จูหรงยังอยากจะพูดบางอย่างกับสวี่ฉิง แต่สวี่ฉิงเพียงแค่เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังพาเจียงเฉิงออกไป
จูหรงอยากแสดงความสามารถของเขาต่อหน้าสวี่ฉิง ตอนนี้ผลกลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาเสียหน้ายับเยินต่อหน้าสวี่ฉิงแทน
“ดูไม่ออกเลยนะคะว่าคุณก็รู้เยอะขนาดนี้” สวี่ฉิงเอ่ยพลางมองเจียงเฉิงหลังจากเข้าไปในรถ
“รู้แค่เท่าหางอึ่งเท่านั้นละ” เจียงเฉิงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
เป็นอันว่าตอนนี้สวี่ฉิงก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้เจียงเฉิงแกล้งทำตัวเป็นคนโง่มาโดยตลอด แต่ในความเป็นจริงนอกจากเขาจะไม่โง่ เขายังฉลาดมากๆ อีกด้วย
การทำการผ่าตัดยากๆ ขนาดนั้นได้สำเร็จ ทำให้หัวหน้าแผนกเฉินที่เคยรังแกเขามาตลอดมาขอโทษและยอมรับผิดกับเขาถึงที่ ทั้งยังจัดการพวกอันธพาลจำนวนมากให้ถอยหนีไปได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว แม้แต่ตอนนี้ก็ยังวิเคราะห์ส่วนประกอบสมุนไพรในเครื่องสำอางได้อย่างง่ายดายอีก
สวี่ฉิงพบว่านานวัน เจียงเฉิงยิ่งสร้างความประหลาดใจให้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณ ผมขอถามอะไรคุณสักอย่างได้ไหม” เจียงเฉิงถามสวี่ฉิงที่เพิ่งขับรถออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ว่ามาสิ” สวี่ฉิงเอ่ยเรียบๆ
เจียงเฉิงลังเลนิดหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถามไปว่า “ก่อนหน้านี้คุณเคยเจออะไรมากันแน่ ทำไมคุณถึงไม่ชอบผู้ชาย”
เมื่อคืนเจียงเฉิงได้ยินพ่อตาของเขาบอกสวี่ฉิงว่าอย่ายึดติดอยู่กับอดีตและให้ปล่อยวาง นั่นหมายความว่าสวี่ฉิงจะต้องเคยพบเจอกับประสบการณ์อะไรบางอย่างมาก่อนแน่ เพราะแบบนี้เธอจึงไม่ชอบผู้ชาย
เมื่อได้ยินคำถามของเจียงเฉิง ใบหน้าของสวี่ฉิงก็ดูแย่ลงไปถนัดตา ฝ่ามือที่กำพวงมาลัยไว้กระชับขึ้นยิ่งกว่าเดิม ออกแรงหนักจนกระดูกนิ้วปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าสวี่ฉิงกำลังนึกถึงประสบการณ์แย่ๆ ในอดีต แต่เพียงครู่เดียวเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมจิตใจให้สงบลงและเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
เป็นที่แจ่มชัดมากว่าตอนนี้สวี่ฉิงยังคงไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เมื่อเห็นสวี่ฉิงเป็นเช่นนี้ เจียงเฉิงจึงไม่ซักไซ้อะไรต่อ
แต่ถึงอย่างนั้นเจียงเฉิงก็รู้อย่างแจ่มชัดอยู่ในใจ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องดูแลสวี่ฉิงอย่างดีและปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นภรรยาของเขาเอง
ขณะที่เจียงเฉิงกำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“ฉันเอง เสิ่นปิง!”
“คณบดีเสิ่น วันนี้ผมลาหยุด ไม่ได้อยู่โรงพยาบาลครับ” เจียงเฉิงไม่คิดว่าคณบดีจะโทรมาหาเขาด้วยตัวเองและรีบบอกออกไป
“ฉันรู้ว่าคุณลาหยุด แต่คุณจำเป็นต้องกลับมาเดี๋ยวนี้เลย” เสียงอันไพเราะของเสิ่นปิงดังมาตามสาย
“ทำไมเหรอครับ”
ตอนนี้ฟางหลันหลันอาการดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเธอดีขึ้นมาก ใบหน้าที่ละเอียดงดงามราวกับตุ๊กตาเซรามิกยิ่งดูน่ารักขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าใบหน้าของเธอจะไม่ใหญ่นัก แต่หน้าอกของเธอกลับอิ่มเอิบและดึงดูดสายตาของผู้คนได้ดีเป็นอย่างมาก
“อย่าร้อนใจไปเลยครับคุณหนู ผมติดต่อคณบดีไปแล้ว เจียงเฉิงเขาน่าจะใกล้ถึงเร็วๆ นี้แล้วละครับ” หัวหน้าแผนกเฉินเอ่ยกับฟางหลันหลันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนรน
ฟางหลันหลันได้ยินดังนั้นจึงส่งเสียงฮึออกมา เธอบอกว่า “ฉันจะรออีกแค่หนึ่งนาที ถ้าเขายังไม่มา ฉันจะให้พ่อของฉันซื้อโรงพยาบาลนี้ ทำให้พวกคุณตกงานกันให้หมด!”
“ครับๆๆ เขาจะต้องมาเดี๋ยวนี้แน่” หัวหน้าแผนกเฉินกล่าวพลางปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก
ฟางหลันหลันนี่เรียกได้ว่าเป็นแม่คุณทูนหัวของแท้ เขาละอยากให้เจียงเฉิงบินมาถึงเสียเดี๋ยวนี้ จะได้ส่งต่อเรื่องยุ่งๆ นี่ไว้ในมือของเจียงเฉิง ไม่อย่างนั้นเขาคงคุมแม่ทูนหัวคนนี้ให้สงบไม่ได้แน่
หัวหน้าแผนกเฉินมองท่าทางของฟางหลันหลันและคิดในใจว่าถ้ามีเจียงเฉิงรับไม้ต่อ แม่คุณทูนหัวคนนี้จะไม่ทรมานเขาจนตายหรือ
ขณะที่คิดอยู่นั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก เมื่อเห็นเจียงเฉิงเดินเข้ามา หัวหน้าแผนกเฉินก็รีบเอ่ยกับเขาว่า “คุณมาถึงสักทีนะเจียงเฉิง คุณหนูฟางกำลังรอคุณอยู่”
หัวหน้าแผนกเฉินรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเหมือนเป็นปลิดทิ้ง คราวนี้เป็นทีของเจียงเฉิงที่ต้องลำบากบ้างแล้ว และเขาก็รีบออกไปจากห้องผู้ป่วยทันที
“คุณหนูฟางฟื้นแล้วหรือครับ” เจียงเฉิงมองฟางหลันหลันและถามด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ร่างกายเป็นยังไงบ้างครับ”
ฟางหลันหลันมองเจียงเฉิงอย่างพินิจพิเคราะห์พลางใช้สองแขนกอดอกอันอิ่มเอิบเอาไว้ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ร่างกายของฉันเป็นยังไงนายยังไม่รู้อีกเหรอ นายก็เห็นหมดแล้วนี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง