ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 142

“ฟางเจี้ยนกั๋ว? ประธานฟาง?”

“แม้แต่เขาก็ยังออกหน้าช่วยพ่อหนุ่มคนนี้ด้วยงั้นเหรอ? คนนั้นเป็นใครกันแน่?”

คนรอบข้างต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า ล้วนมองไปที่เจียงเฉิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ท่านประธานฟาง ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว” ฮั่วเซาฟงรีบยื่นมือไปหาฟางเจี้ยนกั๋วด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที

แม้ฮั่วเซาฟงจะหยิ่งทะนงในชื่อเสียงบารมีของตระกูลตัวเอง ทว่าก็ยังคงไม่กล้าทำให้ฟางเจี้ยนกั๋วไม่พอใจ เพราะฟางเจี้ยนกั๋วคือผู้นำตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองหลูหยาง เรียกได้ว่ามีอำนาจดรรชนีเดียวขวางฟ้า แม้ฮั่วเซาฟงจะใจกล้าขนาดไหน ก็ไม่มีทางทำให้ฟางเจี้ยนกั๋วไม่พอใจ

ฟางเจี้ยนกั๋วมองฮั่วเซาฟงแวบหนึ่งด้วยแววตาราบเรียบ ก่อนจะเดินอ้อมเขามาตรงหน้าเจียงเฉิง เอ่ยว่า “คุณเจียง ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ โปรดให้อภัยผมด้วย”

ตั้งแต่ที่เจียงเฉิงช่วยลูกสาวของฟางเจี้ยนกั๋วเอาไว้ เขาก็อยากสานสัมพันธ์กับเจียงเฉิงมาโดยตลอด ครั้งนี้เห็นเจียงเฉิงตกที่นั่งลำบาก เขาก็ย่อมต้องรีบมาช่วยอยู่แล้ว

“ประธานฟาง คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ผมเองก็เพิ่งถึงไม่นาน นี่ก็เกือบจะถูกไล่ออกไปแล้ว” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ยเสียงเรียบ

“เหรอครับ? ในเมื่อคนที่นี่ไม่แม้แต่จะเห็นแก่หน้าของคุณเจียง งั้นผมว่าผมเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อแล้ว” ฟางเจี้ยนกั๋วเอ่ยเสียงเย็น

ฮั่วเซาฟงได้ยินดังนั้นก็พลันรู้สึกหนักใจในทันที ถ้าฟางเจี้ยนกั๋วจากไป งั้นที่นี่ก็จะไม่เหลือใครจริงๆแล้ว ซ้ำยังจะทำให้ฟางเจี้ยนกั๋วไม่พอใจโดยสิ้นเชิง

เขามาหลูหยาง นอกจากจะประมูลเพชรดวงดาวแห่งความหวัง เป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือสานสัมพันธ์กับฟางเจี๋ยนกั๋ว หากมีเรื่องขัดแย้งกันทั้งแบบนี้ ถ้าเขากลับไปก็จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่ ๆ

“ท่านประธานฟาง คุณไปไม่ได้นะครับ ทุกหมดนี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ฮั่วเซาฟงรีบเอ่ย

“เรื่องเข้าใจผิด?”

ฟางเจี้ยนกั๋วแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “ผมดูจากท่าทางคุณเมื่อกี้นี้แล้ว ไม่เหมือนเรื่องเข้าใจผิดสักนิดเลยนะครับ”

“เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆครับ คุณเจียงคนนี้เป็นพี่เขยผม ผมจะไล่เขาออกไปได้ยังไงกัน? ผมก็แค่ล้อเล่นกับเขาเท่านั้นเอง” ฮั่วเซาฟงเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก พลางรีบอธิบายอย่างร้อนรนใจ

“คุณเจียง หมอเทวดาเจียง นี่เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ เอิกเกริกขนาดนี้?”

“นี่ใครมาอีกแล้ว?”

ฮั่วเซาฟงได้ยินมีคนเรียกชื่อเจียงเฉิงอีกแล้ว ก็พลันตระหนกตกใจจนตัวสะดุ้ง เพราะคนที่นี่ถ้าไม่ร่ำรวยก็ต้องสูงศักดิ์ แม้ตระกูลฮั่วจะมีอำนาจใหญ่โต ทว่าก็ไม่อาจข่มเจ้าถิ่นได้ เพราะที่นี่คือหลูหยาง ไม่ใช่เจียงหนาน เขาไม่รู้ว่ามีเศรษฐีคนไหนอีกที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเจียงเฉิง

คนที่มาครั้งนี้ก็คือไป๋เว่ยกั๋ว หัวหอกแห่งวงการอสังหาฯเมืองหลูหยาง มีธุรกิจอสังหาฯครอบคลุมทั่วเมืองหลูหยาง นับว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งเช่นกัน

“คุณไป๋” เจียงเฉิงทักทาย

“ขอบคุณหมอเทวดาเจียงที่ยังจำผมได้ คฤหาสต์ที่ผมยกให้อยู่สบายดีหรือเปล่าครับ?” ไป๋เว่ยกั๋วยิ้มถามเจียงเฉิง

ไป๋เว่ยกั๋วคนนี้ก็คือคนไข้ที่จ้าวฝูหลินเคยพาไปให้เจียงเฉิงรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อคราวก่อน อีกทั้งต่อมาตอนที่เจียงเฉิงไปซื้อบ้านให้ครอบครัวตัวเองที่คังซินยี่พิน เขาก็ได้มอบคฤหาสต์ให้เจียงเฉิงหนึ่งหลังโดยไม่เอาเงินสักแดงเดียว

“แม่เจ้า แม้แต่ไป๋เว่ยกั๋วก็ยังให้ความเคารพขนาดนี้ อีกทั้งยังมอบคฤหาสต์ให้หลังหนึ่งอีกต่างหาก? ทั้งเมืองหลูหยางก็คงไม่มีคนที่สองแล้วล่ะมั้ง?”

“คนคนนี้ต้องเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่แน่ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นคุณชายจากเมืองหลวงก็ได้ ไม่งั้นจะรู้จักกับตระกูลเศรษฐีชื่อดังเยอะขนาดนี้ได้ยังไง?”

คนรอบข้างต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า ชั่วขณะหนึ่งล้วนแต่ลุกขึ้นยืน แล้วถือแก้วไวน์เดินไปล้อมตัวเจียงเฉิง

ฮั่วเซาฟงที่เป็นตัวเอกของงานเลี้ยงถูกลืมไว้อีกข้างโดยสิ้นเชิง กลับกันฝั่งเจียงเฉิงคือดูเฮฮาสนุกสนาน จนเจียงเฉิงกลายเป็นจุดศูนย์กลางของงานเลี้ยงไปโดยปริยาย

“คุณชายฮั่ว นี่มัน……”

จี้เจ๋อเพิ่งปริปาก ก็ถูกฮั่วเซาฟงง้างมือตบหน้าทันที พลางก่นด่าว่า “นายเป็นคนบอกว่าเขาเป็นแค่บุรุษพยาบาลและเป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ห่วยแตกไม่ใช่หรือไง?”

“เขาเป็นจริงๆนี่ครับ……”

จี้เจ๋อพูดอย่างน้อยใจเล็กน้อย

“เป็นแม่แกสิ แกเคยเห็นบุรุษพยาบาลคนไหนมีคอนเนคชั่นขนาดนี้?” ฮั่วเซาฟงด่าอย่างโมโห

แม้จี้เจ๋อจะเป็นคุณชายตระกูลอันดับสองเมืองหลูหยาง ทว่าตอนนี้ครอบครัวเขาต้องอาศัยตระกูลฮั่ว เขาย่อมไม่กล้าต่อต้านฮั่วเซาฟงอยู่แล้ว ทำได้เพียงถูกตบฟรีๆ

จี้เจ๋อมองไปที่เจียงเฉิง เขาเองก็ไม่เข้าใจ ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ ๆรอบข้างเจียงเฉิงก็มีคนใหญ่คนโตโผล่มาเยอะขนาดนี้

“คุณเจียง ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยคุยกัน”

“ครับ แน่นอน!”

เมื่อคนกลุ่มสุดท้ายจากไป เจียงเฉิงจึงจะกลับไปที่นั่งตัวเอง

“น้องชายคนดี นายปิดบังความลับได้ลึกเชียวเลยนี่” ฮั่วหลิงหลงยิ้มเอ่ยกับเจียงเฉิง

“ปิดบังอะไร?”

“ก็ตัวตนกับฐานะของนายไง นายบอกว่านายเป็นแค่หมอธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?” ฮั่วหลิงหลงเอ่ยถาม

“ฉันเป็นแค่หมอธรรมดาจริงๆ”

“โกหกพี่สาวอีกแล้ว เป็นแค่หมอคนหนึ่งจะทรงอิทธพลขนาดนี้ได้ยังไง? ตระกูลใหญ่ของเมืองหลูหยางเคารพนายขนาดนี้กันหมดเลยเหรอ?” ฮั่วหลิงหลงมองเจียงเฉิงอย่างสงสัยใคร่รู้

“ผมไม่ได้โกหกพี่” เจียงเฉิงเอ่ย

ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้ได้อยู่ต่อแล้ว แสดงว่าสามารถคว้าดวงดาวแห่งความหวังได้อีกครั้งผ่านการประมูล อีกทั้งเจียงเฉิงยังมีตระกูลใหญ่หนุนหลังมากมายขนาดนี้ ตระกูลอื่นๆไม่มีทางแก่งแย่งกับเจียงเฉิงแน่ ๆ

“คุณเจียง เมื่อกี้ที่ผมเสียมารยาทไป ผมขอโทษคุณมากจริงๆ” ฮั่วเซาฟงถือแก้วไวน์มานั่งข้างเจียงเฉิงอีกครั้ง

“ไม่จำเป็น” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

“พี่ พี่หาแฟนที่เก่งขนาดนี้ได้ ทำไมไม่บอกน้องชายอย่างผมสักคำเลย ให้ผมดีใจด้วยสิ” ฮั่วเซาฟงเห็นเจียงเฉิงเผยท่าทีเย็นชา ก็หันไปพูดกับฮั่วหลิงหลง

“เซาฟง คำพุดพวกนี้มีความหมายอะไรงั้นเหรอ? ฉันบอกแล้ว ฉันก็แค่อยากจะเอาของที่ฉันอยากได้กลับคืนมา” ฮั่วหลิงหลงเอ่ยเสียงเรียบ

“โอเคๆ”

ฮั่วเซาฟงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง จึงทำได้เพียงดื่มเหล้าอย่างรู้สึกอับอาย ทว่าเขาวางแผนจัดเตรียมไว้แล้ว แม้ตอนนี้เขาจะสู้เจียงเฉิงไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางยอมให้ฮั่วหลิงหลงได้ใจเด็ดขาด

“ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เมื่อกี้ได้รับแจ้งมาจากบอส เพราะเหตุสุดวิสัยบางอย่าง ทำให้เพชรดวงดาวแห่งความหวังไม่สามารถดำเนินการประมูลได้ชั่วคราว ขอทุกท่านโปรดให้อภัยด้วย” พิธีกรยืนพูดบนเวทีอย่างขอโทษ

“อะไรนะ?”

ฮั่วหลิงหลงเผยสีหน้าตกตะลึง เพชรดวงดาวแห่งความหวังถูกยกเลิกการประมูลแล้ว?

ทันใดนั้น ฮั่วหลิงหลงหันขวับไปมองฮั่วเซาฟงทันที เห็นเพียงเขากำลังมองเธออย่างได้ใจ เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจวางแผนเอาไว้ เพราะไม่อยากให้เธอได้เพชรดวงดาวแห่งความหวังไป

ทว่าฮั่วหลิงหลงเพียงแค่อยากเอาเพชรดวงดาวแห่งความหวังกลับคืนมา หากไม่สามารถทำได้ งั้นที่เธอยุ่งมานานขนาดนี้ก็ถือว่าสูญเปล่าน่ะสิ? คิดได้ดังนั้นฮั่วหลิงหลงก็รู้สึกสลดใจขึ้นมาทันที

“ต่อไปขอเชิญทุกท่านรับชมการแสดงเปียโนของคุณหลิงหลิงจากเมืองหลวง” พิธีกรพูดจบก็ถอยลงไปทันที

“หลิงหลิงเลยงั้นเหรอ เสียงเปียโนของเธอไพเราะเสนาะหูมากๆ”

“นั่นสิ แม้จะไม่ได้เห็นเพชรดวงดาวแห่งความหวังในตำนานแล้ว แต่ได้ดื่มด่ำกับเสียงเปียโนของหลิงหลิงก็ถือเป็นเรื่องที่ดีงามเช่นกัน”

ท่ามกลางเสียงหารือของผู้คน เสียงเปียโนที่ไพเราะเสนาะหูดังลอดมาจากบนเวที ตามด้วยลืฟต์เลื่อนที่ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจากใต้เวที……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง