“เสวี่ยถิง นี่ก็คือหมอเทวดาเจียงที่รักษาอาการป่วยของเธอน่ะเหรอ?”
ลู่จ้านเผิงพาลู่หยุนเฟยเดินเข้ามา เมื่อเห็นเจียงเฉิงก็พลันยิ้มเอ่ยทันที
“คุณลุงลู่” เจียงเฉิงเห็นแวบแรกก็ดูออก ว่าชายวัยกลางที่ดูผึ่งผายไม่ธรรมดาคนนี้ก็คือพ่อของลู่เสวี่ยถิง อีกอย่าง ลู่จ้านเผิงยังเป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลที่โด่งดังของเขต เพราะตระกูลลู่คือตระกูลอันดับหนึ่งของเขต
“คนโดดเด่นมักเป็นคนหนุ่มสาวจริงๆ” ลู่จ้านเผิงจับมือกับเจียงเฉิงอย่างชื่นชม
“คุณชายลู่หยุนเฟย เราเจอกันอีกแล้ว” เจียงเฉิงมองไปที่ลู่หยุนเฟยยิ้มๆ
ทว่าลู่หยุนเฟยกลับไม่ค่อยชอบหน้าเจียงเฉิงเท่าไหร่นัก ครั้งก่อนที่ไปรักษาอาการป่วยของน้องสาวเขาที่หลูหยาง เขาเคยเสียมารยาทกับเจียงเฉิง ปรากฏว่าเจียงเฉิงกลับทำให้เขาอับอายขายขี้หน้า ซ้ำยังต้องไปเชิญเจียงเฉิงมารักษาอาการป่วยของน้องสาวด้วยตัวเอง
“นั่นคือ……ท่านประธานลู่ของลู่ซื่อ กรุ๊ปงั้นเหรอ?” สวี่จื้อหาวเห็นลู่จ้านเผิงก็รู้ว่าเป็นใครในทันที
“ใช่แล้ว นั่นคือลูกชายและลูกสาวเขา ดูแล้วเหมือนจะสนิทกับเจียงเฉิงมาก” สวี่จื้อกั๋วเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็พลันขมวดคิ้วทันที เจียงเฉิงไปสานสัมพันธ์กับตระกูลลู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
สวี่ฉางเซิงจึงจะนึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นลู่เสวี่ยถิงที่ไหนมาก่อน ก่อนหน้านี้ตระกูลลู่เคยมาหาเขาให้รักษาอาการป่วยของลูกสาว ทว่าสวี่ฉางเซิงไม่สามารถรักษาได้ จึงเคยเจอแค่ครั้งเดียว
คิดไม่ถึงเลยว่าอาการป่วยเรื้อรังของลู่เสวี่ยถิงจะถูกรักษาจนหายแล้ว หมอคนนั้นต้องมีฝีมือยอดเยี่ยมขนาดไหนกัน ถึงสามารถรักษาหายได้
“ประธานลู่ คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับเนี่ย?”
สวี่ฉางเซิงเห็นลู่จ้านเผิงก็รีบเดินไปทักทายทันที
“อ้าว ผู้เฒ่าสวี่ คุณก็มาร่วมงานเปิดกิจการของหมอเทวดาเจียงเหรอ” ลู่จ้านเผิงเห็นสวี่ฉางเซิงก็นึกว่าเขาเองก็เป็นแขกมาร่วมงาน พลันรีบยิ้มถาม
“คุณลุงลู่ คุณเข้าใจผิดแล้ว เขาเป็นปู่ของผม” เจียงเฉิงรีบก้าวไปเอ่ยกับลู่จ้านเผิง
“ปู่คุณงั้นเหรอ?”
ลู่จ้านเผิงได้ยินเจียงเฉิงพูดดังนั้นก็เอ่ยทันทีว่า “หมอเทวดาเจียง คุณมีปู่อยู่ที่เขตทำไมถึงไม่บอกผมสักคำ ผมจะได้ช่วยดูแลเขาด้วย คุณเองก็ขี้เกรงใจเกินไปแล้ว”
สวี่ฉางเซิงได้ยินดังนั้นก็พลันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าลู่จ้านเผิงกับเจียงเฉิงนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา หากตระกูลเขาสามารถสานสัมพันธ์กับตระกูลลู่ได้ งั้นก็จะทำให้ตระกูลยิ่งพัฒนาและรุ่งเรืองมากขึ้นแน่ๆ
“ประธานลู่ คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ตระกูลเล็กๆอย่างเรา จะกล้ารบกวนคุณได้ยังไงกันล่ะ” สวี่ฉางเซิงแสร้งทำเป็นถ่อมตน
“ใช่แล้ว ทำไมเธอเองก็ดูสนิทกับเจียงเฉิงขนาดนี้?”
สวี่เหลียงกับสวีหย่ารู้สึกว่าหัวใจตัวเองจะเต้นออกมาจากอกแล้ว ก่อนหน้านี้ยังเยาะเย้ยเจียงเฉิงอยู่เลยว่าไม่รู้จักใครในเขต รู้จักแค่พวกสวะไร้ประโยชน์ ปรากฏว่าตอนนี้กลับมีคนใหญ่คนโตมากันตั้งสองคน
บุคลลระดับนี้ เป็นถึงบุคลลที่ต่อให้พวกเขาอยากจะรู้จักก็ไม่มีวันเอื้อมถึง
“ประธานปี้ นี่คือปู่ของหมอเทวดาเจียง พอดีเลย ทุกคนจะได้มาทำความรู้จักกัน” ลู่จ้านเผิงรีบแนะนำสวี่ฉางเซิงกับปี้หมิงจู เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนชอบเข้าสังคม
“อ้อ คุณปู่ของหมอเทวดาเจียงเองเหรอ ยินดีที่ได้รู้จัก” ประธานปี้ได้ยินว่าเป็นปู่ของหมอเทวดาเจียงก็รีบเดินไปจับมืออย่างดีใจทันที
“ประธานปี้ เกรงใจไปแล้วครับๆ” ตอนนี้สวี่ฉางเซิงเองก็เหงื่อไหลไม่หยุด เขานึกว่าหลานเขยคนนี้ของตัวเองไร้น้ำยามากๆ ไม่ว่าจะด้านไหนก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ไม่มีทางมีเพื่อนหรอก
ทว่าเขากลับคิดไม่ถึง ว่าเพื่อนของเจียงเฉิงจะมีแต่คนระดับสูงขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะหลานเขยของตัวเอง เกรงว่าตัวเขาก็คงไม่มีโอกาสจะเอื้อมถึงคนระดับนี้ได้หรอก
“คุณปู่ นั่งเถอะครับ” เจียงเฉิงรีบเอ่ยกับสวี่ฉางเซิงอย่างดูแลเอาใจใส่
“หลานเขย นายรีบไปดูแลแขกเถอะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่รีบๆ” สวี่ฉางเซิงนั่งลงอีกครั้ง ก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าผาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง