ก๊อก ก๊อก ก๊อก เคาะประตูสามครั้งอย่างมีมารยาท
“เชิญครับ” เจ้าของห้องเอ่ยอนุญาต รดารีบเปิดประตูเข้าไปด้านในโดยไม่ทันสังเกตป้ายที่ติดอยู่ประตูหน้าห้อง
“ทานข้าวหรือยัง” ประโยคทักทายที่เจ้าของห้องเอ่ยขึ้นโดยที่สายตายังจ้องอยู่ที่แฟ้มเอกสารตรงหน้า
“ทานแล้วค่ะ เอ่อ..คือว่า หนู..หนูกลับบ้านได้ไหมคะวันนี้” รดาเอ่ยถามออกไปกล้าๆ กลัวๆ มือเรียวเล็กที่ประสานกันอยู่หน้าขาบัดนี้กำเข้าหากันแน่น
“อยากกลับแล้วเหรอ ไหนเมื่อวานบอกว่าถ้าหมอหล่อยอมป่วยนอนโรงพยาบาลหลายวันยังได้” กองทัพแกล้งแซวสีหน้าเรียบนิ่ง มือยังตวัดปลายปากกาเซ็นเอกสารไม่หยุด
“เอ่อ..แต่หนูไม่ได้เป็นอะไรแล้วนี่คะ จะให้นอนโรงพยาบาลทำไม อีกอย่างหนูก็ต้องไปเรียนด้วยวันนี้ก็ขาดเรียนวันหนึ่งแล้ว” รดาพยายามอธิบายเหตุผล ถึงเธอจะไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลครั้งนี้เองแต่ก็ไม่ควรมานอนอยู่ให้คนอื่นสิ้นเปลืองแบบนี้ทั้งที่มันไม่ได้มีความจำเป็นอะไร
“พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน นอนที่นี่อีกสักคืนแผลบวมที่หัวยังไม่ยุบเลย” กองทัพให้คำตอบกลับไป รดาที่ได้ยินถึงกับทำหน้าผิดหวัง
“ค่ะ”
เมื่อได้รับคำตอบแล้วจึงหันหลังเพื่อเดินกลับห้องไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก
“ถ้าเบื่อก็อ่านหนังสือ ในตู้มีหนังสือเกี่ยวกับบทความเรื่องการบริหารธุรกิจอยู่ลองไปเลือกดู” ปกติถ้าเป็นเด็กทั่วไปต้องเอาขนมหรือของกินล่อ แต่สำหรับรดามีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถหลอกล่อเธอได้..นั่นคือหนังสือ ยิ่งเป็นบทความเกี่ยวกับเรื่องการบริหารธุรกิจแล้ว ให้นั่งอยู่เฉยๆ ทั้งวันพร้อมกับหนังสือกองโตเธอก็ไม่ปริปากบ่นว่าเบื่อสักคำ
“จริงเหรอคะ หนูหยิบมาอ่านได้จริงเหรอ” จากตอนแรกที่ทำหน้าหงอยๆ ตอนนี้ดูตื่นเต้นราวกับคนละคน
“นั่งอ่านเงียบๆ อย่าเสียงดังก็พอ ผลไม้กับขนมอยู่ในตู้เย็นในห้องเปิดประตูเข้าไปหยิบมาทานได้เลย หรืออยากเข้าไปอ่านในห้องก็ได้” ในห้องทำงานของกองทัพมีห้องนอนห้องใหญ่อีกห้องที่ทำไว้เวลาที่ทำงานดึกๆ แล้วขี้เกียจกลับคอนโดก็จะนอนที่นี่ ซึ่งในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง
“ขอบคุณค่ะ รดานั่งอ่านตรงนี้ก็ได้ค่ะ” เท้าเล็กเดินไปยังมุมห้องที่มีชั้นเล็กๆ ตั้งอยู่และมีหนังสือวางอยู่สี่ห้าเล่ม ส่วนใหญ่จะเป็นบทความหรือวารสารของนักธุรกิจเก่งๆ ต่างประเทศ สายตาไปสะดุดเข้ากับรูปถ่ายที่อยู่ในกรอบรูปราคาแพงวางตั้งอยู่ คนในรูปเป็นใครไม่ได้นอกจากคุณหมอเจ้าของห้องแต่สิ่งที่สะดุดสายตานั้น คือวิวตึกด้านหลังซึ่งเป็นที่เดียวกันกับรูปที่รดาเคยได้รับจากคนแปลกหน้าใจดีให้ไว้เป็นที่ระลึกเมื่อ5ปีก่อน
“อยากไปเที่ยวที่นั่นเหรอ” กองทัพสังเกตเห็นว่าเด็กสาวยืนมองรูปนั้นอยู่นานจึงเอ่ยถามขึ้น
“คุณหมอไปเที่ยวมาเหรอคะ”
“เปล่า ผมเคยไปเรียนหมอที่นั่น” รูปที่กองทัพถ่ายขณะที่เรียนแพทย์อยู่ที่โปรแลนด์
“นานหรือยังคะ”
“น่าจะ5ปีได้นะ ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นคลินิกปีสุดท้ายพอดี ก่อนจะบินไปเรียนต่อ Fellow(แพทย์เฉพาะทาง) ที่อเมริกา” รดายืนนิ่งอย่างคนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ในหัว ก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้า
กองทัพนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะสลับกับมองเด็กสาวเป็นระยะ แฟ้มเอกสารมากมายที่วางกองอยู่บนโต๊ะตอนเช้าถูกเคลียร์ออกไปบางส่วน ยังเหลืออีกสิบกว่าแฟ้มที่กองทัพต้องเคลียร์ให้เสร็จ ตามตารางงานวันนี้ชายหนุ่มต้องเข้าบริษัทแต่เพราะติดคนไข้คนสำคัญจึงสั่งเลขาให้เอาเอกสารมาให้ที่โรงพยาบาล
“รดา เที่ยงแล้วทานข้าวจะได้ทานยา” เด็กสาวกำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ขนาดแม่บ้านที่เปิดประตูนำอาหารเข้ามาจัดขึ้นโต๊ะเธอยังไม่รู้สึกตัว
“ค่ะ ขออีก5นาทีนะคะ หนูขออ่านหน้านี้ให้จบก่อน” เด็กสาวในชุดคนไข้ยังสนใจหนังสือในมือ กลิ่นหอมของอาหารที่โชยไปทั่วห้องยังไม่สามารถเรียกความสนใจจากเธอได้ นั่งอ่านหนังสือมาจะสามชั่วโมงติดไม่มีแม้แต่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ
“รดา ลุกมาทานข้าวก่อน หนังสือพวกนั้นค่อยอ่านต่อก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเป็นครั้งที่สอง ร่างอรชรจำต้องวางหนังสือในมือลง ลุกขึ้นสาวเท้าเดินตรงไปยังโซฟาที่มีชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อน พร้อมกับอาหารน่ารับประทานอยู่เต็มโต๊ะ
“หนูขอแค่5นาที ทำไมคุณหมอต้องดุด้วยคะ” สะโพกเล็กกระแทกนั่งลงโซฟา ใบหน้าเรียวเล็กง้ำงอเล็กน้อยเอ่ยถามเสียงกระเง้ากระงอด
“ผมเรียกคุณครั้งแรกตอนเที่ยงห้านาที ตอนนี้เที่ยงสิบห้านาทีกับอีกสามสิบวิ..ตรงไหนที่บอกว่าแค่ห้านาที” กองทัพตอบกลับเสียงเรียบเน้นเสียงประโยคสุดท้าย พร้อมกับลงมือทานข้าวโดยมีเด็กสาวนั่งหน้างอไม่พอใจอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ดุจังเลยนะ อยากรู้จริงๆ ว่าเวลาอยู่กับแฟนจะดุแบบนี้ไหม” รดาบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว สายตาคมเข้มตวัดขึ้นมอง ริมฝีปากบางหุบเข้าหากันทีเมื่อโดนดุครั้งที่สองทางสายตา มือเรียวเล็กยื่นไปหยิบแอปเปิลเข้าปากและเบนสายตามองไปทางอื่น
“กินข้าวก่อน แล้วค่อยกินผลไม้” กองทัพดุเป็นครั้งที่สาม
“กินอะไรก่อน ก็ไปรวมกันอยู่ในท้องเหมือนกันนั่นแหละค่ะ” รดาเถียงกลับทันควัน
“ทำไมเดี๋ยวนี้เถียงเก่งจัง”
“คุณหมอพูดเหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อนเลยนะคะ”
“รีบกินข้าวรดา เพื่อนคุณมารออยู่ที่ห้องแล้ว” ก่อนหน้าเขาได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ด้านล่างโทรมาแจ้งว่ามีคนมาขอเยี่ยมคนไข้พิเศษของเขา จึงสั่งให้ขึ้นมารออยู่บนห้องเพราะตอนนี้ได้เวลาทานอาหารเที่ยงพอดี ขืนปล่อยให้ไปเจอเพื่อนตอนนี้มีหวังคุยกันเพลินข้าวปลาไม่ได้กินกันพอดี
“เพื่อนหนูมาแล้วเหรอคะ ทำไมคุณไม่บอกหนูล่ะคะ” รดาถามกลับอย่างร้อนรน
“ทานข้าวทานยาให้เสร็จก่อน แล้วค่อยออกไป” เสียงเรียบสั่งปนดุออกไป ทำให้เด็กสาวที่กำลังตั้งท่าจะลุกต้องนั่งกลับลงที่เดิม
รดานั่งลงทานข้าวต่อย่างเงียบๆ กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียมตัวใหญ่ถูกแกะโดยฝีมือคุณหมอหนุ่ม ตักมาวางบนจานของเด็กสาว
“หนูไม่ทานไข่นะคะ เดี๋ยวแผลจะเป็นแผลเป็น” ไข่เจียวปูคำโตถูกเขี่ยไปไว้ด้านข้างจานโดยไม่นึกเสียดายเนื้อปูก้อนโตแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอที่รัก