คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 169

ตอนที่ 169 หากไม่ได้ทำงานก็อย่าหวังว่าจะเอาแต่ได้

จางซื่อยักไหล่ “ไปสายเกิน ขุดไม่ได้”

หลิวซื่อและหญิงชราได้ยินดังนั้น ก็แทบจะกระอักเลือดออกมาคำโต

ฝ่ายหลิวซื่อร้องเสียงแหลม “เป็นไปได้อย่างไร เมื่อครู่ข้ายังเห็นพี่สะใภ้อู๋สะพายผักป่าตะกร้าหนึ่งกลับมาอยู่เลย แล้วพวกเจ้าจะขุดไม่ได้สักต้นได้อย่างไร”

จางซื่อหัวเราะเสียงเย็น “สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้อู๋สะพายตะกร้าผักป่ากลับมา แสดงว่าพวกข้าก็ต้องสะพายผักป่าตะกร้าหนึ่งกลับมาด้วยเช่นกันหรือ นางก็คือนาง พวกข้าก็คือพวกข้า พวกข้าไม่ได้เก่งอย่างนาง”

หลิวซื่อชี้หน้าจางซื่อ ต่อว่ายกใหญ่ “เจ้าแอบอู้งานไม่ไปสิไม่ว่า ก็ไม่รู้ว่าไปหลบไปตากลมอยู่ที่ใด พวกเจ้าทั้งสี่คนทำงานสู้พี่สะใภ้อู๋ที่อายุเกินสี่สิบปีไม่ได้ พูดไปแล้วก็ขายหน้านัก”

“พูดไปแล้วก็ใช่ เรื่องนี้พูดออกไปแล้วน่าขายหน้าจริงๆ พวกเราเก้าคน เมื่อก่อนตอนที่จ้าวหลานและไป๋จื่อยังอยู่ ทุกวันล้วนมีกิน วันนี้พวกนางไม่อยู่แล้ว พวกเราทั้งหมดไม่มีอะไรกินสักอย่าง” จางซื่อกล่าว

หญิงชราถลึงตามองบุตรชายคนที่สองของตน “เจ้ารอง เจ้าพูดสิ แท้จริงแล้ววันนี้พวกเจ้าไปขุดผักป่าหรือไม่”

เจ้ารองไม่กล้ามองตามารดา เขามองไปทางอื่น เชิดหน้ากล่าวว่า “ไปสิ พวกท่านก็เห็นไม่ใช่หรือ แต่พวกข้าไปช้า จึงขุดอะไรไม่ได้เลย”

เจ้าใหญ่แต่ไหนแต่ไรกินเยอะ ไม่ได้กินข้าวมาสองมื้อก็รู้สึกว่าหิวจนทนไม่ไหวแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้ารอง ก็ยิ่งโมโหจนถลันเข้ามา “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก รู้ดีแท้ๆ ว่าต้องรีบไปขุดผักป่า แต่ก็ยังไปสายเช่นนี้ แล้วตอนนี้จะทำอย่างไร”

พี่ชายต่อว่าเขาเช่นนี้ เจ้ารองก็ถลันเข้าใส่ด้วยความโมโหเช่นกัน “พี่ใหญ่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้า ท่านตื่นเช้ากว่าข้า ทำงานเยอะกว่าข้าหรือ ทั้งครอบครัวของข้าออกไปทำงานแล้ว ส่วนพวกท่านเล่า พวกท่านตากลมรอกินข้าวกันทั้งบ้าน แล้วมีหน้ามาสั่งสอนข้าได้อย่างไร”

ในลานบ้านเริ่มมีเสียงเอะอะขึ้นมา ผลัดกันต่อว่ากัน ไม่มีใครยอมใคร เพื่อข้าวมื้อหนึ่งในวันนี้ กลับไม่มีใครยอมทำงาน คิดแต่ว่าคนอื่นจะนำข้าวมาป้อนให้ถึงปาก

ถึงตอนนี้แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็นึกถึงข้อดียามที่จ้าวหลานอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่จำเป็นต้องคิดถึงงานทำไร่ทำนาข้างนอกบ้าน แต่ข้าวสามมื้อในบ้าน แค่มีไป๋จื่ออยู่ พวกเขาก็ไม่ต้องเป็นกังวล วันนี้สองแม่ลูกจากสกุลไป๋ไปแล้ว ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ไป๋เจินจูมองทุกคนเบื้องหน้า ในใจรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง ทว่าบนใบหน้ากลับมีอารมณ์โกรธคุกรุ่น ไม่ใช่เพราะตากแดดอยู่ข้างนอกนานจนเกินไป แต่เป็นเพราะสภาพน่าเวทนาในตอนนี้ต่างหาก

เพื่อให้ตอนเย็นมีอาหารเติมท้อง หญิงชราจำต้องนำทุกคนออกจากบ้านอีกครั้ง ฝ่าแสงอาทิตย์หลังเที่ยงวัน ทั้งเก้าคน นอกจากเจ้าใหญ่ที่มือยังไม่หายดี ไม่สะดวกออกจากบ้าน ที่เหลือทั้งแปดคนล้วนทำงาน ไม่มีใครกล้าเอาเปรียบใคร

หญิงชราไม่ได้ทำไร่ทำนามาหลายปีแล้ว แม้กระทั่งลืมไปแล้วว่าที่นาของตนเองในตอนนี้อยู่ที่ใด ระหว่างทางไปขุดผักป่า นางเหลือบเห็นนาข้าวสาลีที่เขียวชอุ่มสวยงามทั้งผืน อีกไม่นานข้าวสาลีพวกนี้ก็จะเก็บเกี่ยวได้ ขอเพียงถึงเวลานั้น พวกเขาสกุลไป๋ก็จะได้กินเสบียงอาหารที่ตนเองปลูก เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็กลืนน้ำลายในทันที แล้วชำเลืองมองนาน้ำที่รกร้างห่างไกลออกไป ก่อนชี้ไปที่นั่นแล้วพูดว่า “บ้านใดช่างน่าอายนัก นาน้ำดีๆ เช่นนี้ เหตุใดปล่อยให้พวกมันรกร้างได้ ส่วนที่ดินของพวกเรา ถึงแม้ในบ้านตายกันไปหมด เหลือเพียงผู้เดียวก็ไม่อาจปล่อยให้นาน้ำรกร้างได้”

เจ้ารองมองนาน้ำที่ร้างมานานด้านข้าง หัวคิ้วย่นเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดอะไร

……….

ตอนที่ 170 พื้นที่รกร้างของสกุลไป๋

หลิวซื่อเคยทำนาในสองปีแรกหลังจากแต่งเข้าสกุลไป๋ แต่หลังจากคลอดต้าเป่าแล้ว นางก็ไม่ได้ลงนาอีก อีกทั้งหลังจากจ้าวหลานเข้ามา นางยิ่งไม่แม้แต่แลตามองที่นา ย่อมไม่รู้จักที่นาของตนเอง นางตอบรับคำพูดของหญิงชราในทันที พูดพร้อมสีหน้าบึ้งตึงว่า “นั่นสิเจ้าคะ คนที่อยู่ในสถานที่นี้เหมือนกับพวกเรา ล้วนต้องอาศัยที่นาทำมาหากิน ไหนเลยจะมีเหตุผลปล่อยให้ที่นารกร้างได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา