ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 141

“นายอยากให้พี่ขอบคุณนายยังไงดี?”

ฮั่วหลิงหลงจงใจแนบชิดร่างกายกับเจียงเฉิง พลางยิ้มถามอย่างเย้ายวน

“ไม่ต้องทำอะไร แค่มีเหล้าดดีๆให้ผมสักสองขวดก็พอ” เจียงเฉิงพูดแล้วก็นั่งลงที่โต๊ะข้างๆ

“อยากได้แค่นี้เองเหรอ ฉันนึกว่านายจะให้พี่สาวตอบแทนด้วยของสำคัญอะไรซะอีก” ฮั่วหลิงหลงเองก็นั่ลงข้างเจียงเฉิง

“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานเลี้ยงงานประมูลการกุศลที่คุณชายฮั่วของเราจัดขึ้น เราขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามา ณ ที่นี้”

พิธีกรคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที แล้วพูดกับผู้ชมด้านล่างเวทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เชิญทุกท่านรีบนั่งกันได้เลย งานประมูลการกุศลของเราจะเริ่มขึ้นแล้ว”

สิ้นเสียง ฮั่วเซาฟงก็นั่งลงข้างเจียงเฉิงทีเดียว เพียงแต่ข้างกายเขาไม่มีถงถงตามมาด้วย เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ทะเลาะจนแตกหักกันไปแล้ว”

เมื่อเห็นฮั่วเซาฟงนั่งลง สีหน้าของฮั่วหลิงหลงก็เผยแววไม่สู้ดีในทันที เห็นได้ชัดว่าเธอเกลียดน้องชายคนนี้มากๆ

“นายเป็นแฟนพี่สาวฉันเหรอ?”

ฮั่วเซาฟงเห็นการแต่งกายและออร่าของเจียงเฉิงเหมือนพวกชนชั้นสูงมากๆ จึงไม่กล้าทำให้เขาไม่พอใจ และถามไถ่เพื่อความแน่ใจ

“ก็ถือว่าใช่ ทำไมงั้นเหรอ?”

เจียงเฉิงถาม

“ไม่มีอะไร ก็แค่สงสัยว่าคนต่ำต้อยอย่างพี่สาวฉันไปหาคุณชายที่หล่อรวยแบบนายเจอได้ยังไงกัน? ดูจากคำพูดนายเมื่อกี้นี้ น่าจะมาจากตระกูลแพทย์ชื่อดังสินะ?” ฮั่วเซาฟงมองฮั่วหลิงหลงด้วยแววตาเหยียดหยาม

“คุณชายฮั่ว คุณเข้าใจผิดไปแล้วล่ะ มันไม่ได้มาจากตระกูลแพทย์ชื่อดังอะไรหรอก เดิมทีก็เป็นแค่บุรุษพยาบาลที่ป้อนข้าวเช็ดฉี่เก็บขี้ให้คนอื่นที่โรงพยาบาลก็เท่านั้น”

เจียงเฉิงยังไม่ทันตอบ ก็พลันมีเสียงเสียดหูแทรกขึ้นมาก่อน

“คุณชายจี้ คุณก็มางั้นเหรอ?” ฮั่วเซาฟงหันไปมองตามต้นเสียง ก็เห็นจี้เจ๋อที่สวมเสื้อสูทลายดอกเดินมา

“แน่นอนสิครับ คุณชายฮั่วเชิญผมมา ผมจะกล้าไม่มาได้ยังไงกัน” จี้เจ๋อนั่งลงข้างฮั่วเซาฟง แล้วพูดอย่างนอบน้อม

จี้เจ๋อมองไปที่เจียงเฉิง ก่อนจะแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “คนห่วยแตกต่อให้แต่งตัวดูดียังไง ก็กลบซ่อนความต่ำต้อยในตัวไม่มิดหรอก”

“คุณชายจี้ พวกคุณรู้จักกันเหรอ?”

ฮั่วเซาฟงฟังออกว่าระหว่างทั้งสองคนเหมือนจะมีเรื่องขัดแย้งกัน

“ไม่ถือว่ารู้จักหรอก ก็แค่เคยเจอกันน่ะ” จี้เจ๋อเอ่ยเสียงเย็นว่า “เขาคือลูกเขยแต่งเข้าบ้านของครอบครัวแฟนเก่าผมน่ะ เป็นบุรุษพยาบาลที่เป็นเบ๊คอยรับใช้คนอื่น ผู้ชายคนหนึ่งห่วยแตกได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าอดสูมากแล้วเหมือนกัน”

ฮั่วเซาฟงฟังแล้วก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เขาเห็นว่าเจียงเฉิงมีออร่าสะดุดตา อีกทั้งยังพูดศัพท์การแพทย์ดูมีเหตุมีผล ก็นึกว่าจะมาจากตระกูลแพทย์ชื่อดัง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนห่วยแตกแบบนี้

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ก็ว่าทำไมถึงอยู่กับผู้หญิงต่ำต้อยอย่างพี่สาวฉัน ช่างเหมาะสมกันจริงๆ” ฮั่วเซาฟงมองเจียงเฉิงแล้วพูดอย่างได้ใจทันที

“คุณชายฮั่วพูดถูก” จี้เจ๋อมองเจียงเฉิงอย่างสะใจ

ตอนนี้ครอบครัวของจี้เจ๋อพึ่งพาอาศัยตระกูลฮั่วของเจียงหนาน เพราะฉะนั้นเขาจึงประจบฮั่วเซาฟงขนาดนี้ ในอนาคตหากจะอาศัยตระกูลฮั่วควบรวมตระกูลฟางแล้วกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของหลูหยางก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“นายไม่รู้สึกว่านายทำเกินไปหน่อยเหรอ?”

ดวงตาคู่สวยของฮั่วหลิงหลงจ้องฮั่วเซ่าเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว เธอเป็นคนพาเจียงเฉิงมาที่นี่ ดังนั้นเธอไม่อยากให้เจียงเฉิงถูกรังแกเพราะเธอ

“แบบนี้ก็นับว่าเกินไปแล้วเหรอ?”

ฮั่วเซาฟงยิ้มเย็นทีหนึ่ง เอ่ยว่า “ขอโทษจริงๆนะ ที่นี่เป็นงานเลี้ยงชั้นสูง ไม่ต้อนรับคนต่ำต้อยอย่างพวกเธอ เพราะฉะนั้นเชิญออกไปเดี๋ยวนี้”

ยังไงซะ เจียงเฉิงก็เป็นแค่บุรุษพยาบาลคนหนึ่ง ไม่มีค่าจะให้ความสำคัญเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งตอนนี้งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นแล้ว ไล่สองคนนี้ออกไปตอนนี้ จะได้ให้พวกเขาอับอายขายขี้หน้าพอดีด้วย

“ไม่ได้ วันนี้ถ้าไม่ได้ดวงดาวแห่งความหวังนั้น ฉันก็ไม่มีทางจากไปเด็ดขาด!” ฮั่วหลิงหลงไม่ยอม

“แสดงว่า เธอก็ยังอยากถูกไล่ออกจากบ้านอย่างหมดสภาพเหมือนเมื่อก่อนสินะ?”

ฮั่วเซาฟงยิ้มเย็นพลางเอ่ยกับฮั่วหลิงหลง ฮั่วหลิงหลงได้ยินดังนั้นก็พลันนึกย้อนถึงความทรงจำแย่ๆในตอนนั้น ร่างกายเธอเริ่มสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ วันนั้นเป็นฝันร้ายทั้งชีวิตของเธอ

“รปภ.!”

“คุณชายฮั่ว!”

รปภ.รีบตามมาทันที

“ไล่สวะสองคนนี้ออกไปซะ” ฮั่วเซาฟงพูดระคนยิ้มเย็น

“ครับ!”

รปภ.เดินไปตรงหน้าเจียงเฉิงกับฮั่วหลิงหลงทันที พลันเอ่ยเสียงเย็นว่า “ทั้งสองท่าน เชิญครับ!”

ฮั่วหลิงหลงเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็พลันจะระเบิดอารมณ์ ทว่าทันใดนั้น จู่ ๆก็มีชายหัวโล้นคนหนึ่งเดินมา แล้วยกขาเตะรปภ.ที่ไล่เจียงเฉิงออกไปจนตัวกระเด็น

“แม่งเอ้ย กล้าไล่แม้แต่ลูกพี่ฉัน อยากตายนักสินะ!”

หวังเฉียงยืนข้างเจียงเฉิง มองรปภ.ที่อยู่รอบตัวด้วยสายตาเย็นชา เขาก็คือพี่หัวโล้นที่เคยลวนลามฟางหลันหลัน แล้วถูกเจียงเฉิงหักแขนและรักษาจนหาย แล้วนับเจียงเฉิงเป็นลูกพี่ตัวเอง

“นายเองเหรอ” เจียงเฉิงเอ่ย

“ลูกพี่ สบายใจได้ ผมอยู่นี่ ไม่มีใครแตะตัวพี่ได้” พี่หัวโล้นมองฮั่วเซาฟงด้วยสายตาเย็นเยือกแล้วพูด

“หวังเฉียง ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้พึ่งพาอาศัยใครหรอกเหรอ? มีลูกพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“คนที่ทำให้หวังเฉียงเป็นลูกน้องได้ หมอนี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ”

ต้องรู้ไว้ว่าหวังเฉียงคือคนที่สามารถอาศัยตัวเองต่อกรกับติงหวู่ตี๋ได้เชียวนะ นั่นก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน เพราะก็มีอิทธิพลระดับหนึ่งในวงการมาเฟีย ดังนั้นเมื่อคนรอบข้างเห็นว่าหวังเฉียงมีลูกพี่ก็พลันหารือกันอย่างตกตะลึงทันที

“ก็แค่รู้จักกับอันธพาลกระจอกคนหนึ่ง ไล่ออกไปพร้อมกันซะ” ฮั่วเซาฟงแค่นเสียงเย็น เขาอาศัยชื่อเสียงตระกูลตัวเอง ไม่เห็นหัวนักเลงอย่างหวังเฉียงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

“คุณเจียงงั้นเหรอครับ?”

จ้าวฝูหลินลุกขึ้นเดินมา พลันรีบเอ่ยกับเจียงเฉิงอย่างนอบน้อมว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ คุณเจียง”

“คุณจ้าว” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ เขาย่อมจำได้อยู่แล้ว ว่าเขาเคยช่วยจ้าวฉางเจี๋ยที่เป็นลูกชายของจ้าวฝูหลิน

“นั่นไม่ใช่จ้าวฝูหลินที่เป็นเจ้าของไนต์คลับเหรอ? ทำไมเขาถึงดูเคารพนับถือพ่อหนุ่มคนนั้นขนาดนั้น?”

“นั่นสิ จ้าวฝูหลินเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงในระดับหนึ่งเลย น้อยมากที่จะเห็นเขาเคารพใครขนาดนี้”

“คุณชายฮั่ว คุณเจียงเป็นผู้มีพระคุณของผม ขอความกรุณาคุณชายช่วยเห็นแก่หน้าผมด้วย” จ้าวฝูหลินเอ่ยเสียงเย็นกับฮั่วเซาฟง

ฮั่วเซาฟงพลันเผยสีหน้าไม่สู้ดีในทันที หากตระกูลฮั่วอยากจะขยายธุรกิจในเมืองหลูหยาง งั้นธุรกิจไนต์คลับก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากทำให้จ้าวฝูหลินไม่พอใจขึ้นมา งั้นก็อาจจะทำให้การขยายธุรกิจในเมืองหลูหยางเป็นไปได้ยากขึ้น

ทว่าคำพูดดุดันก่อนหน้าฮั่วเซาฟงก็พูดไปแล้ว หากยอมจบทั้งแบบนี้ งั้นก็ไม่ต่างจากตบหน้าตัวเองไม่ใช่หรือไง?

“คุณจ้าว คุณคิดว่าตัวเองใหญ่มากเลยงั้นเหรอ? ถึงกล้าให้ผมเห็นแก่หน้าคุณ?”

ฮั่วเซาฟงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยเสียงเย็นกับจ้าวฝูหลินอย่างไม่เกรงใจ

จ้าวฝูหลินเองก็พลันเผยสีหน้าไม่สู้ดี เดิมทีก็มาเพราะเห็นแก่หน้าตระกูลฮั่ว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่เจียมตัวขนาดนี้

ทว่าจ้าวฝูหลินเองก็รู้ว่าตระกูลฮั่วทรงอิทธิพลมากๆ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถต่อกรได้ด้วยซ้ำ เขาจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนโทสะไม่พูดอะไรอีก

ฮั่วเซาฟงเห็นดังนั้นก็พลันได้ใจขึ้นมาทันที เจียงเฉิงจะเก่งขนาดไหน ก็ได้แค่นี้แล้วสินะ?

“งั้นเหรอ? ในเมื่อคุณจ้าวไม่ใหญ่พอ งั้นผมฟางเจี้ยนกั๋วก็ใหญ่พอให้เห็นแก่หน้าแล้วหรือยัง?”

ฝูงคนแหวกออก ก่อนจะปรากฏฟางเจี้ยนกั๋วที่เดินมาทางฮั่วเซาฟงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง