เมื่อการแข่งขันจบลง บนหน้าจอขนาดใหญ่ก็ฉายการเดินเครื่องอันยอดเยี่ยมของรถฟางหลันหลันอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ผู้ชมในสนามแข่งยังคงอยู่ในภวังค์ของความตื่นเต้นดีใจที่ยากจะบรรยายออกมาด้วยคำพูดได้ เพราะการแข่งขันแบบนี้เจอได้ไม่บ่อย
เมื่อรถจอดแน่นิ่งแล้ว เจียงเฉิงมองฟางหลันหลันที่อยู่ในภวังค์ของความดีใจแล้วพูดว่า“ซิ่งรถ มีบางครั้งไม่เพียงแค่แข่งสมรรถนะกับเทคโนโลยีของรถหรอกนะ มันยังแข่งกันที่ความกล้าด้วย”
ฟางหลันหลันมองเจียงเฉิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอโผเข้าหาอ้อมกอดเจียงเฉิง เธอกอดเจียงเฉิงไว้แน่นแล้วพูดว่า“พี่เจียง อาจารย์เจียง คุณเท่ห์มากจริงๆ!”
เจียงเฉิงสัมผัสได้ทันทีว่ามีเต้าอวบสองข้างกดอยู่ตรงแผงอกของตัวเอง เขาพูดด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า“ทำอะไรเนี่ย? มีอะไรคุยกันดีๆ ปล่อยมือ”
ฟางหลันหลันปล่อยเจียงเฉิงออก และพูดว่า“คุณเป็นอาจารย์ของฉันเถอะ คุณสอนฉันดริฟต์รถนะ เป็นยังไง?”
ฟางหลันหลันชอบแข่งรถที่สุด โดยเฉพาะรู้สึกว่าดริฟต์รถแล้วมันเท่ห์ แต่ทว่าเธอกลับทำไม่เป็น ตอนนี้เจียงเฉิงพาเธอเรียนรู้ประสบการณ์เทคนิคการดริฟต์รถที่น่าเร้าใจ เธอจะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้ยังไง
เดิมเธอให้เจียงเฉิงเป็นบอดี้การ์ดของตัวเอง เพียงเพราะคำร้องขอเงื่อนไขของคุณพ่อเธอเท่านั้นเอง ตอนนี้เธอยิ่งยืนหยัดแน่วแน่จะเอาเจียงเฉิงไว้ข้างกายตัวเอง
“ไม่ได้หรอกนะ!”เจียงเฉิงพูดออกมาตามตรง“มันอันตรายเกินไป”
ฟางหลันหลันกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ทันใดนั้นได้ยินเสียงเคาะกระจกดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็ได้เห็นซ่งเฟิงยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าย่อท้อห่อเหี่ยว
“อิอิ เป็นยังไงล่ะ? ฉันพูดถูกไหมล่ะ? นายแพ้ฉันละ เอากุญแจรถมา !”ฟางหลันหลันปลดกระจกลง เอื้อมมือออกไปทางซ่งเฟิงด้วยความภาคภูมิใจ
ทุกครั้งที่ฟางหลันหลันพ่ายให้กับซ่งเฟิง เธอจะรู้สึกว่าอึดอัดใจ ครั้งนี้ชนะถือว่าเงยหน้าอ้าปากด้วยความภาคภูมิใจได้ครั้งหนึ่งแล้ว
แม้ซ่งเฟิงจะไม่สมัครใจ แต่เขาก็ยังคงยื่นกุญแจรถให้ และพูดว่า“คุณหนูใหญ่นี่เก่งจริงๆ ผมแพ้แบบเลื่อมใสศรัทธาจริงๆ รอเมื่อไรพวกเราจะได้แข่งกันอีก”
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน!”ฟางหลันหลันหยิบกุญแจมาแล้วพูด สำหรับเธอนะ ภาระอันเร่งด่วนตอนนี้คือการเรียนดริฟต์รถ
ซ่งเฟิงเห็นฟางหลันหลันไม่มีความหมายอะไรอื่น เขาเลยออกไปจากตรงนี้ด้วยความหงุดหงิดใจ รถสปอร์ตโก้หรูคันนี้หายวับไปแบบนี้ เขาเจ็บปวดหัวใจมาก
ตอนฟางหลันหลันหันกลับมาพูดกับเจียงเฉิงอีกครั้ง ก็ถึงได้รู้ว่าเขาลงรถไปแล้ว
เจียงเฉิงนึกถึงที่ตัวเองลงเดิมพันไว้ก่อนหน้า เขาเลยรีบเอาใบเสร็จไปที่วางพนัน พอมาถึงตรงนี้เขาถึงได้เห็นว่า หลังจากที่เขาลงเดิมพันได้เปลี่ยนเป็น1:68แล้ว
นั่นก็หมายความว่า เจียงเฉิงลงเงินเดิมพันไปหนึ่งแสน และการแข่งขันนี้ เงินของเขาก็กลายเป็นหกล้านแปดแสน
เจียงเฉิงหัวเราะดังลั่นไม่หยุด คนกลุ่มนี้ไม่เชียร์ไม่เห็นค่าฟางหลันหลันมากแค่ไหนกันนะ แต่ได้เงินมาแบบนี้ก็ง่ายหน่อย มิน่าล่ะมีบางคนชอบมาพนันที่สถานที่อย่างนี้
“เคยขับรถโกคาร์ท”เจียงเฉิงตอบแบบราบเรียบ
ความจริงที่เจียงเฉิงสามารถดริฟต์รถได้ นี่เป็นเพราะเมื่อก่อนเขาอ่านพวกหนังสือตอนสมัยเรียน เพียงแต่เมื่อก่อนเขาแสดงความสามารถออกมาไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาได้สืบสานแล้ว ทักษะความสามารถพวกนี้ ก็ง่ายกว่านี้ไปไม่ได้แล้ว
ฟางหลันหลันได้ยินเจียงเฉิงพูดแบบนี้ เลยรู้ว่าเจียงเฉิงไม่คิดจะบอกอะไรที่มีประโยชน์หรอก เธอเลยไม่พอใจพูดว่า“เชอะ ไม่พูดก็ช่างเถอะ!”
พูดแล้วฟางหลันหลันเลยหมุนตัวเดินไปตรงซอกมุมเปลี่ยวลับตาคน
“คุณจะไปไหน?”เจียงเฉิงถาม
“ไม่ต้องยุ่ง!”ฟางหลันหลันพูดด้วยความโมโห
ฟางหลันหลันเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขว้าเดินเข้าอาคารที่กำลังต่อเติม เธอเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะ เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอยังบ่นพึมพำว่า“ผู้ชายบ้าอะไร ฉันนอบน้อมถ่อมตนขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมตกลงรับฉัน ทุเรศ ไม่ช้าก็เร็วจะได้เห็นดีกัน!”
ขณะที่ฟางหลันหลันบ่นพึมพำอยู่ ด้านหลังมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาทันที“คุณหนูฟาง คุณนี่มันโชคดีจริงๆ อุบัติเหตุสาหัสขนาดนั้นก็ยังไม่ตาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง