“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าหาใครครับ?”
เจียงเฉิงเดินไปทักทายหญิงสาว
หญิงสาวจึงจะหันตัวมา เมื่อเจียงเฉิงเห็นเธอก็ตาเป็นประกายทันที
ผู้หญิงคนนี้ตัวสูงผึ่งผาย เธอสวมเดรสทรงสูท ขาวเรียวยาวถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีดำ ขับเน้นรูปร่างของเธอให้ดูเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ใบหน้าของเธอเองก็งดงามมากๆ ทว่าที่สิ่งที่ดึงดูดสายตายิ่งกว่าคือขาเรียวยาวคู่นั้นที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีดำ
“ฉันมาหาคุณหมอเจียงเฉิง” เสียงของหญิงสาวหยดย้อยเสนาะหู
“ผมเองครับ”
“คุณเองเหรอ?”
หญิงสาวเผยรอยยิ้มทันที แล้วยื่นมือเอ่ยว่า “ฉันชื่อเซียวเย่หรัน เป็นผู้อำนวยการจิวองชี่สาขาประเทศจีน”
แบรนด์จิวองชี่
จู่ ๆเจียงเฉิงก็นึกถึงคุณเคนที่เขาเคยรักษาอาการป่วยให้เมื่อก่อนหน้านี้ เพราะไม่ชินกับสภาพแวดล้อมเลยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี ตอนนั้นเจียงเฉิงยังเคยมีเรื่องขัดแย้งกับหยวนห้าวที่ร่วมมือกับจิวองชี่ด้วย
“สวัสดีครับ” เจียงเฉิงยื่นมือไปเช็กแฮนด์กับเซียวเย่หรัน มือของผู้หหญิงคนนี้นุ่มมาก ทว่าเจียงเฉิงจับเพียงครู่เดียวก็ปล่อย แล้วยิ้มเอ่ยว่า “เข้ามาคุยเถอะครับ”
เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน เจียงเฉิงก็เทน้ำให้เซียวเย่หรันแก้วหนึ่ง เอ่ยว่า “ครั้งนี้ที่คุณเซียวมา คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณเคนหรอกนะครับ?”
“ขอบคุณค่ะ”
เซียวเย่หรันรับแก้วน้ำมาจากเจียงเฉิง ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่หรอกค่ะ เพียงแต่ครั้งก่อนคุณเคนมีประชุมด่วน ยังไม่ทันได้แสดงความขอบคุณ ฉันเองก็ออกมาทำงานพอดี ก็เลยมาขอบคุณคุณที่นี่”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก รักษาคนไข้เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว” เจียงเฉิงนั่งลงข้างเซียวเย่หรันแล้วพูด
“ไม่หรอกค่ะ คุณเคนบอกว่าถ้าไม่ใช่คุณ เขาก็อาจจะพลาดดีลครั้งสำคัญไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยบอกให้ฉันต้องขอบคุณคุณให้ได้” เซียวเย่หรันพูดแล้วก็เอากล่องขอบทองเล็กๆที่ดูประณีตออกมากล่องหนึ่ง
“หวังว่าคุณหมอเจียงจะไม่รังเกียจ”
เซียวเย่หรันวางกล่องลงบนโต๊ะทำงานของเจียงเฉิง
เจียงเฉิงเปิดกล่องดูตามมารยาท พลันแสบตาจนตาแทบบอด เพราะนี่คือแหวนเพชรทองคำขาวสามกะรัต ไม่ว่าจะดูจากดีไซน์ของเพชร การเจียระไน หรือความบริสุทธิ์ นี่ก็ถือเป็นแหวนเพชรระดับท๊อปของโลก
เดิมทีเจียงเฉิงอยากจะดูตามมารยาท แล้วค่อยหาเหตุผลปฏิเสธ
ทว่าเมื่อเจียงเฉิงเห็นว่าเป็นแหวนเพชร เขาก็อยากเก็บไว้ทันที เพราะตอนนี้มือของสวี่ฉิงยังขาดแหวนเพชรที่เหมาะสมวงหนึ่ง บางทีแหวนวงนี่ก็อาจจะเหมาะสมพอดี
“นี่มีค่าเกินไปแล้วล่ะครับ” เจียงเฉิงปิดกล่องแล้วพูด
“คุณหมอเจียงไม่รังเกียจก็พอแล้วล่ะค่ะ” เซียวเย่หรันยิ้มเอ่ย
“งั้นหากผมปฏิเสธก็คงไม่ดี” เจียงเฉิงเองก็ยิ้มตอบ
“ในเมื่อคุณรับของขวัญไว้แล้ว หน้าที่ของฉันเองก็ถือว่าเสร็จสิ้น ฉันยังมีธุระ ก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ” เซียวเย่หรันพูดแล้วก็จะลุกขึ้นยืน
ในขณะที่เซียวเย่หรันลุกขึ้นยืน เธอก็เผลอชนแก้วน้ำที่วางไว้บนโต๊ะจนหก น้ำร้อนพลันสาดโดนขาของเซียวเย่หรันทันที
“อะ—“
เซียวเย่หรันถูกน้ำร้อนลวกจนอุทานเสียงเจ็บปวด
“คุณทนไว้ครู่หนึ่ง!”
เจียงเฉิงเห็นดังนั้นก็รีบฉีกถุงน่องของเซียวเย่หรันทันที หากถุงน่องเปียกน้ำร้อน แล้วปล่อยให้ถุงน่องแนบผิว ก็จะทำให้เกิดแผลน้ำร้อนลวกซ้ำสอง ดังนั้นจึงต้องฉีกถุงน่องออกทันที
เซียวเย่หรันเองก็เข้าใจ พลันเอนกายไปด้านหลัง ปล่อยให้เจียงเฉิงฉีกถุงน่องบนขาเรียวสวยของตัวเอง
“ลูกพี่ ผมสืบได้ว่าติงหวู่ตี๋......”
พี่หัวโล้นเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นเจียงเฉิงกำลังฉีกถุงน่องของคนไข้ผู้หญิงที่อยู่บนโซฟาพอดี เขาตกใจจนกลืนคำพูดกลับไปทันที
“ลูกพี่ ต่อเลย ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!” พี่หัวโล้นปิดตาไปพลาง ถอยออกจากห้องทำงานไปพลาง
เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงาน พี่หัวโล้นก็อดชื่นชมไม่ได้ “ลูกพี่ก็คือลูกพี่ ตอนทำงานก็ยังสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้”
พี่หัวโล้นคิดดังนั้นก็นั่งอยู่หน้าห้องทำงานของเจียงเฉิง
“เสร็จแล้ว ยาทาพวกนี้คือยาที่ผมเคยปรุงให้คนไข้คนหนึ่ง ยังเหลืออยู่นิดหน่อย รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ดีมากๆ” เจียงเฉิงเอายาทาออกมาหนึ่งหลอด แล้วยื่นให้เซียวเย่หรัน
“เมื่อกี้คุณทาไปนิดหน่อย ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” เซียวเย่หรันหุบขาอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ณ ตอนนี้ ขาสวยที่เดิมถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีดำถูกเปิดเผยออกมา มีเพียงขาเรียวยาวที่เรียบเนียนขาวผ่อง
ถุงน่องก่อนหน้านี้ถูกฉีกจนขาดแล้ว ไม่สามารถสวมใส่ได้อีก เธอจึงถอดถุงน่องออกมาทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถอดถุงน่องต่อหน้าผู้ชายแปลกหน้า ดังนั้นจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“เมื่อกี้ขอโทษจริงๆ ผมเองก็เพื่อไม่ให้คุณบาดเจ็บหนักกว่าเดิม ก็เลยต้องฉีกถุงน่องของคุณ” เจียงเฉิงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” เซียวเย่หรันพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ เบอร์ติดต่อฉันให้คุณไว้แล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้”
เซียวเย่หรันพูดแล้วก็รีบถือกระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานของเจียงเฉิง
“ลูกพี่เด็ดเกินไปแล้ว ขนาดถุงน่องของสาวสวยคนนี้ยังไม่เหลือ” พี่หัวโล้นมองเซียวเย่หรันอย่างอิจฉาเล็กน้อย
“เข้ามาเถอะ!”
พี่หัวโล้นได้ยินเสียงเรียกของเจียงเฉิงก็จึงจะรีบเข้าไปในห้องทำงาน แล้วยิ้มเอ่ยว่า “ลูกพี่ทำธุระเสร็จแล้วเหรอ?”
เจียงเฉิงไออย่างรู้สึกอับอายเล็กน้อย เอ่ยว่า “เมื่อกี้ฉันกำลังดูอาการให้คนไข้”
“รู้ครับๆ ปัญหาทางกายน่ะ หาผู้หญิงมาระบายก็เป็นเรื่องปกติ” พี่หัวโล้นเอ่ย
“พูดเรื่องสำคัญ!”
เจียงเฉิงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับหวังเฉียง
“อ้อ คือแบบนี้ครับ ลูกน้องผมสืบมาได้ว่าช่วงนี้ติงหวู่ตี๋เหมือนจะเจียมตัวลงไปมาก ไม่ได้วางแผนทำร้ายลูกพี่ต่ออีก”
“งั้นเหรอ?”
“ไม่ผิดแน่ ๆ มีครั้งหนึ่งตอนที่ลูกน้องผมเดินผ่านห้องทำงานของติงหวู่ตี๋ ก็ได้ยินว่าเขาไม่รับแม้แต่สายของจี้เจ๋อแล้ว” พี่หัวโล้นเอ่ยอย่างจริงจัง
เจียงเฉิงพยักหน้าเบาๆ เอ่ยว่า “โอเค ฉันรู้แล้ว”
“ครับ ลูกพี่ งั้นผมไปก่อนนะ” พี่หัวโล้นเอ่ย
“รอเดี๋ยว ครั้งหน้าก่อนเข้ามาก็เคาะประตูด้วย” เจียงเฉิงเอ่ย
“เข้าใจครับๆ ห้ามขัดลูกพี่ทำธุระอีก” พี่หัวโล้นพูดจบก็ปิดประตูห้องทำงานของเจียงเฉิงทันที
เจียงเฉิงรู้สึกจนใจ คราวนี้ถูกเข้าใจผิดไปเต็มๆแล้ว
ทว่าเจียงเฉิงเองก็ดูออก ว่าพี่หัวโล้นก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน
เจียงเฉิงเอากล่องแหวนเพชรที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา กะจะส่งไปที่ห้องทำงานของสวี่ฉิง ปรากฏว่าเมื่อมาถึงห้องทำงานของสวี่ฉิง เจียงเฉิงก็จึงจะรู้ว่าเธอไม่อยู่
“สวี่ฉิง? เธอไปไหนแล้วงั้นเหรอ?” เจียงเฉิงรีบโทรหาสวี่ฉิงทันที
“เพื่อนฉันกลับมาจากเมืองนอกมาหาฉัน เธอชวนฉันไปชอปปิงด้วยกัน ฉันก็เลยออกไป มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่มีของขวัญอยากให้เธอน่ะ” เจียงเฉิงมองกล่องขอบทองในมือ
“โอเค เดี๋ยวฉันส่งพิกัดให้นาย นายมาเถอะ เพื่อนฉันเองก็อยากเจอนายพอดี” สวี่ฉิงเอ่ยผ่านโทรศัพท์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง