ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 147

“ถ้าลูกชายฉันถูกหมอเถื่อนนี่ฆ่าตาย นอกจากใช้กำลังแล้วจะยังมีวิธีอะไรอีก?” ชายหนุ่มตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าโกรธจัดจนเสียการควบคุมไปแล้ว

“ตราบใดที่ยังมีฉัน ลูกชายนายก็ยังไม่ตาย” เจียงเฉิงดึงเก้าอี้ในมือของชายหนุ่มลงมา พลันเอ่ยเสียงขรึม

“งั้นดี นายรักษาลูกฉันเดี๋ยวนี้ซะ ถ้าไม่หายก็อย่าหวังว่าจะหนีไปได้สักคน” ชายหนุ่มตวาดเสียงโมโห

“แม่ แม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หลินหยุนเอ๋อวิ่งเข้ามาข้างใน พลันรีบกอดหยางเหมยเอาไว้

“ไม่เป็นไรๆ” หยางเหมยเห็นลูกสาวตัวเองมาแล้วก็เอ่ยถามว่า “คนคนนี้คือ?”

“คือหมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลหนู แม่วางใจเถอะ เขารักษาให้หายได้แน่ ๆ” หลินหยุนเอ๋อมองเจียงเฉิงอย่างเชื่อมั่นสุดใจ

เจียงเฉิงเดินไปจับชีพจรของเด็กคนนี้ ชีพจรของเด็กไม่เต้นแล้ว ทว่ายังมีชีวิตอยู่ เจียงเฉิงรีบปล่อยหลิงชี่เข้าไปในร่างกายของเด็กทันที

“หือ?”

เจียงเฉิงพลันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทว่าแทบจะในขณะเดียวกัน จู่ ๆเด็กชายก็ตื่นขึ้นมาทันที

“พ่อ ผมหายดีแล้ว” เด็กชายมองเจียงเฉิงด้วยสายตาหวาดกลัว

“หายแล้วจริงๆเหรอ?” ชายหนุ่มรีบถามอย่างดีใจ

“เขายังไม่หาย ลูกชายนายน่าจะโดนของสกปรก ต้องดื่มน้ำยันต์ฮู้ถึงจะหายดี” เจียงเฉิงรีบเอ่ยทันที

“น้ำยันต์ฮู้? นายเป็นหมอหรือเป็นมิจฉาชีพกันแน่?”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็โมโหทันที ก่นด่าว่า “คลินิกเถื่อนแบบนี้ควรเจ๊งจริงๆด้วย ฉันเรียกคนมาแล้ว พวกแกก็รอเจ๊งเถอะ”

พูดจบ ชายหนุ่มก็จะอุ้มลูกชายไปจากที่นี่

“ถ้านายอยากให้ลูกชายนายตายก็อุ้มไปได้เลย” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

“เหลวไหล ถึงลูกชายฉันจะตายก็ไม่มีทางให้พวกแกรักษาเด็ดขาด อัปมงคลชะมัด” ชายหนุ่มก่นด่าแล้วอุ้มลูกชายตัวเองออกไปจากคลินิกทันที

“หมอเจียง เด็กคนนั้นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง? ฉันเห็นตอนนี้ก็ยังดูปกติดีอยู่เลย” หลินหยุนเอ๋อเอ่ย

เจียงเฉิงได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า เอ่ยว่า “ไม่ใช่ เด็กคนนั้นน่าจะโดนของสกปรก ทำให้ชี่พิฆาตเข้าไปในร่างกาย ที่หายดีชั่วคราว เพราะฉันคลายเส้นลมปราณของเด็ก กระตุ้นชี่พิฆาตนั้น ชี่พิฆาตต้องปกป้องตัวเอง จึงไม่ได้ดูดกลืนพลังชีวิตของเด็กต่อ เด็กก็เลยแสดงออกเหมือนหายดีแล้ว เพียงแต่ถ้าไปจากที่นี่ก็จะกำเริบอีกแน่ ๆ อีกทั้งยังจะสาหัสกว่าเดิมด้วย”

ชายหนุ่มอุ้มเด็กเดินมาถึงหน้าคลินิก รถของกรมอนามัยก็ขับมาพอดี

“พี่เกา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เรียกผมมาอย่างรีบร้อนขนาดนี้” ขายคนหนึ่งที่สวมชุดยูนิฟอร์มลงจากรถ ก่อนจะเอ่ยถามชายหนุ่ม

ชายชุดยูนิฟอร์มคนนี้ก็คือหัวหน้ากรมอนามัย หลี่เฟย

“เสี่ยวหลี่ อย่าให้พูดถึงอีกเลย ที่นี่มีคลินิกเถื่อน อีกนิดเกือบทำลูกชายฉันตายแล้ว โชคดีที่ลูกฉันดวงแข็ง ตอนนี้ก็เลยไม่เป็นไร นายรีบตรวจสอบที่นี่เดี๋ยวนี้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว มีพวกหมอเถื่อนด้วย เดาว่าน่าจะปลอมใบอนุญาต นายรีบไปตรวจสอบเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น

“ไป เข้าไปดูกัน!”

หลี่เฟยรีบพาลูกน้องอีกสองคนเข้าไปในคลินิกทันที

“ไม่เป็นไรนะลูก เรากลับบ้านกัน ลูกอยากกินอะไรพ่อซื้อให้หมดเลย” ชายหนุ่มเอ่ยกับลูกชายอย่างรักใคร่

สิ้นเสียง จู่ ๆเด็กชายก็พลันเบิกตาโพลงแล้วตาเหลือก ร่างกายเองก็ชักกระตุกอย่างรุนแรง น้ำลายฟูมปาก อาการครั้งนี้สาหัสกว่าครั้งก่อนไปมาก

“ลูก? ลูกเป็นอะไรไปน่ะ?”

แม่งเอ้ย ต้องเป็นเพราะหมอเถื่อนพวกนั้นแน่ ๆ ชายหนุ่มกำลังคิดดังนั้น จู่ ๆรถเล็กซัสคันหนึ่งก็จอดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม

“ที่รัก? ลูกเป็นยังไงบ้าง?” ผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนคุณนายชนชั้นสูงเดินลงมาจากรถ

“ไม่ควรพาลูกมาที่คลินิกนี้เลยจริงๆ ให้หมอเถื่อนพวกนี้ทำร้ายจนเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มก่นด่าอย่างโมโห

“อย่ารีบร้อน ฉันเชิญรองผู้อำนวยการเจี่ยของโรงพยาบาลที่สองมาแล้ว เขาต้องรักษาลูกชายเราได้แน่ ๆ” หญิงชนชั้นสูงพูด

รองผู้อำนวยการเจี่ยที่ผมขาวโพลนเดินลงมาจากรถ เอ่ยว่า “อย่าใจร้อน ให้ฉันดูหน่อยสิ”

รองผู้อำนวยการเจี่ยพูดแล้วก็รีบจับชีพจรของเด็กชายทันที ก่อนที่สีหน้าของรองผู้อำนวยการเจี่ยจะเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน

“นี่.....ชีพจรแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ท่านเจี่ยเอ่ยด้วยสีหน้าร้อนรน

“ท่านเจี่ย คุณหมายความว่า แม่แต่คุณเองก็ไม่มีวิธีงั้นเหรอ?” หญิงชนชั้นสูงเอ่ยอย่างกระวนกระวายใจ

“อาการแบบนี้ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน ถึงส่งไปโรงพยาบาล วิธีการทั่วไปก็คงจะยืดเวลาชีวิตได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น” ท่านเจี่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“หา? หนักขนาดนี้เลยเหรอ?” ชายหนุ่มเองก็เริ่มตื่นตระหนก เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะซับซ้อนขนาดนี้

“นอกจากว่า......”

“นอกจากว่าอะไร?” ชายหนุ่มรีบถามทันที

“นอกจากว่าใช้วิชาจู้โหยวในสมัยโบราณ จึงอาจจะรักษาอาการแบบนี้ได้ เพียงแต่วิธีการแบบนั้นสูญหายไปนานแล้ว” ท่านเจี่ยเอ่ยอย่างสลดเล็กน้อย

“วิชาจู้โหยว? ใช่ที่ต้องใช้ยันต์ฮู้อะไรนั่นหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

“ใช่แล้วล่ะ คุณรู้ได้ยังไง” ท่านเจี่ยถามอย่างตกตะลึง

ชายหนุ่มรีบตอบทันทีว่า “ในคลินิกมีหมอผู้ชายคนหนึ่ง เขาบอกว่าต้องใช้ยันต์ฮู้ช่วยลูกชายผม แต่ผมนึกว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ ก็เลยไม่ได้ตอบตกลง”

ท่านเจี่ยได้ยินดังนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เอ่ยว่า “เลอะเทอะ นี่เรียกว่าเลอะเทอะแล้ว หมอแบบนี้ร้อยปีถึงจะได้เจอสักคน คุณด่วนปฏิเสธแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

“เกาจินหมิง ถ้าลูกเป็นอะไรไปเพราะนาย งั้นเราสองคนก็หย่ากันซะ!” หญิงชนชั้นสูงได้ยินดังนั้นก็โมโหทันที ที่แท้ลูกชายเป็นแบบนี้ก็เพราะเขานี่เอง เธอไม่กลัวว่าจะรักษาลูกชายไม่หาย เธอกลัวแค่ว่ามีโอกาสแต่คว้าไว้ไม่ได้

“ฉัน......ฉันจะกลับไปขอร้องเขาเดี๋ยวนี้” เกาจินหมิงเองก็ร้อนรนใจจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก พลันอุ้มลูกชายหันตัววิ่งกลับไปทันที

“คุณมีสิทธิ์อะไรมายึดใบอนุญาตของเรา?”

หลินหยุนเอ๋อตะคอกใส่หลี่เฟยอย่างไม่พอใจ

“มีสิทธิ์อะไรงั้นเหรอ?”

หลี่เฟยแค่นยิ้มเสียงเย็น เอ่ยว่า “ก็สิทธิ์ที่จะจับหมอเถื่อนอย่างพวกแกที่เกือบทำคนตายไงล่ะ!”

“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันพยายามอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ” หยางเหมยเอ่ยอย่างเสียใจ

“เธอก็ต้องไม่รู้อยู่แล้ว เพราะเธอไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ” หลี่เฟยเอ่ยเสียงเย็น

“ไม่ใช่นะ หมอหยางก็เป็นหมอเก่งคนหนึ่ง เธอเป็นคนรักษาพวกเราจนหายดีเอง”

“นั่นสิ อีกทั้งค่ารักษาที่นี่ก็ถูกกว่าที่อื่น หมอก็ดี คุณจะยึดที่นี่ไม่ได้นะ”

คนไข้ไม่น้อยต่างช่วยหยางเหมยพูด เพราะตั้งแต่ที่หยางเหมยมาที่นี่ พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยางเหมยมาโดยตลอด

“ไม่ว่าจะยังไง วันนี้ผมก็ต้องยึดที่นี่ให้ได้” หลี่เฟยพูดอย่างเคร่งขรึม

“ดี คุณจะยึดยังไงแล้วแต่คุณ แต่ถ้ายึดแล้ว ผมก็จะไม่รักษาเด็กคนนั้น” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

“นี่นายคิดว่าตัวเองเป็นหมอเทวดาจริงๆหรือไง? ถ้านายรักษาอาการป่วยเป็นแล้วล่ะก็ งั้นวันนี้ฉันก็จะกินใบสั่งยึดนี่ลงไปเอง!”

หลี่เฟยเอ่ยเสียงเย็นทีเดียวว่า “แปะซีลซะ!”

“หมอ! หมอ ได้โปรด ช่วยลูกผมด้วย!” เกาจินหมิงอุ้มลูกชายตัวเองวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน

“ขอโทษนะ แต่อาการป่วยของลูกชายคุณ ผมไม่รักษา!” เจียงเฉิงเอ่ยปฏิเสธเสียงเย็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง