ได้ยินสวี่ฉิงพูดดังนั้น เจียงเฉิงก็พลันใจกระตุกวูบ ก่อนจะรีบสูดดมร่างกายตัวเอง เอ่ยว่า “ไม่หรอกมั้ง?”
ในใจเจียงเฉิงรู้สึกตระหนกทันที ก่อนหน้านี้ฮั่วหลิงหลงนั่งคร่อมบนตัวเขานานมาก เดาว่ากลิ่นก็น่าจะติดมาจากตอนนั้น
“เป็นกลิ่นเดียวกับครั้งก่อนที่นายไปซื้อเหล้ากลับมา” สวี่ฉิงเอ่ยเสียงเบา
เจียงเฉิงใจกระตุกวูบอีกครั้ง ที่แท้สวี่ฉิงก็ได้กลิ่นตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วงั้นเหรอ
ครั้งก่อนฮั่วหลิงหลงนั่งบนตักเจียงเฉิงนานมาก ตอนนั้นเจียงเฉิงนึกว่าสวี่ฉิงไม่ได้กลิ่นเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะได้กลิ่นนานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้พูดก็เท่านั้น
“อันนี้ คือฉัน......”
“เจียงเฉิง นายไม่ต้องอธิบายกับฉัน ตอนที่เราสองคนแต่งงานก็ตกลงกันไว้แล้ว ฉันไม่สนว่านายอยู่ข้างนอกมีผู้หญิงกี่คน เพียงแต่นายอย่าให้พ่อกับแม่รู้ก็พอ” สวี่ฉิงเอ่ยกับเจียงเฉิงด้วยสีหน้าเย็นชา
“อ้อ โอเค” เจียงเฉิงเอ่ยอย่างจนใจ
จริงๆเลย ฉันให้นายไม่ต้องอธิบายนายก็ไม่อธิบายงั้นเหรอ? ผู้ชายเลว!
“คืนนี้นายนอนพื้นเถอะ ฉันอยากนอนคนเดียว” สวี่ฉิงพูดเสียงเย็นแล้วปิดไฟซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มทันที พลันหันหลังให้เจียงเฉิง
แม้สวี่ฉิงจะนอนอยู่บนเตียงนานแล้ว ทว่าเธอก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหึงหวง
แต่ก่อนเจียงเฉิงเองก็เคยกลับมาดึก ทว่าออกไปแล้วกลับมาด้วยน้ำหอมกลิ่นเดียวกันถึงสองครั้ง งั้นก็แสดงว่าเขาออกไปเจอกับผู้หญิงคนเดียวกัน นี่มันนอกใจกันชัดๆ
ระหว่างที่สวี่ฉิงกำลังครุ่นคิด เธอก็ได้ยินเสียงเจียงเฉิงอาบน้ำออกมาแล้ว เจียงเฉิงไปเอาฟูกในตู้เสื้อผ้าออกมา แล้วปูพื้นนอนตามที่เธอพูดจริงๆ
นี่มันชักจะเกินไปแล้ว ให้นายนอนพื้นนายก็นอนพื้น ไม่รู้จักง้อเมียเลยหรือไง? ห่วยแตกชะมัด!
“หึ!”
สวี่ฉิงจงใจแค่นเสียง
เจียงเฉิงได้ยินสวี่ฉิงแค่นเสียง ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอบอกว่าเธอไม่แคร์ไม่ใช่หรือไง? แล้วทำไมถึงดูเหมือนโกรธ?
“......เมื่อวาน มีคุณชายจากตระกูลลึกลับในเมืองหลวง ปรากฏตัวที่งานประมูลการกุศลแห่งหนึ่ง คนคนนี้ไม่เพียงแค่มีฐานะสูงส่ง แต่ยังสามารถเอาชนะคุณหลิงหลิงได้ด้วยเพลงบรรเลงเปียโนนิรนาม น่าเสียดายที่นักข่าวของเราไม่สามารถถ่ายรูปของคนคนนี้ไว้ได้ เห็นเพียงแผ่นหลังเท่านั้น ข่าวบันเทิงล่าสุดเมืองหลูหยาง......”
สวี่จื้อจุนกำลังกินข้าวเช้า เมื่อเห็นข่าวแบบนี้ก็พลันแค่นยิ้ม เอ่ยว่า “รายงานข่าวสมัยนี้น่ะนะ มีอะไรนิดๆหน่อยๆก็เพ้อเจ้อไร้สาระ คุณชายลึกลับจากเมืองหลวงอะไรกัน คนแบบนั้นจะมาเมืองเล็กๆแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
สวี่ฉิงเห็นแผ่นหลังในทีวี ก็พลันจับจ้องไปยังเจียงเฉิงทันที
“นั่นสิ พ่อพูดถูก” เจียงเฉิงพูดอย่างเห็นด้วย
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ สวี่ฉิงตะโกนเข้าไปในบ้านว่า “พ่อ แม่ พวกหนูไปทำงานกันแล้วนะคะ”
“จ้า” สวี่จื้อจุนตอบ
“นายกลายเป็นคุณชายลึกลับจากเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?” สวี่ฉิงนั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วหันไปถามเจียงเฉิง
“คุณชายอะไร?” เจียงเฉิงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“วันนี้ถึงขั้นออกข่าวในทีวีแล้ว พ่อดูไม่ออก แต่ฉันเห็นแค่แวบแรกก็รู้ ว่านั่นคือแผ่นหลังของนาย” สวี่ฉิงเอ่ย
เจียงเฉิงเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ปิดบังต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ จึงเอ่ยว่า “โอเค งั้นฉันเล่าเรื่องเมื่อวานให้เธอฟังอย่างละเอียดดีกว่า”
เจียงเฉิงขับรถไปพลาง เล่าเรื่องของฮั่วหลิงหลงให้สวี่ฉิงฟังไปพลาง ถือว่าอธิบายเรื่องน้ำหอมบนตัวเขาไปด้วย เพียงแต่บางอย่างที่คลุมเครือเจียงเฉิงก็ตัดทิ้งไม่พูด
“ที่แท้ฮั่วหลิงหลงคนนั้น ก็มีอดีตที่น่าเศร้าขนาดนี้ด้วยงั้นเหรอ” สวี่ฉิงถอนหายใจเล็กน้อย
“ก็มี?”
เจียงเฉิงได้ยินสวี่ฉิงพูดคำนี้ก็รีบถามทันที
“ไมมีอะไร” สวี่ฉิงรีบเอ่ย
“เกิดเรื่องขึ้นกับแม่ฉันแล้วล่ะ นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
“แม่เธอไม่ได้อยู่ที่ชนบทเหรอ?”
“เราไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเล่าให้นายฟังระหว่างทางเอง” หลินหยุนเอ๋อดึงเจียงเฉิงแล้วรีบไปทันที
“แม่ฉันได้ยินว่าฉันซื้อบ้านแล้ว ก็เลยย้ายมาทำงานในเมือง เพราะเดิมทีเธอก็เป็นหมอหมู่บ้านอยู่แล้ว ฉันก็เลยช่วยเธอเปิดคลินิกเล็กๆในเมือง” หลินหยุนเอ๋อนั่งในรถแล้วอธิบาย
“นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เจียงเฉิงถาม
“มีเด็กคนหนึ่งป่วยน่ะ แม่ฉันทำยังไงก็รักษาไม่หายสักที เลยถามฉันว่ามีวิธีอะไรหรือเปล่า ฉันได้ยินแล้วก็นึกถึงนายทันที นายเป็นหมอที่เก่งขนาดนี้ ต้องรักษาได้แน่ ๆ” หลินหยุนเอ๋อเอ่ยอย่างร้อนรนใจ
“โอเค ฉันจะพยายาม” เจียงเฉิงเอ่ย
ณ คลินิกของแม่หลินหยุนเอ๋อ
ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบร้อนจนหน้าเขียว พลางตะคอกใส่หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดกาวน์สีขาวว่า “ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไป ฉันจะทำให้คลินิกเถื่อนเจ๊งแน่ ๆ แล้วจะให้เธอชดใช้ด้วยชีวิต!”
หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดกาวน์สีขาวก็คือแม่ของหลินหยุนเอ๋อ ชื่อหยางเหมย เธอร้อนรนใจจนเหงื่อผุดเต็มหน้า พลางผายปอดให้เด็กชายไม่หยุด ทว่ากลับไม่มีผลอะไร เด็กชายก็ยังคงสีหน้าซีดเผือด ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ดูท่าจะไม่ไหวแล้ว
“แม่งเอ้ย ฉันจะฆ่าแก!”
ชายหนุ่มเห็นว่าลูกชายตัวเองจะไม่ไหวแล้ว ก็พลันพุ่งตัวจะไปตีหยางเหมยทันที รอบข้างมีคนไม่น้อยที่รั้งชายหนุ่มเอาไว้
“ขอโทษ ฉันเองก็ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น” หยางเหมยเองก็กระวนกระวายใจจนเกือบร้องไห้ เธอนึกว่าเป็นแค่ไข้หวัดตัวร้อนธรรมดา คิดไม่ถึงเลยว่ากินยาแล้วไม่ใช่แค่ไม่ดีขึ้น กลับกันคืออาการหนักกว่าเดิม
“แกมันหมอเถื่อน!”
ชายหนุ่มยกเก้าอี้ข้างๆขึ้น แล้วกำลังจะทุบใส่หยางเหมย ทันใดนั้น เจียงเฉิงก็จับเก้าอี้ในมือของชายหนุ่มไว้หมับ เอ่ยว่า “การใช้กำลังแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง