ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกได้ว่าบนตัวไป๋เว่ยกั๋วเหมือนมีกลิ่นอายดำปกคลุมอยู่ยังไงอย่างงั้น เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่อาการป่วยที่เกิดจากทฤษฎีทางการแพทย์ แต่เกิดจากโชคเคราะห์ นั่นก็แปลว่ามีของสกปรกมาเกาะบนตัวไป๋เว่ยกั๋ว
“งั้นหมอเทวดาเจียง ผมควรจะรักษายังไง?” ไป๋เว่ยกั๋วรีบถามทันที
“ของบนข้อมือคุณมาจากไหน?” จู่ ๆเจียงเฉิงก็เห็นสร้อยข้อมือไม้พะยูงหอมเส้นหนึ่งบนข้อมือของไป๋เว่ยกั๋ว
ลวดลายบนสร้อยข้อมือเส้นนี้เก่าแก่มาก อีกทั้งดูจากสถานการณ์นี้ ก็น่าจะมีอายุนานมากแล้ว
“นี่คือของที่เพื่อนผมคนหนึ่งประมูลมาจากงานประมูล ได้ยินมาว่าเป็นของในสุสานโบราณ มีค่ามากๆ” ไป๋เว่ยกั๋วมองสร้อยข้อมือแวบหนึ่งแล้วเอ่ย
“นี่ก็ถูกแล้ว ของในสุสานโบณาณโดยปกติแล้วก็จะมีพลักหยินที่ข้นมาก แฝงไว้ซึ่งลมปราณร้าย เดิมทีถ้าคุณทิ้งมันก็จะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ในเมื่อเป็นของที่เพื่อนให้ จะทิ้งก็ไม่ดี แบบนี้ดีกว่า คุณซื้อชาดแดงกับยันต์แล้วก็พู่กันขนหมาป่ามา ผมจะวาดยันต์ไล่ภูติผีให้คุณ เท่านี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ
“ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?” ไป๋เว่ยกั๋วถามอย่างตกตะลึงเล็กน้อย
“ใช่แล้ว” เจียงเฉิงพยักหน้า
“เพ้อเจ้อ มีใครเขารักษาคนไข้แบบนี้กัน? นี่มันความเชื่องมงายชัดๆ” เจี่ยเต๋อเซิ่งตะคอกใส่เจียงเฉิงทันที
“งมงายหรือไม่ เดี๋ยวดูสถานการณ์ก็รู้แล้ว” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ
จ้าวฝูหลินเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าเขาฟังแล้วก็รีบให้เลขาไปซื้อของทันที
เมื่อซื้อชาดแดงกับยันต์แล้วก็พู่กันขนหมาป่ากลับมา เจียงเฉิงก็รีบจับพู่กันแต้มชาดแดงวาดยันต์ไล่ภูตผี
เมื่อวาดเสร็จ เจียงเฉิงก็พับยันต์แล้วห่อบนสร้อยข้อมือของไป๋เว่ยกั๋ว
ทันใดนั้น ไป๋เวยก๋อก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ความรู้สึกอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงหายไปโดยสิ้นเชิง
“มหัศจรรย์ มหัศจรรย์มากๆ” ไป๋เว่ยกั๋วมองสร้อยข้อมือด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ตั้งแต่ที่เขาสวมสร้อยข้อมือนี้ได้ไม่นาน ก็รู้สึกอ่อนล้ามาโดยตลอด ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกมีชีวิตชีวา เขาไม่เคยรู้สึกสบายขนาดนี้มาก่อนเลย
“คิดไม่ถึงเลย ว่าบางครั้งไสยาศาสตร์ก็มีประโยชน์เหมือนกัน” จ้าวฝูหลินเองก็เอ่ยอย่างตกตะลึง
“อันที่จริงนี่ไม่ถือว่าเป็นความเชื่อไสยาศาสตร์ ผมเรียกของแบบนี้ว่าวิทยาศาสตร์ชายขอบ ความเชื่อที่ว่า เป็นเพียงวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์ไม่รู้เท่านั้น” เจียงเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ
เดิมทีของในสุสานพวกนี้ ก็เปื้อนสิ่งชั่วร้ายได้ง่ายอยู่แล้ว ชาดแดงก็คือพลังหยาง ดังนั้นจึงสามารถยับยั้งพลังหยินแบบนี้ได้ นี่ก็คือหลักการของหยินและหยาง
“ไม่ต้องแล้วล่ะ จ่ายค่ารักษาตามปกติก็พอ ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อนล่ะ” เจียงเฉิงพูดจบก็ออกไปจากห้องผู้ป่วยทันที
ไป๋เว่ยกั๋วเห็นเจียงเฉิงไม่หวังในชื่อเสียงเงินทอง ไม่ได้ประจบเข้าหาเขาเพราะเขามีเงิน และก็ไม่ได้หวังผลประโยชน์มากจนเกินไป นี่ต่างหากถึงจะสมกับเป็นหมอเทวดาที่ช่วยเหลือผู้คน
“คุณจ้าว เมื่อกี้นี้ผม......”
เจี่ยเต๋อเซิ่งยังอยากจะอธิบายกับจ้าวฝูหลิน ทว่าจ้าวฝูหลินกลับไม่มองเขาเลยด้วยซ้ำ แต่พูดกับไป๋เว่ยกั๋วว่า “คราวหลังจะเชื่อคำพูดของหมอเถื่อนไม่ได้เด็ดขาด หมอเถื่อนมันทำร้ายคนชัดๆ”
“นั่นสิ ถ้ามีโอกาสต้องขอบคุณหมอเทวดาเจียงดีๆสักหน่อยแล้ว” ไป๋เว่ยกั๋วพูดอย่างเห็นด้วย
“เจียงเฉิง ไอ้บัดซบ!” เจี่ยเต๋อเซิ่งกัดฟันสบถด่าเสียงเบา เขาเสียหน้าเพราะเจียงเฉิงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
หลังจากที่เจียงเฉิงเลิกงาน เพิ่งจะเตรียมขับรถกลับบ้าน ก็ได้รับสายจากเจียงหลาย
เจียงเฉิงขมวดคิ้วแน่น ดึกขนาดนี้เจียงหลายจะโทรหาเขาได้ยังไง หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?
เจียงเฉิงคิดได้ดังนั้นก็รีบกดรับสาย “ฮัลโหล? น้องสาว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง