เฉินเสียนยิ้มให้พวกเขาและตรัสว่า "เขาเป็นคนที่ข้าต้องการมาโดยตลอด หากอ้ายชิงทั้งหลายไม่เห็นด้วย งั้นก็คิดเสียว่าครั้งนี้ข้าถูกหลงเสน่ห์ความงามและทำสิ่งที่ไร้สาระลงไป"
ตลอดชีวิตของจักรพรรดิ พระองค์ทรงตัดสินใจอย่างชาญฉลาดและได้รับการยกย่องจากประชาชน ครั้งนี้เธอต้องการทำเพื่อตัวเอง ต้องการเก็บซูเจ๋อไว้สำหรับตัวเธอเอง แม้ว่ามันจะทิ้งรอยเปื้อนไว้ แต่มันก็เป็นคราบแห่งความสุขสมบูรณ์
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินเสียนพูด เธอคงรู้จักตัวตนของท่านอ๋องรุ่ยมาตั้งแต่แรก เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างหมดหนทางแก้ไขใดได้ และตอนนี้ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นไปได้หรือที่จะยกเลิกงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส?
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาทำไม่ได้ ทุกคนทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้และปฏิบัติต่อซูเจ๋อในฐานะท่านอ๋องรุ่ยแห่งเป่ยเซี่ย และพยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอดีตอัครเสนาบดีซู อย่างไรก็ตาม ทุกคนในโลกนี้คิดว่าอัครเสนาบดีซูเสียชีวิตไปนานแล้ว และท่านอ๋องรุ่ยคนนี้ก็เป็นคนที่เป่ยเซี่ยส่งมาประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอัครเสนาบดีซู
บรรดาขุนนางที่เป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนักมาหลายปีเข้าใจว่าอารมณ์ของเฉินเสียนเป็นอย่างไร และแน่นอนว่าพวกเขารู้ถึงปมในใจของเธอด้วย
มีเพียงท่านอ๋องรุ่ยเท่านั้นที่สามารถแก้ปมหัวใจของเธอได้
ลืมไปเถอะ พระสวามีของจักรพรรดิก็พระสวามีของจักรพรรดิ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำได้แค่ปล่อยเธอไป
ยิ่งกว่านั้นเมื่อคิดจากอีกมุมหนึ่งแล้ว นี่อาจเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทุกคน
ในอดีต เฉินเสียนไม่สามารถอยู่กับซูเจ๋ออย่างเปิดเผยได้ และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นคลุมเครือราวกับข้อห้าม เพราะมีพันธนาการมากมายเกินไป
และตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็มาอยู่ร่วมกันได้อย่างถูกต้องแล้ว
เมื่อเฉินเสียนกลับมายังพระตำหนักไท่เหอ เธอก็พบว่าอวี้เยี่ยนมาถึงก่อนแล้ว และนางยังพานางกำนัลมาเพื่อดูแลรับใช้เฉินเสียนอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าให้กับเธอ
เมื่อเฉินเสียนเห็นอวี้เยี่ยน เธอยังไม่ทันที่จะพูดอะไรก็ยกคิ้วขึ้นและยิ้มออกมา
อวี้เยี่ยนทำความเคารพ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของนางไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มที่ร่าเริงได้และกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้บ่าวก็เป็นคนแต่งหน้าให้กับฝ่าบาทตลอดจนคุ้นชิน วันนี้ฝ่าบาทจะเข้าพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระสวามีแล้ว บ่าวเลยคิดจะเข้าวังมาดูสักหน่อย ให้บ่าวได้แต่งหน้าให้กับฝ่าบาทอีกครั้งนะเพคะ"
จากนั้นเฉินเสียนก็กลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำ โดยนางกำนัลรออยู่ข้างนอกประตู
เมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า นางกำนัลก็เข้าไปเก็บของ
เฉินเสียนใส่ชุดมงคลพระราชพิธี และเสี่ยวเฮอก็นำสุภาพสตรีในราชสำนักสองสามคนมาช่วยจัดระเบียบมุมกระโปรงของเธอ ขณะที่อวี้เยี่ยนจัดระเบียบแขนเสื้อของเธออย่างชาญฉลาด ผ้าไหมสีน้ำเงินถูกดึงออกมาจากคอและมียาวถึงเอว
หลังจากนั้นเฉินเสียนก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีแม่นมซุยช่วยเธออยู่ข้าง ๆ
เฉินเสียนมองดูตัวเองที่ผิวขาวสะอาดในกระจกสีเงิน ริมฝีปากของเธอยกขึ้นอยู่ตลอดเวลา เธอกล่าวว่า "เอ้อร์เหนียงดูสิข้าอายุขนาดนี้แล้ว วันนี้เพิ่งจะได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากับเขาจริงจังเสียที แก่เกินไปไหม?"
แม่นมซุยเมื่อได้ยิน ดวงตาของนางก็แดงโดยไม่ได้ตั้งใจ และกล่าวว่า "แก่ที่ไหนกันเพคะ ฝ่าบาทและใต้เท้าต่างก็ยังไม่แก่เลย วันนี้เป็นวันมงคลพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ต่อไปในอนาคตยังมีเวลาอีกมากมายที่จะใช้ชีวิตร่วมกันเพคะ"
เมื่อถึงเวลาทำผมยืดตรง แม่นมซุยก็มาแปรงผมให้เธอ นางได้รับการยกย่องอย่างสูงในหมู่คนเหล่านี้
หวีไม้ค่อย ๆ หวีลงมา พร้อมกับคำพูดมงคลที่ให้กับเธอ
ขณะที่เขาพูดเสียงของนางก็สะอึกสะอื้นขึ้น
เฉินเสียนมองดู อวี้เยี่ยน เสี่ยวเฮอ และแม่นมซุยที่เคยดูลแปรนนิบัติรับใช้เธอในอดีตต่างก็กำลังแอบปาดน้ำตา
เฉินเสียนยิ้มและพูดด้วยดวงตาสีแดงว่า "วันนี้เป็นวันมงคลพิธีของข้า พวกเจ้าร้องไห้ทำไมกัน ควรจะมีความสุขและยินดีไปกับข้าสิ"
อวี้เยี่ยนปาดน้ำตาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "พวกบ่าวมีความสุขมากเพคะ เวลาผ่านไปหลายปี ในที่สุดความพากเพียรและไม่ยอมแพ้ของฝ่าบาทก็บรรลุเป้าหมาย และในที่สุดก็ได้ลงเอยกับใต้เท้าเสียทีเพคะ"
เฉินเสียนยิ้มและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า "งั้นพวกเจ้าก็อย่าทำให้ข้าร้องไห้ได้แล้ว อีกประเดี๋ยวข้าต้องออกไปพบเจอผู้คน"
แม่นมซุยแปรงผมของเฉินเสียนจนตรงแล้ว และอวี้เยี่ยนก็เดินเข้ามาตรงหน้าเพื่อแต่งหน้าให้กับเธอ
ปิ่นที่อวี้เยี่ยนเลือกมาติดให้นั้นเรียบง่ายและงดงาม ผมด้านหลังห้อยลงมาตรงเอว ศีรษะสวมมงกุฎหงส์ราชินี ลูกผมทั้งหมดรวมกันอยู่หลังใบหู เครื่องประดับสีเลือดหยกที่ห้อยลงมาจากมงกุฎหงส์ราชินี หน้าผาก คิ้ว ลิปสติกสีแดงสด ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เธอดูสง่างามและทรงคุณค่ามาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...