“ทำไม? คลินิกว่านเชิงสู้ฝีมือการรักษาไม่ได้ เลยได้เพียงใช้ความรุนแรงเหรอ? นี่มันทำลายชื่อเสียงกิจการของเปียนว่านเชิงปู่นายเกินไปมั้ง?”
เจียงเฉิงมองเห็นหมอสองคนเดินเข้ามาทางตนเอง ส่ายหน้าพูดอย่างจำใจ
“นายว่าใครสู้ฝีมือการรักษาของนายไม่ได้?”
เปียนหยวนได้ยินคำพูดของเจียงเฉิง จึงเรียกหมอสองคนให้หยุดทันใด เขาเดินเข้ามาข้างหน้าอย่างโกรธเคืองมองเจียงเฉิงอยู่
ที่จริงเขาสามารถขับไล่เจียงเฉิงไปแบบนี้ได้ แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ละก็ งั้นเท่ากับยอมรับว่าฝีมือการรักษาของตนเองเทียบเจียงเฉิงไม่ได้จริงๆ คนไข้มากขนาดนี้มองอยู่ จะทำลายชื่อเสียงกิจการของคลินิกว่านเชิงเข้าจริงนะสิ
“แน่นอนว่าเป็นนายไง” เจียงเฉิงมองเปียนหยวนตอบไป
“ไอ้เวรนี่ อย่าคิดว่านายบังเอิญช่วยชีวิตคนหนึ่งบนรถไฟไว้ได้นายจะเป็นหมอแล้วนะ ที่นี่มีคนไข้มากขนาดนี้ นายกล้าแข่งกับฉันสักหน่อยไหม?” เปียนหยวนไม่เชื่อหรอกว่า ตนเองเป็นนักศึกษาดีเด่นของวิทยาลัยแพทย์จิงซือ แม้แต่หมอเถื่อนคนหนึ่งอย่างเจียงเฉิงนี้จะสู้ไม่ได้
“ได้สิ นายอยากแข่งยังไง?” เจียงเฉิงถามขึ้น
“ถ้าฉันชนะแล้วละก็ ฉันอยากให้นายคำนับทำความเคารพข้างล่างป้ายของคลินิกว่านเชิงนี้สามที ถ้าฉันแพ้ละก็ ฉันจะคำนับขอโทษนาย” เปียนหยวนจะต้องเอาความคับแค้นใจข้างในนี้ออกมาให้ได้แน่
เจียงเฉิงได้ยินการวางเดิมพันของเปียนหยวนอันนี้เข้า รีบส่ายหน้าทันที
เปียนหยวนเห็นเจียงเฉิงส่ายหน้า ยังคิดว่าเจียงเฉิงกลัวแล้ว รีบกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาทันใด ยิ้มพูดว่า “ทำไม? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้ว? สายไปแล้ว ตอนนี้นายอยากปฏิเสธก็ต้องคำนับแล้วยอมรับผิดซะ”
“ฉันไม่ได้กลัว คือว่าการวางเดิมพันอันนี้มันเบาเกินไป เอาแบบนี้เถอะ ถ้าฉันแพ้ ฉันมาคำนับสามทีที่นี่ของนายทุกวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือน เป็นยังไงบ้าง?” เจียงเฉิงมองเปียนหยวนอยู่พูดจาแบบนิ่งเฉย
เปียนหยวนเห็นเจียงเฉิงเพิ่มการวางเดิมพันหนักขึ้นอย่างคาดไม่ถึง รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่คงจะไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น
“งั้นถ้าฉันแพ้แล้ว นายต้องการอะไร?” เปียนหยวนมองเจียงเฉิงถามด้วยเสียงเย็นชา
“ฉันต้องการคลินิกแห่งนี้ของนาย” เจียงเฉิงพูดด้วยเสียงทุ้ม
“ได้! ฉันรับปากนาย!”
ที่จริงเจียงเฉิงคิดว่าเปียนหยวนต้องไม่กล้ารับปากแน่นอน แต่เขานึกไม่ถึงว่าเปียนหยวนคนนี้จะตอบตกลงมาโดยตรง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นี่เป็นย่านที่ดีที่สุดของเมืองเอกด้วย บวกกับเนื้อที่ใหญ่ขนาดนี้ ดูจากการตกแต่งดีขนาดนี้ ร้านแห่งนี้อย่างน้อยก็คุ้มราคาหลายล้าน
“คุณชายเปียน นี่......”
เปียนหยวนเห็นเจียงเฉิงตอบตกลงแล้ว เขารีบหัวเราะแบบได้ใจนิดหน่อย เขาเชี่ยวชาญต่อโรคลมบ้าหมูนี้อย่างมาก รีบเริ่มวินิจฉัยโรคและรักษาให้ชายสูงวัยคนนี้ทันที
“อาการของเขาไม่ค่อยร้ายแรงเท่าไร ผมจัดยาไปให้เดือนหนึ่ง กินแล้วรับรองว่าหายเป็นปกติ ไม่กลับมากำเริบอีก” เปียนหยวนพูดไปพลางอยากเขียนใบสั่งยาไปพลาง ครั้งนี้เขาไม่ได้สั่งยาให้มาก แต่ว่าสั่งยาให้ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องแข่งขันกับเจียงเฉิงว่าใครสามารถรักษาหายได้เร็วกว่ากัน หนึ่งเดือนก็เป็นความเร็วที่สุดที่เขาพอจะทำได้แล้ว
“ขอบคุณหมอเปียนมากค่ะ” หญิงวัยกลางคนมองเปียนหยวนด้วยท่าทางซาบซึ้งใจแล้วพูดขึ้น
“หมอเปียน นี่นายก็ทำเกินเหตุไปแล้ว ทั้งที่เป็นโรคที่ฝังเข็มนิดหน่อยวันนี้ก็รักษาหายได้ ทำไมต้องให้คนอื่นกินยาตั้งหนึ่งเดือน?” เจียงเฉิงถอนหายใจพูดแบบไม่พอใจอยู่ด้านข้าง
เปียนหยวนได้ยินคำพูดของเจียงเฉิง ชั่วขณะนั้นโมโหแล้ว
“อาการของเขา ถ้านายพอจะฝังเข็มแล้วรักษาให้หายได้ งั้นถือว่านายชนะ” เปียนหยวนหัวเราะเยาะพูดกับเจียงเฉิง
“ได้ ในเมื่อนายอยากจะดู งั้นวันนี้จะให้นายเปิดโลกกว้างหน่อย” เจียงเฉิงยิ้มบอกกับเปียนหยวน
พูดอยู่เจียงเฉิงก็หยิบถุงเข็มที่พกติดตัวออกมา มองทางหญิงวัยกลางคนผู้นั้น บอกว่า “พี่สาวครับ ให้ผมรักษาคุณพ่อของพี่ดูหน่อยเถอะครับ”
หญิงวัยกลางคนมองเจียงเฉิงแวบหนึ่ง เธอก็อยากจะให้เจียงเฉิงรักษามากเหมือนกัน ถ้าพอจะไม่กินยาได้ แน่นอนว่ายังไม่กินยาจะดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง