“พ่อ แม่ ยังไม่นอนกันหรือครับ” เจียงเฉิงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของพ่อแม่ดูผิดปกติเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงรีบทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เจียงเฉิง ช่วงนี้ลูกกับสวี่ฉิงเป็นอย่างไรบ้าง” สวี่จื้อจุนถามพลางขมวดคิ้วมองเจียงเฉิง
“เราสองคนก็ดีนี่ครับพ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เจียงเฉิงถามพลางเดินเข้าไปนั่งข้างๆ สวี่ฉิง สวี่ฉิงเองก็ทำหน้าไม่ถูกและไม่พูดอะไรเลย
“ก็ดี?”
สวี่จื้อจุนถอนหายใจและกล่าวว่า “ลูกสองคนก็อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ทำไมท้องของสวี่ฉิงถึงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด”
เจียงเฉิงคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเสียอีก พอรู้ว่าที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องที่อยากได้หลาน เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายังไม่เคยมีอะไรกับสวี่ฉิง ถ้าท้องของสวี่ฉิงมีความเคลื่อนไหวอะไรตอนนี้ก็คงจบเห่แล้ว
“พ่อแม่อย่าห่วงไปเลยครับ บางทีตอนนี้อาจยังไม่ถึงเวลาก็ได้” เจียงเฉิงเอ่ยพลางหัวเราะแหะๆ
“ไม่ต้องมาหัวเราะ!”
สวี่จื้อจุนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม แอบคิดในใจว่าคนแก่อย่างฉันช่วยพวกเธอมามากแล้ว ยังทำลูกไม่ได้แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
เจียงเฉิงไม่มีทางเลือกและจำต้องกลั้นรอยยิ้มเอาไว้
“เจียงเฉิง อย่าหาว่าแม่เร่งเลยนะ ข้างบ้านเราได้แฝดชายหญิงมาคู่หนึ่งแล้ว ลูกเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นอีก” เย่จู้ผิงมองเจียงเฉิงและเอ่ยอย่างจริงจัง
“ครับ งั้นเรามาพยายามกันเถอะ” เจียงเฉิงว่าพลางจับมือของสวี่ฉิง
“จะปล่อยให้เจียงเฉิงพยายามคนเดียวไม่ได้ ฉิงเอ๋อร์ ลูกก็ต้องพยายามด้วย รู้ไหม” สวี่จื้อจุนมองสวี่ฉิงและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของสวี่ฉิงก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที เรื่องแบบนี้จะให้เธอพยายามได้อย่างไร คราวก่อนตอนอยู่ในอันตรายแล้วเธออยู่ในสภาพนั้น เจียงเฉิงยังอดกลั้นไว้ได้ แล้วยังจะให้เธอทำอะไรอีก
“เข้าใจแล้วค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เราสองคนกลับห้องไปนอนก่อนนะคะ” สวี่ฉิงว่าแล้วจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องของตัวเอง
“ลูกทั้งคู่ต้องพยายามกันเข้านะ” สวี่จื้อจุนยังคงเร่งรัดต่อไป
หลังจากเจียงเฉิงกับสวี่ฉิงเข้าไปในห้อง สวี่ฉิงก็แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มทันที
“ภรรยา คุณพ่อบอกให้เราสองคนพยายามกันนะ” เจียงเฉิงตามขึ้นไปบนเตียงและคิดจะกอดสวี่ฉิง
“ไม่ได้ คราวก่อนฉันเป็นแบบนั้น คุณก็ยังไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง ตอนนี้อยากจะทำเหรอ สายไปแล้ว” สวี่ฉิงว่าพลางหันหลังให้และหลับลงไป
ได้ยินไป๋เว่ยกั๋วบอกดังนั้น เจียงเฉิงจึงยิ้มให้เขาทันที จากนั้นจึงบอกว่า “ประธานไป๋ ผมทำได้แค่รักษาโรค คุยเรื่องธุรกิจไม่เป็นหรอกครับ”
“โอ๊ะ หมอเทวดาเจียงเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้คิดจะให้คุณช่วยเจรจาธุรกิจหรอกครับ พอดีน้องสาวของแขกที่มาหาป่วยเป็นโรคประหลาด หาหมอดีๆ มาหลายคนแล้วก็ยังรักษาไม่หาย ผมก็เลยอยากให้คุณช่วยผมไปดูอาการให้น่ะ” ไป๋เว่ยกั๋วอธิบาย
นั่นเองเจียงเฉิงจึงเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋เว่ยกั๋ว ที่แท้ไป๋เว่ยกั๋วก็คิดจะให้เขาไปตรวจอาการน้องสาวของนักลงทุนผู้นั้น การทำแบบนี้นอกจากจะช่วยให้ไป๋เว่ยกั๋วได้ใจอีกฝ่าย ยังช่วยให้การเจรจาธุรกิจของเขาเป็นไปด้วยดีอีกด้วย
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นก็ไม่มีปัญหาครับ” เจียงเฉิงตอบตกลงทันที ถึงอย่างไรก็เป็นแค่การไปตรวจรักษาคนป่วย ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปพูดคุยเรื่องธุรกิจอะไร
“ภรรยาครับ ถ้าอย่างนั้นวันนี้คุณคงต้องไปทำงานคนเดียวแล้วล่ะ” เจียงเฉิงมองสวี่ฉิงและเอ่ยกับเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปทำธุระเถอะ” สวี่ฉิงตอบรับ จากนั้นจึงออกจากบ้านไปทำงาน
“เชิญครับ หมอเทวดาเจียง” ไป๋เว่ยกั๋วกล่าวพลางเชิญเจียงเฉิงขึ้นรถ แล้วรถก็ขับตรงไปที่โรงแรมแชงกรี-ลาทันที
“หมอเทวดาเจียง ลูกค้าที่ต้องต้อนรับวันนี้เป็นคนไม่ธรรมดา เป็นลูกชายคนโตของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในเมืองหลวงของมณฑล มีตำแหน่งที่ดีเยี่ยมในวงการอสังหาริมทรัพย์ของเมืองหลวงมณฑล ที่มาลงทุนที่นี่ ผมก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าจะเผด็จศึกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะผมก็มีคู่แข่งเหมือนกัน ถ้าวันนี้รักษาอาการป่วยให้น้องสาวของเขาได้ โอกาสที่ผมจะชนะก็ย่อมมีเพิ่มขึ้นไปด้วย” ไป๋เว่ยกั๋วเอ่ยกับเจียงเฉิงด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ผมเข้าใจครับ ประธานไป๋ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ผมรักษาได้ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” เจียงเฉิงกล่าวยิ้มๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง