เพราะการกระทำของเจียงเฉิงนั้นว่องไวมากๆ ดังนั้นเสี่ยวหลิงจึงไม่สังเกตเห็น ยังคงสาบานอย่างจริงจัง
“สวี่ฉิง ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อเธอจริงๆ ตอนนี้เธอเชื่อฉันแล้วใช่ไหม” เสี่ยวหลิงดึงแขนของสวี่ฉิงและเอ่ยด้วยสีหน้าร้อนรน
สวี่ฉิงได้ยินเสี่ยวหลิงสาปแช่งตัวเองแบบนี้ ในใจเองก็รู้สึกแย่มากๆ ทว่าเมื่อเธอเห็นท่าทางและน้ำเสียงที่จริงใจของเสี่ยวหลิง ก็ไม่ต้องการจะต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก
“ไปประชุมกันก่อนเถอะ กลับไปค่อยว่ากัน” สวี่ฉิงถอนหายใจ แล้วเอ่ยกับเสี่ยวหลิง
“โอเค เธอต้องเชื่อฉันนะ” เสี่ยวหลิงมองสวี่ฉิงแล้วพูด
เจียงเฉิงเห็นท่าทางแบบนี้ของเสี่ยวหลิงแล้วก็ไม่มากความอะไรอีก เพียงแค่แอบเก็บกระดาษที่มีเส้นผมของเสี่ยวหลิงห่อเอาไว้เงียบๆ
สวี่ฉิงกับเสี่ยวหลิงประชุมที่โรงพยาบาล หลังจากประชุมเสร็จ เสี่ยวหลิงก็ดึงแขนของสวี่ฉิงอย่างสนิทสนม เอ่ยว่า “สวี่ฉิง เมื่อกี้เธอพูดดีจังเลย ฉันต้องเรียนรู้กับเธอให้มากแล้ว”
“เธอเองก็พูดดีเหมือนกัน เอาเป็นว่าภารกิจในครั้งนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นลงแล้วสักที” สวี่ฉิงเองก็พูดส่งเดช
“แค่ก ๆ!”
เสี่ยวหลิงกำลังจะพูดอะไรต่อ ทว่าจู่ ๆก็พลันไออย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน สิ้นของเธอเองก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง และยังมีจุดสีแดงเล็กๆขึ้นบนใบหน้า
“ฉัน......ฉันรู้สึกเจ็บปากมากๆ” เสี่ยวหลิงเอ่ยอย่างเจ็บปวดแล้วเอากระจกออกมา
เมื่อเธออ้าปากส่องกระจก เธอก็พลันสะดุ้งตกใจ กระจกในมือร่วงหล่นลงพื้นจนแตก
เพราะในช่องปากของเสี่ยวหลิงมีตุ่มหนองขึ้นมากมาย จุดสีแดงบนใบหน้าก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เริ่มเป็นแผลเปื่อย
“นี่......นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”เสี่ยวหลิงตระหนกจนเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น
สวี่ฉิงเองก็สะดุ้งตกใจ เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอย่างน่าสยองขวัญเกินไปแล้ว ราวกับเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเดียว
จู่ ๆเสี่ยวหลิงเองก็นึกถึงคำสาปแช่งที่ตัวเองพูดก่อนหน้านี้ ว่าหากเธอโกหกสวี่ฉิง ปากเธอก็เกิดตุ่มหนอง ใบหน้าก็จะเป็นแผลเปื่อย ตอนนี้ก็เป็นจริงแล้วไม่ใช่หรือไง?
“สวี่ฉิง ฉันขอโทษ ฉันโกหกเธอจริงๆ ฉัน......ฉันเอาเงินของหั่วกัง เขายังพูดอีกด้วยว่าสามารถให้ฉันมาทำงานที่เมืองหลวงได้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยวางยาในเครื่องดื่มของเธอ ฉันขอโทษ” เพราะในช่องปากมีตุ่มหนอง ดังนั้นเสี่ยวหลิงจึงพูดจาได้ไม่ชัด
“ฉันรู้ เพียงแต่ฉันไม่อยากเปิดโปงเธอก็เท่านั้น ฉันรู้ว่าพื้นเพเธอไม่ได้เป็นคนร้าย” สวี่ฉิงถอนหายใจ แล้วพยุงเสี่ยวหลิงลุกขึ้นมาจากพื้น
“งั้นตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี?” เสี่ยวหลิงรู้สึกเสียใจภายหลังจริงๆ ทั้งที่สวี่ฉิงเชื่อใจเธอขนาดนั้น แต่เธอกลับยังทำร้ายสวี่ฉิง และยังโกหก ตอนนี้คำสาปแช่งเป็นจริงแล้ว
“ไปหาสามีฉันก่อนเถอะ เขาอาจจะมีวิธีช่วย” สวี่ฉิงพูดแล้วก็พาเสี่ยวหลิงมาหาเจียงเฉิง
“เสี่ยวหลิง เมื่อกี้เธอมั่นใจมากเลยไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่ได้โกหก?” เจียงเฉิงเห็นสภาพของเสี่ยวหลิงแล้วรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“หมอเทวดาเจียง ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรทำร้ายสวี่ฉิง ยิ่งไม่ควรโกหก ถ้าฉันยอมรับผิดตั้งแต่แรก ก็จะไม่เป็นแบบนี้แล้ว” เสี่ยวหลิงมองเจียงเฉิงและเอ่ยอย่างเสียใจภายหลัง
เจียงเฉิงเห็นท่าทางของเสี่ยวหลิงเองก็รู้สึกว่าเธอน่าสงสารมากๆ จึงเอากระดาษที่มีเส้นผมของเสี่ยวหลิงห่อเอาไว้ออกมา เอ่ยว่า “อันนี้ เธอไปหาที่สักที่เผาทิ้งก็จะหายดีเอง”
“นี่คืออะไร?” เสี่ยวหลิงเอ่ยอย่างสงสัยเล็กน้อย อาการเธอร้ายแรงขนาดนี้ เผากระดาษทิ้งใบเดียวก็หายดีแล้วงั้นเหรอ?
“เธอไม่เชื่อฉัน?” เจียงเฉิงถาม
“สามี วันนี้นายช่วยฉันไว้อีกแล้ว” สวี่ฉิงมองเจียงเฉิงแล้วเอ่ย
“สามีช่วยภรรยา ไม่ใช่สิ่งที่สมควรอยู่แล้วเหรอ?” เจียงเฉิงยิ้มเอ่ย
“อันนี้ก็ใช่ แต่ตอนนี้ฉันก็ยิ่งอยู่ยิ่งสงสัยในตัวนายแล้ว” สวี่ฉิงไขว้มือไว้ด้านหลัง แล้วมองเจียงเฉิงด้วยแววตาใคร่รู้
เจียงเฉิงใจกระตุกวูบ ถามว่า “ทำไมงั้นเหรอ?”
“เพราะความรู้สึกที่นายให้ฉันมันยิ่งอยู่ยิ่งลึกลับแล้วจริงๆ ตอนนี้ฉันกำลังรอว่านายจะบอกความลับกับฉันเมื่อไหร่” สวี่ฉิงพูดแล้วเผยแววตาคาดหวัง
เธอเองก็ไม่โง่ ย่อมต้องรู้สึกได้ว่าเจียงเฉิงเปลี่ยนไปมากจริงๆ แม้จะบอกว่าคนเราเมื่อเคยฆ่าตัวตายหนึ่งครั้งแล้วรอดจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่นี่ก็เปลี่ยนแปลงมากเกินไปแล้ว
ไม่เพียงแค่สามารถช่วยเธอออกมาจากเงื้อมมือของยอดฝีมือ แต่ยังมีควาสามารถทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แม้กระทั่งครั้งก่อนที่เธอตกอยู่ในสภาพแบบนั้น เขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ ไม่ได้ฉวยโอกาสมีอะไรกับเธอ ศีลธรรมอันดีงามแบบนี้เองก็หาได้ยาก
สรุปก็คือแม้สวี่ฉิงจะสงสัยใคร่รู้ ทว่าเธอเองก็ไม่รีบถาม รอให้เจียงเฉิงเป็นฝ่ายบอกเธอเอง
“ภรรยา ที่จริงแล้วฉัน......”
เจียงเฉิงเพิ่งจะปริปาก จู่ ๆก็เห็นผู้ชายอ้วนท้วมคนหนึ่งท่าทางโมโหกำลังพาคนฝูงหนึ่งเดินมาทางนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาด้วยเจตนาดี
ประเด็นคือข้างกายของชายอ้วนคนนี้ยังมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น ซึ่งก็คือหั่วกังนั่นเอง สภาพของเขาในตอนนี้ดูโทรมจนถึงขีดสุดและอ่อนแอมากๆ
“ลูกชาย ไอ้คนที่มันทรมานลูกก็คือไอ้หมอนี่ใช่ไหม?” หั่วเทียนทาวชี้หน้าเจียงเฉิงแล้วถามเสียงเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง