มู่หรงเสวี่ยได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเย็นเยือกลงในพริบตา เธอขว้างสมุดบันทึกในมือทิ้ง แล้วผุดลุกขึ้นยืนเอ่ยว่า “ลำบากหรือไม่ลำบาก นายลองดูก็รู้แล้ว!”
สิ้นเสียง มู่หรเสว่ก็ยกขาขึ้นแล้วเตะใส่ศีรษะของเจียงเฉิงทันทีโดยไม่ออมแรงเลยแม้แต่น้อย ยังไงซะ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอสั่งสอนคนด้วยวิธีแบบนี้
ในขณะที่มู่หรงเสวี่ยนึกว่าขาของตัวเองจะเตะใส่หน้าของเจียงเฉิงอย่างไร้ความปราณี เจียงเฉิงกลับยกมือขึ้นจับข้อเท้าของมู่หรงเสวี่ยไว้
เป็นไปได้ยังไงกัน?
มู่หรงเสวี่ยมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ของตัวเองมาก เธอคือแชมป์มวยของทีมตำรวจเชียวนะ พลังการโจมตีนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถรับไว้ได้แน่นอน ทว่าเจียงเฉิงกลับสกัดไว้ได้
“ไม่เลว แรงไม่เบาเลย” เจียงเฉิงเองก็อึ้งเช่นกัน ผู้หญิงคนหนึ่งมีแรงเตะได้มากขนาดนี้ นับว่าดีมากแล้ว
“แต่ว่ายังไม่พอ!”
สิ้นเสียง เจียงเฉิงก็ยกขาเรียวยาวของมู่หรงเสวี่ยขึ้นทีเดียว จากนั้นก็คร่อมตัวของมู่หรงเสวี่ย ทับร่างเธอให้ติดกับกำแพง
ขาของมู่หรงเสวี่ยถูกเจียงเฉิงกดแล้วยกขึ้นไปเหนือศีรษะ อีกทั้งร่างกายเองก็ถูกเจียงเฉิงทับไว้บนกำแพงอย่างแนบแน่น ขยับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“นาย—บัดซบ ปล่อยมือซะ!”
มู่หรงเสวี่ยถลึงดวงตาคู่สวยมองเจียงเฉิงอย่างโมโห ท่าแบบนี้คลุมเครือมากเกินไปแล้วจริงๆ
เดิมทีเจียงเฉิงก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ แต่เขาก็รู้ดี ว่าผู้หญิงที่แข็งกร้าวแบบนี้ มีเพียงต้องสยบด้วยวิธีที่แข็งกร้าวกว่าเท่านั้น เธอจึงจะยอมทำตัวดีๆ ไม่งั้นก็จะหาเรื่องเขาไม่จบไม่สิ้นแน่ ๆ
“ปล่อยมือได้ งั้นเธอถามดีๆได้หรือยัง?” เจียงเฉิงมองมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ตรงหน้าแล้วเอ่ยเสียงเบา
มู่หรงเสวี่ยเพิ่งเคยเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้เป็นครั้งแรก เดิมทีมีแต่เธอกลั่นแกล้งคนอื่น ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายถูกคนอื่นปฏิบัติตัวแบบนี้
เจียงเฉิงพูดประโยคนี้จบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอดมาจากด้านนอก เขารีบปล่อยตัวมู่หรงเสวี่ยทันที
“หัวหน้า หยางหมี่ขอประกันตัวเขาออกไปแล้วครับ เธอต้องการพบเขาเดี๋ยวนี้” ตำรวจคนหนึ่งมองมู่หรงเสวี่ยแล้วพูด
มู่หรงเสวี่ยจัดชุดตำรวจของตัวเอง ก่อนจะพูดว่า “ตกลง อีกเดี๋ยวก็ถามเสร็จแล้ว”
“อ้อ” ตำรวจรู้สึกว่าท่าทางของมู่หรงเสวี่ยดูผิดปกติ เหมือนจะหน้าแดงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่าทางแบบนี้ของมู่หรงเสวี่ย
หลังจากที่ตำรวจออกไปแล้ว เจียงเฉิงก็มองมู่หรงเสวี่ย เอ่ยว่า “เมื่อกี้นี้คือผมป้องกันตัวเอง”
มู่หรงเสวี่ยถลึงตาใส่เจียงเฉิง เอ่ยเสียงเย็นว่า “ฉันจำนายไว้แล้ว หึ!”
“นายลองมองฉันดูอีกรอบ นายไม่รู้จักฉันจริงๆเหรอ?” หยางหมี่ถอดหน้ากากออก มองเจียงเฉิงอย่างจริงจัง
เจียงเฉิงก็ยังคงส่ายศีรษะ ที่จริงแต่ก่อนเจียงเฉิงมีเพียงต้องการเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวผ่านการเรียนหนังสือ ดังนั้นจึงน้อยมากที่เขาจะดูละคร เขาย่อมต้องไม่รู้จักหยางหมี่อยู่แล้ว ทว่าหยางหมี่เป็นคนที่น่ามองมากจริงๆ แม้จะแต่งตัวมิดชิด แต่หน้าตาเธอก็งดงามมากๆ เป็นคนที่สวยเหมือนนางฟ้าเลยจริงๆ
“โอเค” หยางหมี่สวมหน้ากากอย่างสลด
เจียงเฉิงกับหยางหมี่ทำธุระเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ ในขณะที่กำลังจะแยกทางกันจากธนาคาร หยางหมี่ก็เอากระดาษออกมาทิ้งเบอร์โทรให้เจียงเฉิง เอ่ยว่า “ไม่ว่าจะยังไง นายช่วยฉันไว้ ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันนะ”
เจียงเฉิงมองเบอร์โทรศัพท์แวบหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “ตกลง”
“อย่าเอาเบอร์ฉันให้คนอื่นเด็ดขาดล่ะ” หยางหมี่เอ่ยเสียงเบา ก่อนจะโบกมือลาเจียงเฉิงแล้วจากไป
เจียงเฉิงเก็บเบอร์โทรศัพท์บนกระดาษ ก็กลับไปที่โรงพยาบาล เสียเวลาอยู่ข้างนอกไม่น้อย จนตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว
เจียงเฉิงเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง เพิ่งเข้ามาเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเปลือยท่อนบนหันหลังให้ประตู เผยแผ่นหลังขาวเนียนดุจหยก ผมยาวสยายลงบนบ่า
“ขอโทษครับ เข้าผิดห้อง” เจียงเฉิงอึ้งชะงักครู่หนึ่ง พลันรีบพูดขอโทษแล้วปิดประตู แต่พอเขาเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ก็พบว่านี่เป็นห้องทำงานของเขา
งั้นผู้หญิงในห้องเป็นใคร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง