ภายใต้แสงจันทร์ ผมลอนสลวยยาวคลุมไหล่ ฮั่วหลิงหลงในตอนนี้ยิ่งดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหล
โดยเฉพาะ ณ ตอนนี้ที่เธอกำลังนั่งคร่อมตัวเจียงเฉิงด้วยท่าที่คลุมเครือขนาดนี้ อีกทั้งนิ้วมือก็ยังลูบไล้เจียงเฉิง
“พี่หลิงหลง พี่ไม่ต้องทำแบบนี้” เจียงเฉิงกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แล้วพูดอย่างยากลำบากเล็กน้อย
“ทำไม? หรือนายเองก็คิดว่าพี่สกปรกงั้นเหรอ?” ฮั่วหลิงหลงถามเสียงเบา
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น!”
เจียงเฉิงรีบเอ่ยว่า “ผมมีเมียแล้ว ผมทำเรื่องที่ผิดต่อเธอไม่ได้”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องการให้นายรับผิดชอบสักหน่อย พี่เคยบอกไว้แต่แรกแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถช่วยพี่เอาเพชรนี้กลับคืนมาได้ พี่ก็จะตอบแทนด้วยร่างกายตัวเองแน่นอน” ฮั่วหลิงหลงเอ่ยอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมเห็นพี่หลิงหลงเป็นพี่สาวจริงๆ ไม่ได้มีความคิดอย่างอื่น” เจียงเฉิงเอ่ย
ฮั่วหลิงหลงมองแววตาที่หนักแน่นของเจียงเฉิง พลันรู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนจะลงมาจากตัวเจียงเฉิง แล้วใช้นิ้วมือทัดปอยผมที่ข้างหูตัวเอง
“ขอโทษนะ พี่คิดตื้นไปเอง” ฮั่วหลิงหลงถอนหายใจ แล้วนั่งลงบนพื้นอีกครั้ง
เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงถอนหายใจ เป็นเพราะได้เพชรกลับคืนมาแล้วไม่รู้จะทำยังไงต่อไป หรือเพราะผู้ชายดีๆอย่างเจียงเฉิงแต่งงานแล้วกันแน่
“ไม่พูดเรื่องนี้ละ นายคงสงสัยมากเลยใช่หรือเปล่าว่าทำไมพี่ถึงอยากได้เพชรเม็ดนี้กลับมาไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม?” ฮั่วหลิงหลงถามเจียงเฉิง
“ใช่ครับ” เจียงเฉิงพยักหน้า
ฮั่วหลิงหลงสูดหายใจลึก ราวกับว่ากำลังจัดการความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย
“แท้จริงแล้ว พ่อแท้ๆของฉันไม่ใช่คนของตระกูลฮั่ว แต่คือคนคนหนึ่ง ที่ฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉันเคยได้ยินแม่ฉันเล่าว่า ตอนที่เธอถูกคนของตระกูลฮั่วบีบบังคับให้แต่งงาน เธอก็ท้องฉันแล้ว เพียงแต่คนตระกูลฮั่วยังไม่รู้เท่านั้น”
“ต่อมา ผู้นำตระกูลฮั่ว หรือก็คือพ่อของฮั่วเซาฟง พบว่าฉันหน้าตาไม่ค่อยเหมือนคนตระกูลฮั่ว ก็เลยพาฉันไปตรวจดีเอ็นเอ เมื่อเขารู้ว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวเขา ก็เชื่ออย่างสุดใจว่าแม่ฉันนอกใจเขา เพราะฉะนั้นก็เลยไล่ฉันกับแม่ฉันออกจากบ้าน”
“ฉันยังจำได้ว่าตอนนั้นคนตระกูลฮั่วล้วนแต่เกลียดฉันกับแม่ฉัน ไม่อนุญาตให้ฉันกับแม่เอาของของตระกูลฮั่วไปด้วยแม้แต่ชิ้นเดียว ตอนนั้นฉันกับแม่ถูกไล่ออกจากบ้านด้วยร่างเปลือยเปล่า ปีนั้น ฉันอายุเก้าขวบ”
ขณะที่ฮั่วหลิงหลงพูด น้ำเสียงของเธอก็เริ่มสะอื้น ดวงตาคู่สวยกระพริบ พลันมีน้ำตาไหลลงมาสองสาย
“แล้วพ่อแท้ๆของพี่ล่ะ?” เจียงเฉิงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เช็ดน้ำตาให้ฮั่วหลิงหลงแล้วถาม
ฮั่วหลิงหลงส่ายศีรษะ แขนขาวผ่องกอดเข่าตัวเอง เอ่ยว่า “แม่ฉันไม่ค่อยพูดถึงเขามากนัก เคยพูดแค่ว่า ครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้มอบเพชรเม็ดนี้ให้แม่ฉัน บอกว่าจะรีบกลับมาแต่งงานกับเธอ แต่น่าเสียดายที่นับแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีก”
“ตอนที่ฉันกับแม่ถูกไล่ออกมา เพชรนี้เองก็ถูกทิ้งไว้ที่ตระกูลฮั่ว เพียงแต่แม่ฉันคิดถึงมันมาโดยตลอด กระทั่งก่อนจากไปก็ยังพูดถึงมัน เพราะฉะนั้นฉันก็เลยต้องเอาเพชรนี้กลับคืนมาให้ได้” ฮั่วหลิงหลงลูบกล่องที่ใส่เพชรดวงดาวแห่งความหวังเอาไว้
เจียงเฉิงเข้าใจแล้ว ว่าทำไมน้องชายเธอถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอขนาดนั้น ทำไมตอนนั้นที่ฮั่วหลิงหลงดื่มเหล้าและเต้น ถึงได้ดูเศร้าโศกเล็กน้อย
“เอาล่ะ เรื่องราวของฉันเล่าจบแล้ว แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีเหล้า” ฮั่วหลิงหลงสูดหายใจเข้าลึก แล้วแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“คราวหลังถ้ามีโอกาส พวกผมค่อยดื่มด้วยกันก็ได้” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ย
“แล้วนายล่ะ?”
“ผม?”
“นายมีเรื่องราวอะไร? ตอนที่พี่เจอนายครั้งแรก ก็รู้สึกว่านายเองก็น่าจะเป็นคนที่มีเรื่องราวมากเหมือนกัน” ฮั่วหลิงหลงยิ้มเอ่ยกับเจียงเฉิง
เจียงเฉิงใจกระตุกวูบ ก็จริง เกรงว่าเรื่องราวของเขาคงจะซับซ้อนกว่าฮั่วหลิงหลงเล็กน้อย เพราะเขาเป็นคนตายที่ได้เกิดใหม่อีกครั้ง
“ผมจะไปมีเรื่องราวอะไรกันล่ะ” เจียงเฉิงโบกมือปฏิเสธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง