิดๆ ดูแล้วเขาเองก็อยู่ที่ต้าฉู่มานานหลายปี ไม่เพียงแต่เอาชนะใจเฉินเสียนไม่ได้ แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้แตะต้องเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะให้สายเลือดแห่งเย่เหลียงสืบทอดราชบัลลังก์ของต้าฉู่ได้อย่างไร ดูแล้วช่างห่างไกลความเป็นจริงและไร้สาระทั้งเพ

แม้ว่าการใช้ชีวิตในราชสำนักของต้าฉู่จะหรูหรา แต่มันก็ค่อยๆ ทำให้ความคิดที่จะเอาชนะแต่เดิมของเขาเลือนหายไปช้าๆ จนบางครั้งเขารู้สึกว่าแค่ได้ไปไหนมาไหนเคียงข้างเฉินเสียนบ่อยๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว

พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากนี้หากซูเจ๋อกลับไปต้าฉู่ ซูเจ๋อจะรับได้ไหมถ้ามีเขาอยู่

เขาอาจจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเฉินเสียนอีกต่อไป ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากนี้เขายังไม่รู้ด้วยว่าในอนาคต ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เหลียงกับต้าฉู่จะเป็นไปด้วยดีหรือไม่

ต้าฉู่กำลังพัฒนาและยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน และเฉินเสียนก็มีความสามารถในการปกครองอาณาจักรดีกว่าที่เย่เหลียงคิดไว้ เมื่อซูเจ๋อกลับมาช่วยปกครองต้าฉู่และเป็นเช่นนี้ต่อไป ในไม่ช้าเย่เหลียงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เทียบชั้นของต้าฉู่

เย่ซวิ่นมองซูเซี่ยน ความกลัดกลุ้มยิ่งพรั่งพรูออกมาจากใจ

องค์รัชทายาทของต้าฉู่ที่อยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้จะกลายเป็นกษัตริย์ในอนาคต ซึ่งเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันที่จะรับมือได้ง่ายๆ!

ซูเซี่ยนมองเย่ซวิ่นด้วยสีหน้าเรียบเฉยและกล่าวว่า “ดูเหมือนพระองค์จะมีเรื่องในใจ ไม่ค่อยมีความสุข”

เย่ซวิ่นฟังแล้วโกรธขึ้นมาทันควัน เขาเอ่ยว่า “ข้ามีเรื่องในใจบ้างไม่ได้หรืออย่างไร จะไม่มีความสุขบ้างไม่ได้เลยอย่างนั้นรึ เจ้าก็พูดได้ อีกไม่นานพวกเจ้าสามคนพ่อแม่ลูกก็จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุข แต่ข้าล่ะ เป็นคนต่างบ้านต่างเมือง ต้องอยู่ตัวคนเดียว แต่แล้วพอรู้สึกว่าโอกาสกำลังจะมาถึง สุดท้ายนอกจากจะขโมยไก่ไม่ได้ ยังต้องเสียข้าวไปอีกหนึ่งกำมือ สุดท้ายก็มีอะไรเหลือ!"

เย่ซวิ่นดึงชายเสื้อคลุมขึ้นและนั่งลงข้างๆ ซูเซี่ยนด้วยความโกรธเคือง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ข้าปฏิบัติต่อเจ้าและเสด็จแม่ของเจ้าอย่างดี ตอนที่ไม่มีพ่อของเจ้า เราสามคนก็เข้ากันได้ดี ตอนนี้เมื่อเจอพ่อของเจ้า เจ้ากับแม่แทบรอไม่ไหวที่จะถีบข้าส่ง! ข้าทำผิดหรืออย่างไรที่ชั่วชีวิตนี้ไปตกหลุมรักผู้หญิงอย่างเสด็จแม่ของเจ้า!”

ซูเซี่ยนยื่นชาให้เขาพลางกล่าวว่า “อย่าโมโหไปเลย ใครล่ะที่ทำให้โลกนี้มีเสด็จแม่ของข้าแค่เพียงคนเดียว ถ้ามีหลายคน ข้าจะต้องแบ่งให้พระองค์สักคนแน่ อย่าพูดเรื่องนี้กันเลยดีกว่า ถึงอย่างไรโดยปกติความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ยังดีอยู่”

เย่ซวิ่นดื่มชาไปอึกหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ใช่สิ ความสัมพันธ์ดีจนเจ้าคิดจะเนรคุณฆ่าข้าให้ตาย”

ซูเซี่ยนกล่าวว่า “ถ้าพระองค์ไม่คิดจะเป็นผู้ชายของแม่ข้า ข้าคงไม่ทำเช่นนั้นกับพระองค์” เขาหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดโน้มน้าวอย่างจริงจังว่า “แต่ไม่สำคัญว่าชั่วชีวิตนี้พระองค์จะเป็นพ่อเลี้ยงของข้าได้หรือไม่ ถึงอย่างไรพระองค์ก็ยังเป็นพี่ชายของข้าได้”

เย่ซวิ่นพ่นชาที่กำลังดื่มและสบถว่า “ถุยสิ!"

เมื่อเห็นเขากระทืบเท้าเร่าๆ ซูเซี่ยนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นและจริงจังไม่ค่อยสมกับวัยนัก เขากล่าวว่า “ข้าสัญญากับพระองค์ก็ได้ ถ้าในภายภาคหน้าข้ากับพระองค์เป็นศัตรูกัน ข้าจะปล่อยพระองค์ไป”

เย่ซวิ่นรู้สึกหดหู่ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเด็กแปดขวบบอกว่าจะยอมปล่อยเขา ชีวิตของเขาจะมีอะไรล้มเหลวไปยิ่งกว่านี้อีกไหม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี