“เอาละ หมอเทวดาเจียงพูดแบบนี้ผมก็ค่อยสบายใจ” ไป๋เว่ยกั๋วถอนหายใจทันทีด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาจึงพูดคุยกับเจียงเฉิงต่ออย่างสบายๆ
“ไม่ต้องเรียกผมว่าหมอเทวดาหรอกครับ เรียกผมว่าน้องเจียงก็พอแล้ว จะได้ดูสนิทสนมกันหน่อย” เจียงเฉิงเองก็ไม่ใช่คนถือดีจนหยิ่งยโส ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะรู้สึกห่างเหินจากคนอื่นมากเกินไป
“ได้สิ อย่างนั้นผมจะเรียกคุณว่าน้องเจียงก็แล้วกัน” เห็นได้ชัดว่าไป๋เว่ยกั๋วเองก็พอใจมากที่ได้ยินเจียงเฉิงพูดแบบนั้น
หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก คนขับรถของไป๋เว่ยกั๋วก็ขับรถมาถึงประตูโรงแรมแชงกรี-ลา
เจียงเฉิงกับไป๋เว่ยกั๋วลงจากรถและเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม เวลานี้ในโซนพักผ่อนของแขกวีไอพีมีคนสองสามคนนั่งอยู่ รอบๆ กันนั้นยังมีบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำคอยคุมกันอยู่จำนวนมาก
“ตรงนั้นไง” ไป๋เว่ยกั๋วว่าแล้วจึงพาเจียงเฉิงเดินเข้าไป
เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้ บอดี้การ์ดชุดดำจึงเข้ามาตรวจค้นร่างกายของเจียงเฉิงกับไป๋เว่ยกั๋วทันที เมื่อยืนยันแล้วว่าทั้งสองคนไม่มีสิ่งของที่เป็นอันตรายจึงยอมปล่อยให้พวกเขาเดินเข้าไป
หลังจากไป๋เว่ยกั๋วเข้าไปแล้ว เขาจึงเห็นว่ามีคนสองคนมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างท้วม หวีผมมันวาวเสยไปทางด้านหลัง ที่ข้างๆ กันยังมีชายชราร่างผอมบางอีกคนหนึ่ง เขาสวมชุดสูทคอตั้งแบบจีน สวมแว่นกันแดดและไว้เคราแพะ
เมื่อเห็นชายร่างท้วมผู้นั้น ความประหลาดใจจึงฉายวาบขึ้นมาในแววตาของไป๋เว่ยกั๋ว ชายร่างท้วมผู้นั้นก็สังเกตเห็นไป๋เว่ยกั๋วเช่นกัน และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที เขาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาก่อนจะเบือนสายตามองไปทางอื่น
“ประธานไป๋ คนนั้นคงเป็นคู่แข่งของคุณสินะครับ” เจียงเฉิงลดเสียงลงถามไป๋เว่ยกั๋ว
“ไม่เลวนี่” ไป๋เว่ยกั๋วตอบรับเบาๆ จากนั้นจึงนั่งลง
“คุณชิ ปล่อยให้คุณรอตั้งนาน อีกเดี๋ยวน้องสาวของผมก็ลงมาแล้วครับ”
ทันทีที่เจียงเฉิงกับไป๋เว่ยกั๋วนั่งลง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาคุยกับชายร่างท้วม
“คุณชายลู่” ไป๋เว่ยกั๋วเห็นชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นทักทาย
“ประธานไป๋ คุณก็มาด้วยหรือครับ เชิญนั่งเถอะครับ” ลู่หยุนเฟยรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นไป๋เว่ยกั๋ว
หลังจากนั่งลง ลู่หยุนเฟยจึงหันไปมองชายชราไว้เคราแพะและถามว่า “ท่านปรมาจารย์ ท่านศึกษาแพทย์แผนจีนมานานแค่ไหนแล้วหรือครับ”
“เรื่องเล็กน้อยครับ” ชิต้าลี่เอ่ยพลางมองไปทางไป๋เว่ยกั๋วอย่างลำพองใจ ไป๋เว่ยกั๋วเห็นดังนั้นจึงร้อนใจขึ้นมา
ชิต้าลี่เองก็เป็นยักษ์ใหญ่ในด้านอสังหริมทรัพย์แห่งเมืองหลูหยาง ในแง่ของศักยภาพ เขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าไป๋เว่ยกั๋ว ถ้าคนที่เขาพามารักษาน้องสาวของลู่หยุนเฟยได้จริง อย่างนั้นไป๋เว่ยกั๋วคงไม่มีโอกาสชนะแน่
ขณะที่ไป๋เว่ยกั๋วกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นมาว่า “คุณชายลู่ คุณหนูมาแล้วครับ”
พอสิ้นเสียง ทุกคนจึงเห็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยงามคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอสวมชุดเดรสสีขาว แต่กลับถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อนวมกันหนาวอีกชั้น สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนัก ทำให้ทุกคนนึกถึงนางไซซีที่มีความงามประหนึ่งต้นหลิวอ่อนแอที่ลู่ลม
“ขอแนะนำตัวสักครู่นะครับ นี่คือลู่เสวี่ยถิง น้องสาวของผมเอง” ลู่หยุนเฟยแนะนำ
“ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” ลู่หยุนเฟยหันไปถามน้องสาวของเขาหลังจากแนะนำตัวเสร็จแล้ว
“อืม” ลู่เสวี่ยถิงตอบอย่างแผ่วเบา แต่ถึงกระนั้นเธอกลับไอออกมาอย่างทนไม่ไหว จากนั้นจึงยื่นมือออกมากระชับเสื้อคลุมกันหนาว เห็นได้ชัดว่ายังรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก
ลู่เสวี่ยถิงมองไปรอบๆ เมื่อเธอเห็นเจียงเฉิง ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะ จากนั้นจึงรีบถอนสายตาออกมาอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง