ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 149

“นายว่าอะไรนะ?”

หลี่เฟยขมวดคิ้วมองเจียงเฉิง

“ก่อนหน้านี้นายบอกว่า ถ้าฉันรักษาอาการป่วยเป็น นายก็จะกินใบสั่งยึดนี่ลงไป” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

หลี่เฟยได้ยินเจียงเฉิงพูดดังนั้น ก็พลันโมโหจนหัวเราะ ไม่ว่าใครก็กลั่นแกล้งเขาได้แล้วงั้นเหรอ เกาจินหมิงนั่นกลั่นแกล้งเขาไม่พอ ตอนนี้แม้แต่หมอกระจอกๆก็ยังจะมาเหยียบหัวเขา

“แกคิดว่าแกใช้วิธีต่ำทรามนอกรีตแบบนั้นรักษาคนได้ก็มีสิทธิ์เหิมเกริมแล้วงั้นเหรอ?” หลี่เฟยเอ่ยกับเจียงเฉิงด้วยสายตาเย็นเยือก

“หมอเจียง ช่างเถอะ เรื่องก็จบไปแล้ว” หลินหยุนเอ๋อรีบพูดเตือนเจียงเฉิงทันที

หลี่เฟยเห็นมีคนพูดเตือนเจียงเฉิงก็พลันยิ่งรู้สึกได้ใจ แม้ตัวเองจะเป็นแค่หัวหน้า ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญญายึดคลินิกเล็กๆแบบนี้

“มันคนละเรื่องกัน เขาไม่แยกแยะถูกผิดก็จะยึดคลินิกอย่างไม่มีเหตุผล นี่คือการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ต้องสั่งสอนเขาซะบ้าง” เจียงเฉิงเอ่ยอย่างจริงจัง

“นี่แกจะเอาแบบนี้สินะ?”

หลี่เฟยเอ่ยระคนยิ้มเย็นว่า “ทีแรกฉันกะจะไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฉันคงต้องตรวจสอบคลินิกนี่ดีๆซะแล้ว”

หลี่เฟยพูดจบก็พาลูกน้องอีกคนเดินตรวจสอบคลินิกทันที ไม่นานก็ตั้งปัญหามากมายขึ้นมาใส่ร้ายคลินิก

“มาตรฐานด้านสุขอนามัยของคลินิกไม่ผ่าน ด้านในยังมียาหมดอายุลังหนึ่ง ถือว่าผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เกือบใช้ยาผิด ทำให้เด็กคนหนึ่งเกือบเสียชีวิต ที่กล่าวมาทั้งหมดคือความผิดที่ทำให้คลินิกต้องถูกยึด!”

หลี่เฟยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“สหาย คุณเข้าใจผิดไปแล้ว เราเพิ่งเปิดคลินิกนี้ได้ไม่นาน ก่อนหน้าก็ผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยแล้ว อีกอย่าง ยาที่หมดอายุลังนั้นเราก็กำลังจะเอาไปทิ้งพอดี” หยางเหมยรีบเอ่ยทันที

“ฉันไม่สน ฉันก็แค่พูดตามสถานการณ์ที่ฉันเห็นเท่านั้น” หลี่เฟยพูดแล้วก็มองไปที่เจียงเฉิงอย่างได้ใจทันที

บังอาจมาสู้กับฉัน ดูสิว่าฉันจะขย้ำแกยังไง

“พ่อหนุ่ม รีบขอโทษเขาเถอะ ฉันใช้เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวถึงจะเปิดคลินิกนี้ได้ ถ้าถูกยึดจริงๆแล้วฉันจะใช้ชีวิตยังไง” หยางเหมยรีบเอ่ยกับเจียงเฉิงอย่างร้อนรนใจ

“หมอเจียง อย่ามุทะลุเลยนะ นายสู้เขาไม่ได้หรอก” หลินหยุนเอ๋อเองก็เอ่ยกับเจียงเฉิงเสียงเบา

ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อเจอปัญหาให้หาคนรับผิดชอบโดยตรงดีกว่าหาหัวหน้า หลี่เฟยก็คือผู้รับผิดชอบตรวจสอบด้านสุขอนามัย หากเขาบอกว่าไม่ผ่าน ก็จะหาจุดที่ไม่ผ่านออกมาได้เสมอ

เจียงเฉิงได้ยินแม่ลูกหยางเหมยพูดดังนั้นเองก็พยักหน้า ก่อนจะเดินไปหาหลี่เฟย

“เหอะๆ ตอนนี้อยากมาขอโทษแล้วงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!” หลี่เฟยเอ่ยอย่างได้ใจ

“ใครบอกว่าฉันจะขอโทษนาย? ฉันแค่จะบอกว่า ถ้านายใช้อำนาจโดยมิชอบแบบนี้ ฉันก็ทำได้เพียงต้องเรียกอธิบดีพวกนายมาจัดการนายแล้ว” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเย็น

หลี่เฟยอึ้งชะงัก จากนั้นก็ราวกับว่าได้ยินเรื่องน่าขบขัน พลันอดหัวเราะไม่ได้

“ฮ่า ๆ แกบอกว่าจะเรียกอธิบดีพวกฉันมางั้นเหรอ? หมอกระจอกอย่างแกจะรู้จักกับอธิบดีพวกฉันได้ยังไง?” หลี่เฟยพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

“นายไม่เชื่องั้นเหรอ?”

“ฉันเชื่อๆ!”

หลี่เฟยเอ่ยกับเจียงเฉิงว่า “นายเรียกอธิบดีพวกฉันมาเถอะ ฉันจะได้ตำหนิเขาสักหน่อย ว่าทำไมถึงไปรู้จักกับพวกสวะได้”

เจียงเฉิงแค่นยิ้มเสียงเย็น แล้วเอามือถือออกมาทันที ก่อนจะกดโทรหาคุณต่ง

เมื่อเห็นเจียงเฉิงเอามือถือออกมากดโทรออกจริงๆ หลี่เฟยก็มองเจียงเฉิงด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาไม่เชื่อว่าหรอกว่าหมอกระจอกในคลินิกแบบนี้อย่างเจียงเฉิงจะรู้จักกับคุณต่งจริงๆ

เพราะคุณต่งตำแหน่งสูงใหญ่ขนาดนั้น เขายังแทบไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ

“สิบนาที” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

“ได้ ฉันรอแกสิบนาที มาข่มขู่ฉัน แกยังอ่อนหัดนัก” หลี่เฟยเองก็ไม่ยอม

หลินหยุนเอ๋อเองก็เริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเจียงเฉิงรู้จักกับอธิบดีอะไรนั่นจริงหรือเปล่า ถ้าสมมติว่าไม่รู้จักแล้วแค่ข่มขู่อีกฝ่าย งั้นก็ชวยแน่ ๆ

สิบนาทีผ่านไป รถอาวดี้สีดำคันหนึ่งก็ขับมาจอดหน้าคลินิก

“พี่เฟย นั่นเหมือนจะเป็นรถของคุณต่งจริงๆด้วย!” ลูกน้องของหลี่เฟยมองผ่านหน้าต่าง พลันเห็นรถอาวดี้คันหนึ่งจอดอยู่หน้าทางเข้า

“อะไรนะ?” หลี่เฟยรีบมองไปที่หน้าต่างอย่างตกตะลึงทันที

คุณต่งลงจากรถ แล้วเข้ามาในคลินิก

หลี่เฟยเริ่มตระหนกทันที ถ้าถูกคุณต่งจับได้ว่าเขาใช้อำนาจโดยมิชอบจริงๆ งั้นก็ต้องถูกไล่ออกแน่ ๆ

หลี่เฟยพลันรีบขยำใบสั่งยึดแล้วยัดเข้าไปในปากตัวเอง ก่อนจะฝืนกลืนลงไป

“คุณ......คุณต่ง?”

หลี่เฟยเห็นต่งเหล่ยแล้วก็รีบยิ้มทักทายทันที

ต่งเหล่ยพยักหน้า แล้วหันไปมองเจียงเฉิง เอ่ยว่า “คุณเจียง คุณบอกว่าที่นี่มีคนใช้อำนาจโดยมิชอบงั้นเหรอ?”

“ใช่ สภาพแวดล้อมและบุคลากรแพทย์ของคลินิกนี้ดีมากๆ แต่เขากลับจะยึดที่นี่ให้ได้” เจียงเฉิงมองไปที่หลี่เฟย

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ต่งเหล่ยกวาดตามองรอบๆ สภาพแวดล้อมดีมากจริงๆด้วย มาตรฐานสูงกว่าคลินิกทั่วไปมากๆ

“คุณ......คุณต่ง ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกครับ ผมก็แค่มาตรวจสอบตามปกติ” หลี่เฟยกลืนใบสั่งยึดลงไปอย่างยากเย็น อีกนิดก็เกือบสำลักตายแล้ว

“งั้นเหรอ? เมื่อกี้นายไม่ได้พูดแบบนี้นี่ อีกอย่าง ฉันจำได้ว่านายพูดว่า ถ้าคุณต่งมาที่นี่ นายก็จะ......”

“อย่า......อย่าพูดนะ” หลี่เฟยตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง พลันรีบยอมรับผิดกับเจียงเฉิงทันที

ถ้าต่งเหล่ยรู้ว่าเขาพูดอะไรแล้วล่ะก็ งั้นจากนี้ไปเขาก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในหลูหยางแล้ว

เจียงเฉิงเองก็ไม่ใช่คนที่ยอมคนง่าย ที่เขาต้องแข็งกร้าวแบบนี้ ก็เพื่อจะให้คนที่ใช้อำนาจโดยมิชอบอย่างหลี่เฟยถูกสั่งสอนซะบ้าง ว่าอย่าใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น

“เขาบอกว่าถ้าฉันมาที่นี่แล้วเขาจะยังไง?” ต่งเหล่ยเอ่ยถาม

“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากให้คุณรีเช็คว่าตกลงผ่านหรือไม่ผ่าน” เจียงเฉิงเปลี่ยนคำพูด

ได้ยินเจียงเฉิงไม่เอาผิดเขา หลี่เฟยก็พลันเผยสีหน้าซาบซึ้งทันที

“อ้อ แบบนี้นี่เอง” ต่งเหล่ยรู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนี้ เพียงแต่คนระดับอย่างเขาเองก็ไม่อยากคาดคั้นลูกน้องมากนัก

หลังจากคุยกันแบบนี้ไปสักพัก ต่งเหล่ยก็ไปจากที่นี่ ส่วนหลี่เฟยเองก็หนีหางจุกตูดไปแล้ว เจียงเฉิงเชื่อว่าหลังจากครั้งนี้ เขาก็น่าจะไม่กล้าใช้อำนาจไปข่มเหงใครอีก

“คุณน้า เรื่องนี้ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดคุณน้า อาการป่วยมันซับซ้อนมากจริงๆ” เจียงเฉิงเอ่ยกับหยางเหมย

“ฉันรู้ แต่ก็ขอบคุณนายมากนะ นายชื่ออะไร?” หยางเหมยมองเจียงเฉิงอย่างรู้สึกถูกใจ พ่อหนุ่มคนนี้มีคอนเนคชั่นไม่พอ แถมยังเป็นหมอที่เก่งมากอีกต่างหาก หน้าตาก็หล่อเหลาดูดี เธอยิ่งดูยิ่งรู้สึกชอบจริงๆ

“ผมชื่อเจียงเฉิง คุณน้าไม่ต้องขอบคุณผมหรอก เรื่องของหยุนเอ๋อก็เป็นสิ่งที่ผมควรทำ” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ย

“เจียงเฉิง เป็นชื่อที่ดี นายกับหยุนเอ๋อลูกสาวฉัน......”

“แม่ อย่าพูดอะไรมั่วซั่วนะ!” หลินหยุนเอ๋อรีบพูดขัดหยางเหมยด้วยใบหน้าแดงก่ำ

หยางเหมยเข้าใจในทันที ลูกสาวตัวเองชอบผู้ชายคนนี้สินะ เขามองเจียงเฉิงแล้วพยักหน้าเอ่ยอย่างชื่นชมว่า “ดี ดีจริงๆ!”

“คุณน้า ถ้าไม่มีเรื่องอะไรผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เจียงเฉิงพูดแล้วก็ออกไปจากคลินิก แล้วขับรถกลับมาที่โรงพยาบาล

เมื่อเจียงเฉิงมาถึงหน้าห้องทำงานของตัวเอง ก็เห็นผู้หญิงแปลกหน้าที่แต่งตัวเซ็กซี่ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง