“ฟางเจี้ยนกั๋ว? ประธานฟาง?”
“แม้แต่เขาก็ยังออกหน้าช่วยพ่อหนุ่มคนนี้ด้วยงั้นเหรอ? คนนั้นเป็นใครกันแน่?”
คนรอบข้างต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า ล้วนมองไปที่เจียงเฉิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“ท่านประธานฟาง ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว” ฮั่วเซาฟงรีบยื่นมือไปหาฟางเจี้ยนกั๋วด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที
แม้ฮั่วเซาฟงจะหยิ่งทะนงในชื่อเสียงบารมีของตระกูลตัวเอง ทว่าก็ยังคงไม่กล้าทำให้ฟางเจี้ยนกั๋วไม่พอใจ เพราะฟางเจี้ยนกั๋วคือผู้นำตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองหลูหยาง เรียกได้ว่ามีอำนาจดรรชนีเดียวขวางฟ้า แม้ฮั่วเซาฟงจะใจกล้าขนาดไหน ก็ไม่มีทางทำให้ฟางเจี้ยนกั๋วไม่พอใจ
ฟางเจี้ยนกั๋วมองฮั่วเซาฟงแวบหนึ่งด้วยแววตาราบเรียบ ก่อนจะเดินอ้อมเขามาตรงหน้าเจียงเฉิง เอ่ยว่า “คุณเจียง ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ โปรดให้อภัยผมด้วย”
ตั้งแต่ที่เจียงเฉิงช่วยลูกสาวของฟางเจี้ยนกั๋วเอาไว้ เขาก็อยากสานสัมพันธ์กับเจียงเฉิงมาโดยตลอด ครั้งนี้เห็นเจียงเฉิงตกที่นั่งลำบาก เขาก็ย่อมต้องรีบมาช่วยอยู่แล้ว
“ประธานฟาง คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ผมเองก็เพิ่งถึงไม่นาน นี่ก็เกือบจะถูกไล่ออกไปแล้ว” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ยเสียงเรียบ
“เหรอครับ? ในเมื่อคนที่นี่ไม่แม้แต่จะเห็นแก่หน้าของคุณเจียง งั้นผมว่าผมเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อแล้ว” ฟางเจี้ยนกั๋วเอ่ยเสียงเย็น
ฮั่วเซาฟงได้ยินดังนั้นก็พลันรู้สึกหนักใจในทันที ถ้าฟางเจี้ยนกั๋วจากไป งั้นที่นี่ก็จะไม่เหลือใครจริงๆแล้ว ซ้ำยังจะทำให้ฟางเจี้ยนกั๋วไม่พอใจโดยสิ้นเชิง
เขามาหลูหยาง นอกจากจะประมูลเพชรดวงดาวแห่งความหวัง เป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือสานสัมพันธ์กับฟางเจี๋ยนกั๋ว หากมีเรื่องขัดแย้งกันทั้งแบบนี้ ถ้าเขากลับไปก็จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่ ๆ
“ท่านประธานฟาง คุณไปไม่ได้นะครับ ทุกหมดนี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ฮั่วเซาฟงรีบเอ่ย
“เรื่องเข้าใจผิด?”
ฟางเจี้ยนกั๋วแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “ผมดูจากท่าทางคุณเมื่อกี้นี้แล้ว ไม่เหมือนเรื่องเข้าใจผิดสักนิดเลยนะครับ”
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆครับ คุณเจียงคนนี้เป็นพี่เขยผม ผมจะไล่เขาออกไปได้ยังไงกัน? ผมก็แค่ล้อเล่นกับเขาเท่านั้นเอง” ฮั่วเซาฟงเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก พลางรีบอธิบายอย่างร้อนรนใจ
“คุณเจียง หมอเทวดาเจียง นี่เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ เอิกเกริกขนาดนี้?”
“นี่ใครมาอีกแล้ว?”
ฮั่วเซาฟงได้ยินมีคนเรียกชื่อเจียงเฉิงอีกแล้ว ก็พลันตระหนกตกใจจนตัวสะดุ้ง เพราะคนที่นี่ถ้าไม่ร่ำรวยก็ต้องสูงศักดิ์ แม้ตระกูลฮั่วจะมีอำนาจใหญ่โต ทว่าก็ไม่อาจข่มเจ้าถิ่นได้ เพราะที่นี่คือหลูหยาง ไม่ใช่เจียงหนาน เขาไม่รู้ว่ามีเศรษฐีคนไหนอีกที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเจียงเฉิง
คนที่มาครั้งนี้ก็คือไป๋เว่ยกั๋ว หัวหอกแห่งวงการอสังหาฯเมืองหลูหยาง มีธุรกิจอสังหาฯครอบคลุมทั่วเมืองหลูหยาง นับว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งเช่นกัน
“คุณไป๋” เจียงเฉิงทักทาย
“ขอบคุณหมอเทวดาเจียงที่ยังจำผมได้ คฤหาสต์ที่ผมยกให้อยู่สบายดีหรือเปล่าครับ?” ไป๋เว่ยกั๋วยิ้มถามเจียงเฉิง
ไป๋เว่ยกั๋วคนนี้ก็คือคนไข้ที่จ้าวฝูหลินเคยพาไปให้เจียงเฉิงรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อคราวก่อน อีกทั้งต่อมาตอนที่เจียงเฉิงไปซื้อบ้านให้ครอบครัวตัวเองที่คังซินยี่พิน เขาก็ได้มอบคฤหาสต์ให้เจียงเฉิงหนึ่งหลังโดยไม่เอาเงินสักแดงเดียว
“แม่เจ้า แม้แต่ไป๋เว่ยกั๋วก็ยังให้ความเคารพขนาดนี้ อีกทั้งยังมอบคฤหาสต์ให้หลังหนึ่งอีกต่างหาก? ทั้งเมืองหลูหยางก็คงไม่มีคนที่สองแล้วล่ะมั้ง?”
“คนคนนี้ต้องเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่แน่ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นคุณชายจากเมืองหลวงก็ได้ ไม่งั้นจะรู้จักกับตระกูลเศรษฐีชื่อดังเยอะขนาดนี้ได้ยังไง?”
คนรอบข้างต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า ชั่วขณะหนึ่งล้วนแต่ลุกขึ้นยืน แล้วถือแก้วไวน์เดินไปล้อมตัวเจียงเฉิง
ฮั่วเซาฟงที่เป็นตัวเอกของงานเลี้ยงถูกลืมไว้อีกข้างโดยสิ้นเชิง กลับกันฝั่งเจียงเฉิงคือดูเฮฮาสนุกสนาน จนเจียงเฉิงกลายเป็นจุดศูนย์กลางของงานเลี้ยงไปโดยปริยาย
“คุณชายฮั่ว นี่มัน……”
จี้เจ๋อเพิ่งปริปาก ก็ถูกฮั่วเซาฟงง้างมือตบหน้าทันที พลางก่นด่าว่า “นายเป็นคนบอกว่าเขาเป็นแค่บุรุษพยาบาลและเป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ห่วยแตกไม่ใช่หรือไง?”
“เขาเป็นจริงๆนี่ครับ……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง