มู่หรงเสวี่ยได้ยินเสียงนี้ ก็พลันหันไปมองทันที เห็นเพียงเจียงเฉิงเดินออกมาจากฝูงคน
“นายเองงั้นเหรอ!”
มู่หรงเสวี่ยเห็นเจียงเฉิง สีหน้าก็พลันกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที แน่นอนว่าเธอย่อมต้องจำผู้ชายคนนั้นที่เคยหยอกล้อเธอในห้องสอบสวนได้อยู่แล้ว คนคนนั้นก็คือเจียงเฉิงนั่นเอง
“คุณตำรวจคนสวย เราเจอกันอีกแล้ว” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ยเสียงเรียบ
เดิมทีเจียงเฉิงไม่ได้ชอบหยอกล้อผู้หญิง เพียงแต่มู่หรงเสวี่ยคนนี้มักจะชอบหาเรื่องเขา เจียงเฉิงจึงทำได้เพียงต้องต่อต้านด้วยวิธีแบบนี้แล้ว
“เดี๋ยวฉันค่อยสั่งสอนนายอีกที!”
มู่หรงเสวี่ยถลึงตาใส่เจียงเฉิง แล้วหันไปกำลังจะผายปอดให้หญิงชราต่อ
“ฉันบอกแล้ว ว่าเธอผายปอดให้คนไข้ไม่ได้”
เจียงเฉิงเดินเข้าไปจับไหล่ของมู่หรงเสวี่ยเอาไว้
“บัดซบ!”
เดิมทีครั้งก่อนที่มู่หรงเสวี่ยถูกเจียงเฉิงทับบนกำแพงด้วยท่าที่ดูคลุมเครือขนาดนั้น ในใจเธอก็ยังรู้สึกโกรธไม่หาย
ครั้งนี้เจ้าหมอนี่ยังกล้ามาขัดขวางเธอช่วยคนอีก ไม่ใช่แค่โรคจิต แต่เลวทรามมากอีกต่างหาก
“ไสหัวไปซะ!”
มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นแล้วผลักเจียงเฉิงออก จากนั้นก็ชักปืนที่พกติดตัวออกมา แล้วเล็งไปที่เจียงเฉิง
เจียงเฉิงเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะอารมณ์ร้อนขนาดนี้ ถึงขั้นพกปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตอนนี้ยังเล็งปากกระบอกปืนมาหาเขาอีกต่างหาก
“เจ้าหมอนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า? คนอื่นเขาเป็นตำรวจ จะไม่รู้ว่าวิธีช่วยคนได้ยังไง มาทำให้วุ่นวายเพิ่มทำไมกัน”
“นั่นสิ วัยรุ่นสมัยนี้นะ ไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย กระตือรือร้นขนาดนี้ทำไมไม่ไปช่วยคนล่ะ?”
“เฮ้อ สังคมเรายิ่งอยู่ยิ่งตกต่ำลงทุกวัน คนไม่ได้เรื่องก็ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้น”
คนรอบข้างต่างตำหนิเจียงเฉิง เจียงเฉิงเห็นดังนั้นก็รู้สึกจนใจ
แม้เขาจะไม่กลัวมู่หรงเสวี่ยที่ถือปืนไว้เลยสักนิด ทว่าจะมีเรื่องขัดแย้งกับเธออีกก็ไม่ดีเหมือนกัน ไม่งั้นก็จะเจอข้อหาทำร้ายตำรวจแน่ ๆ
“เธอจัดการเถอะ!” เจียงเฉิงยกมือขึ้นอย่างจนใจแล้วพูดเสียงเบา
มู่หรงเสวี่ยไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย พลันรีบเอามือวางบนหน้าอกของหญิงชราแล้วเริ่มปั๊มหัวใจอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งผายปอดให้หญิงชราไปด้วย
หลังจากผายปอดและปั๊มหัวใจซ้ำๆ การหายใจของหญิงชราก็ค่อยๆดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
“เห็นหรือยัง คุณตำรวจรู้ว่าควรทำยังไง นี่ก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“นั่นสิ โชคยังดีที่ไม่ได้ฟังคำพ่อหนุ่มคนนี้ ไม่งั้นคุณยายก็คงจบสิ้นแน่ ๆ”
คนรอบข้างเห็นว่าอาการของหญิงชราเริ่มดีขึ้น สายตาที่มองไปที่เจียงเฉิงก็พลันยิ่งเผยแววเหยียดหยาม
มู่หรงเสวี่ยเห็นดังนั้นเองก็ถอนหายใจโล่งอก ทว่าขณะที่มู่หรงเสวี่ยกำลังจะผายปอดให้หญิงชรา จู่ ๆหญิงชราก็ไออย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมาทีเดียว ร่างกายของหญิงชราเองก็ชักอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“นายคือหมองั้นเหรอ?”
เจียงเฉิงพยักหน้าเบาๆ
“นายเป็นหมอแล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?”
มู่หรงเสวี่ยมองเจียงเฉิงแล้วพูดอย่างโมโห
“เธอก็ไม่ให้โอกาสฉันพูดสักหน่อย ถึงกับเอาปืนเล็งมาที่ฉันแล้ว ฉันกลัวว่าถ้าสมมติว่าฉันพูดมากอีก แล้วเธอยิงฉันขึ้นมาทำไง?” เจียงเฉิงเอ่ยอย่างจนใจ
“ตำรวจคนนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ มีใครเขาใช้ปืนเล็งไปที่คนอื่นทีเดียวกัน ก็ไม่ถามให้ชัดเจนก่อนเลย เกือบฆ่าคุณยายแล้วไหมล่ะ”
“นั่นสิ ฉันก็รู้สึกมาแต่แรกแล้วว่าพ่อหนุ่มคนนี้ดูน่าพึ่งพา ไม่งั้นเขาก็ไม่มีทางออกมาหรอก”
“หุบปากซะ! ถ้าเก่งกันขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีใครพูดกันตั้งแต่แรก?”
มู่หรงเสวี่ยได้ยินคำพูดเสียดสีของคนรอบข้าง ก็พลันตวาดเสียงเย็น เธอไม่มีทางยอมให้เจ้าพวกนี้มาเหิมเกริมที่นี่หรอกนะ
มู่หรงเสวี่ยดูน่าเกรงขามมาก คนรอบข้างเห็นดังนั้นก็รีบหุบปากทันที
ทว่าในใจมู่หรงเสวี่ยเองก็รู้สึกอับอาย ครั้งนี้ขายหน้ามากจริงๆ
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ฉันบอกให้นายรอฉันที่หน้าประตูไม่ใช่หรือไง!”
ฟางหลันหลันเบียดเข้ามาในฝูงคน พลางเบะปากพูดกับเจียงเฉิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง