“นายอยากให้พี่ขอบคุณนายยังไงดี?”
ฮั่วหลิงหลงจงใจแนบชิดร่างกายกับเจียงเฉิง พลางยิ้มถามอย่างเย้ายวน
“ไม่ต้องทำอะไร แค่มีเหล้าดดีๆให้ผมสักสองขวดก็พอ” เจียงเฉิงพูดแล้วก็นั่งลงที่โต๊ะข้างๆ
“อยากได้แค่นี้เองเหรอ ฉันนึกว่านายจะให้พี่สาวตอบแทนด้วยของสำคัญอะไรซะอีก” ฮั่วหลิงหลงเองก็นั่ลงข้างเจียงเฉิง
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานเลี้ยงงานประมูลการกุศลที่คุณชายฮั่วของเราจัดขึ้น เราขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามา ณ ที่นี้”
พิธีกรคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที แล้วพูดกับผู้ชมด้านล่างเวทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เชิญทุกท่านรีบนั่งกันได้เลย งานประมูลการกุศลของเราจะเริ่มขึ้นแล้ว”
สิ้นเสียง ฮั่วเซาฟงก็นั่งลงข้างเจียงเฉิงทีเดียว เพียงแต่ข้างกายเขาไม่มีถงถงตามมาด้วย เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ทะเลาะจนแตกหักกันไปแล้ว”
เมื่อเห็นฮั่วเซาฟงนั่งลง สีหน้าของฮั่วหลิงหลงก็เผยแววไม่สู้ดีในทันที เห็นได้ชัดว่าเธอเกลียดน้องชายคนนี้มากๆ
“นายเป็นแฟนพี่สาวฉันเหรอ?”
ฮั่วเซาฟงเห็นการแต่งกายและออร่าของเจียงเฉิงเหมือนพวกชนชั้นสูงมากๆ จึงไม่กล้าทำให้เขาไม่พอใจ และถามไถ่เพื่อความแน่ใจ
“ก็ถือว่าใช่ ทำไมงั้นเหรอ?”
เจียงเฉิงถาม
“ไม่มีอะไร ก็แค่สงสัยว่าคนต่ำต้อยอย่างพี่สาวฉันไปหาคุณชายที่หล่อรวยแบบนายเจอได้ยังไงกัน? ดูจากคำพูดนายเมื่อกี้นี้ น่าจะมาจากตระกูลแพทย์ชื่อดังสินะ?” ฮั่วเซาฟงมองฮั่วหลิงหลงด้วยแววตาเหยียดหยาม
“คุณชายฮั่ว คุณเข้าใจผิดไปแล้วล่ะ มันไม่ได้มาจากตระกูลแพทย์ชื่อดังอะไรหรอก เดิมทีก็เป็นแค่บุรุษพยาบาลที่ป้อนข้าวเช็ดฉี่เก็บขี้ให้คนอื่นที่โรงพยาบาลก็เท่านั้น”
เจียงเฉิงยังไม่ทันตอบ ก็พลันมีเสียงเสียดหูแทรกขึ้นมาก่อน
“คุณชายจี้ คุณก็มางั้นเหรอ?” ฮั่วเซาฟงหันไปมองตามต้นเสียง ก็เห็นจี้เจ๋อที่สวมเสื้อสูทลายดอกเดินมา
“แน่นอนสิครับ คุณชายฮั่วเชิญผมมา ผมจะกล้าไม่มาได้ยังไงกัน” จี้เจ๋อนั่งลงข้างฮั่วเซาฟง แล้วพูดอย่างนอบน้อม
จี้เจ๋อมองไปที่เจียงเฉิง ก่อนจะแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “คนห่วยแตกต่อให้แต่งตัวดูดียังไง ก็กลบซ่อนความต่ำต้อยในตัวไม่มิดหรอก”
“คุณชายจี้ พวกคุณรู้จักกันเหรอ?”
ฮั่วเซาฟงฟังออกว่าระหว่างทั้งสองคนเหมือนจะมีเรื่องขัดแย้งกัน
“ไม่ถือว่ารู้จักหรอก ก็แค่เคยเจอกันน่ะ” จี้เจ๋อเอ่ยเสียงเย็นว่า “เขาคือลูกเขยแต่งเข้าบ้านของครอบครัวแฟนเก่าผมน่ะ เป็นบุรุษพยาบาลที่เป็นเบ๊คอยรับใช้คนอื่น ผู้ชายคนหนึ่งห่วยแตกได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าอดสูมากแล้วเหมือนกัน”
ฮั่วเซาฟงฟังแล้วก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เขาเห็นว่าเจียงเฉิงมีออร่าสะดุดตา อีกทั้งยังพูดศัพท์การแพทย์ดูมีเหตุมีผล ก็นึกว่าจะมาจากตระกูลแพทย์ชื่อดัง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนห่วยแตกแบบนี้
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ก็ว่าทำไมถึงอยู่กับผู้หญิงต่ำต้อยอย่างพี่สาวฉัน ช่างเหมาะสมกันจริงๆ” ฮั่วเซาฟงมองเจียงเฉิงแล้วพูดอย่างได้ใจทันที
“คุณชายฮั่วพูดถูก” จี้เจ๋อมองเจียงเฉิงอย่างสะใจ
ตอนนี้ครอบครัวของจี้เจ๋อพึ่งพาอาศัยตระกูลฮั่วของเจียงหนาน เพราะฉะนั้นเขาจึงประจบฮั่วเซาฟงขนาดนี้ ในอนาคตหากจะอาศัยตระกูลฮั่วควบรวมตระกูลฟางแล้วกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของหลูหยางก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“นายไม่รู้สึกว่านายทำเกินไปหน่อยเหรอ?”
ดวงตาคู่สวยของฮั่วหลิงหลงจ้องฮั่วเซ่าเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว เธอเป็นคนพาเจียงเฉิงมาที่นี่ ดังนั้นเธอไม่อยากให้เจียงเฉิงถูกรังแกเพราะเธอ
“แบบนี้ก็นับว่าเกินไปแล้วเหรอ?”
ฮั่วเซาฟงยิ้มเย็นทีหนึ่ง เอ่ยว่า “ขอโทษจริงๆนะ ที่นี่เป็นงานเลี้ยงชั้นสูง ไม่ต้อนรับคนต่ำต้อยอย่างพวกเธอ เพราะฉะนั้นเชิญออกไปเดี๋ยวนี้”
ยังไงซะ เจียงเฉิงก็เป็นแค่บุรุษพยาบาลคนหนึ่ง ไม่มีค่าจะให้ความสำคัญเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งตอนนี้งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นแล้ว ไล่สองคนนี้ออกไปตอนนี้ จะได้ให้พวกเขาอับอายขายขี้หน้าพอดีด้วย
“ไม่ได้ วันนี้ถ้าไม่ได้ดวงดาวแห่งความหวังนั้น ฉันก็ไม่มีทางจากไปเด็ดขาด!” ฮั่วหลิงหลงไม่ยอม
“คุณเจียงงั้นเหรอครับ?”
จ้าวฝูหลินลุกขึ้นเดินมา พลันรีบเอ่ยกับเจียงเฉิงอย่างนอบน้อมว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ คุณเจียง”
“คุณจ้าว” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ เขาย่อมจำได้อยู่แล้ว ว่าเขาเคยช่วยจ้าวฉางเจี๋ยที่เป็นลูกชายของจ้าวฝูหลิน
“นั่นไม่ใช่จ้าวฝูหลินที่เป็นเจ้าของไนต์คลับเหรอ? ทำไมเขาถึงดูเคารพนับถือพ่อหนุ่มคนนั้นขนาดนั้น?”
“นั่นสิ จ้าวฝูหลินเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงในระดับหนึ่งเลย น้อยมากที่จะเห็นเขาเคารพใครขนาดนี้”
“คุณชายฮั่ว คุณเจียงเป็นผู้มีพระคุณของผม ขอความกรุณาคุณชายช่วยเห็นแก่หน้าผมด้วย” จ้าวฝูหลินเอ่ยเสียงเย็นกับฮั่วเซาฟง
ฮั่วเซาฟงพลันเผยสีหน้าไม่สู้ดีในทันที หากตระกูลฮั่วอยากจะขยายธุรกิจในเมืองหลูหยาง งั้นธุรกิจไนต์คลับก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากทำให้จ้าวฝูหลินไม่พอใจขึ้นมา งั้นก็อาจจะทำให้การขยายธุรกิจในเมืองหลูหยางเป็นไปได้ยากขึ้น
ทว่าคำพูดดุดันก่อนหน้าฮั่วเซาฟงก็พูดไปแล้ว หากยอมจบทั้งแบบนี้ งั้นก็ไม่ต่างจากตบหน้าตัวเองไม่ใช่หรือไง?
“คุณจ้าว คุณคิดว่าตัวเองใหญ่มากเลยงั้นเหรอ? ถึงกล้าให้ผมเห็นแก่หน้าคุณ?”
ฮั่วเซาฟงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยเสียงเย็นกับจ้าวฝูหลินอย่างไม่เกรงใจ
จ้าวฝูหลินเองก็พลันเผยสีหน้าไม่สู้ดี เดิมทีก็มาเพราะเห็นแก่หน้าตระกูลฮั่ว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่เจียมตัวขนาดนี้
ทว่าจ้าวฝูหลินเองก็รู้ว่าตระกูลฮั่วทรงอิทธิพลมากๆ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถต่อกรได้ด้วยซ้ำ เขาจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนโทสะไม่พูดอะไรอีก
ฮั่วเซาฟงเห็นดังนั้นก็พลันได้ใจขึ้นมาทันที เจียงเฉิงจะเก่งขนาดไหน ก็ได้แค่นี้แล้วสินะ?
“งั้นเหรอ? ในเมื่อคุณจ้าวไม่ใหญ่พอ งั้นผมฟางเจี้ยนกั๋วก็ใหญ่พอให้เห็นแก่หน้าแล้วหรือยัง?”
ฝูงคนแหวกออก ก่อนจะปรากฏฟางเจี้ยนกั๋วที่เดินมาทางฮั่วเซาฟงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง