ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 79

มองซูเจ๋อที่หายตัวไปในชั่วพริบตาในความมืด เหลียนชิงโจวถอนหายใจออกมาเบาๆ

โชคดีที่คืนนี้องค์หญิงรับปากพักที่บ้านของเขา ไม่เช่นนั้นหากอาจารย์ของเขาไม่ได้เจอองค์หญิง ก็คงจะมาเสียเที่ยวซะแล้ว

ลมยามค่ำคืนของสวนกุหลาบญี่ปุ่นพัดเอากลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นมาด้วย ในกลิ่นดอกไม้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาปนมาด้วย หยุดอยู่หน้าห้องของเฉินเสียน

ในห้องเงียบสงัด และคนที่อยู่บนเตียงก็หลับสนิท ไม่ได้ถูกรบกวนให้ตื่นแต่อย่างใด ท้องที่นูนขึ้นมานั้นช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ในครรภ์มีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดใหม่

เวลานั้นเอง เฉินเสียนที่กำลังสะลึมสะลือ กำลังคิดว่าเธอควรจะปิดหน้าต่างแล้วค่อยนอนต่อดีไหม

มิฉะนั้นลมนี่จะพลอยทำให้กายนี้น่าอายและเป็นกังวลใจ ลมที่พัดมาซึ่งความสัมผัสที่หนาวเย็น สัมผัสแผ่วเบาผ่านใบหน้าและริมฝีปากของเธอ นำมาซึ่งความรู้สึกวนเวียนร่ายรำที่มิอาจแยกจาก

นิ้วมือที่เบาบางราวกับลมพัด ผ่านผมข้างใบหูของเธอ ค่อยๆ ทัดผมไว้หลังใบหู จากนั้นก็หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ

เฉินเสียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังทิ้งตัวดิ่งลึกลงไป

รู้สึกว่าสายลมนี้หยุดอยู่ที่ใบหน้าของเธอนานเกินไปแล้ว นานจนคิดว่ามีคนกำลังลูบใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา

จิตใต้สำนึกเฉินเสียนค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา สมองที่กำลังหลับสนิทในตอนแรกจู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาทันที

เธอลืมตาตื่นขึ้นมาในทันที หัวใจเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ

ในห้องที่มืดสนิท นอกจากแสงที่เล็ดลอดผ่านช่องหน้าต่างแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย

เฉินเสียนถอนลมหายใจ แล้วสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่

จมูกของเธอไวต่อกลิ่นสัมผัสมาก นอกจากกลิ่นดอกกุหลาบญี่ปุ่นแล้ว เธอยังได้กลิ่นหอมอื่นปนอยู่ด้วย

เฉินเสียนรู้สึกไม่ชอบมาพากล ในห้องไม่มีเงาแม้แต่คนเดียว แต่เธอกลับรู้สึกว่ามีคนเคยเข้ามาที่นี่

ไม่ทันที่เธอจะได้คิดอะไรมาก เฉินเสียนรีบลงจากเตียง เปิดประตูออกไปทันที เธอยืนอยู่กลางสวนคนเดียว ในสวนนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย

วันรุ่งขึ้นเหลียนชิงโจวเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย

ระหว่างที่เฉินเสียนกำลังทานโจ๊กอยู่นั้น จู่ๆ ก็ถามเขาว่า : "เมื่อคืนเจ้าได้มาที่เรือนกุหลาบญี่ปุ่นรึเปล่า?"

เหลียนชิงโจวที่มือกำลังจับช้อนก็หยุดชะงักไปทันที : "กระหม่อมมิบังอาจ มิได้เข้าไปเลยพ่ะย่ะค่ะ"

เฉินเสียนขมวดคิ้ว พร้อมกับยื่นมือไปจับคอเสื้อของเขา จากนั้นก็ดึงเข้ามา

ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก เฉินเสียนจ้องมองแววตาของเหลียนชิงโจวอย่างละเอียดชัดเจน และยังพยายามดมกลิ่นชุดที่เหลียนชิงโจวสวมใส่อยู่ กิริยาท่าทางแบบนี้ในสายตาของผู้อื่นค่อนข้างจะเกินเลยไปหน่อย

อวี้เยี่ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ อึ้งจนตะเกียบหลุดมือ

องค์ องค์หญิงนี่มัน......เกินงามไปแล้ว กลางวันแสกๆ!

เหลียนชิงโจวแข็งทื่อไปทั้งตัว แล้วจึงพูดขึ้นว่า : "องค์หญิงจะลวนลามกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

เฉินเสียนปล่อยมือ ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ไม่ใช่เจ้า บนตัวของเจ้าไม่มีกลิ่นไม้กฤษณา ในจวนของเจ้ามีใครที่ชอบใช้น้ำหอมกลิ่นไม้กฤษณา?"

เหลียนชิงโจวหนังตากระตุก เขาก้มหน้าก้มตาจัดระเบียบคอเสื้อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพูดขึ้นว่า : "ในบ้านกระหม่อมไม่ค่อยได้ใช้น้ำหอมกลิ่นไม้กฤษณา องค์หญิงดมผิดหรือเปล่า?"

เขาครุ่นคิดเงียบๆ ในใจ องค์หญิงจมูกสุนัขหรือไงกัน ถึงได้จมูกแหลมขนาดนี้?

คำพูดเพิ่งจบลง จู่ๆ ก็มีเสียงเข้มขรึมดังมาจากทางประตู : "พวกท่านกำลังทำอะไร?"

เวลานี้เฉินเสียนที่อยู่ใกล้เหลียนชิงโจวเกินไป จึงไม่ทันจะถอยตัวออกมา เธอหรี่ตาแล้วหันหน้าไปดู

เงาของร่างที่สูงใหญ่บังแสงจากประตูห้องอาหารจนมิด ทั้งๆ ที่ย้อนแสง แต่ก็สามารถมองลักษณะออกได้ไม่ยากว่าเป็นเขา

คือฉินหรูเหลียง!

เวลานี้เหลียนชิงโจวจู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาทันที : "ชั่งเป็นแขกหายากจริงๆ......" ยังไม่ทันที่จะพูดจบ จู่ๆ สีหน้าของเหลียนชิงโจวก็เปลี่ยนไปทันที คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็พากันเงียบไปด้วย ใบหน้าของเขากระตุกขึ้นเมื่อเห็นมือของเฉินเสียนกำลังคล้องคอของเหลียนชิงโจวไว้ เพียงแค่หมุนตัวก็นั่งลงในอ้อมกอดของเหลียนชิงโจวเข้าพอดี เขาและเฉินเสียนหันหน้าเข้าหากัน อุทานพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย : "อา!"

เฉินเสียนยื่นมือไปตักโจ๊กแล้วป้อนเข้าปากของเหลียนชิงโจว พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "โจวโจวน้อย มาเร็ว มากินโจ๊กกัน~"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี