คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 231

ตอนที่ 231 ปุ๋ยสูตรลับ

ไป๋จื่อกล่าว “ที่จริงก็ไม่ใช่ความลับอะไร เพียงแต่ข้าใช้ปุ๋ยที่เร่งโตได้ชนิดหนึ่ง ทว่าวิธีการทำปุ๋ยชนิดนี้ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ข้าเองก็ไม่ได้มีปุ๋ยเหลืออยู่มาก ไม่เช่นนั้นก็จะแบ่งสรรให้ทุกคนได้”

ทุกคนล้วนปลูกข้าว เมื่อได้ยินว่ามีปุ๋ยวิเศษเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่ต้องการ มีครอบครัวใดไม่อยากเก็บเกี่ยวภายในหนึ่งเดือนบ้าง ไม่แน่ว่าในหนึ่งปีอาจจะเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง หากเป็นเช่นนั้น ยังต้องกังวลว่าชีวิตนี้จะต้องลำบากอีกหรือไร

ดังนั้น ทุกคนจึงขอร้องให้ไป๋จื่อแบ่งปันสูตรการทำปุ๋ยกันไม่ขาดปาก

หลิวซื่อและหญิงชราเบียดเข้าไปตรงกลางผู้คน แล้วกล่าวกับทุกคนที่ล้อมไป๋จื่อไว้ว่า “พวกเจ้าช่างน่าขันเสียจริง นี่เป็นสูตรลับเฉพาะของจื่อยาโถว หลานสาวของพวกข้า หากบอกกับพวกเจ้าหมดแล้ว เช่นนั้นจะยังเป็นสูตรลับเฉพาะอยู่หรือ พวกเจ้าอยากรู้สูตรนี้ก็ได้ แต่จ่ายเงินมาก่อนคนละสิบตำลึงเงิน” ขณะพูด หญิงชราและหลิวซื่อก็ยื่นมือไปทางทุกคนอย่างไม่รู้จักอายอีกด้วย

“นี่ ยายเฒ่า เมื่อครู่เจ้าบอกว่าแยกบ้านกับสองแม่ลูกไป๋จื่อแล้ว ต่างคนต่างอยู่ ทางใครทางมัน นี่เพิ่งผ่านมาไม่นานเท่าไร เจ้าก็พูดว่าจื่อยาโถวเป็นหลานสาวของพวกเจ้าอย่างสนิทสนมแล้ว เจ้ายังมีเกียรติอยู่หรือไม่” มารดาของอิงจื่อเป็นคนกล่าววาจานี้ ครั้งก่อนไป๋จื่อช่วยชีวิตของอิงจื่อไว้ นางจำไว้เป็นแม่นมั่นมาตั้งแต่นั้น เดิมทีก็คิดจะช่วยพวกนางสักหน่อยอยู่แล้ว แต่ภายหลังเห็นว่าไป๋จื่อและจ้าวหลานมีชีวิตที่ดี นางก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมากอีก บัดนี้เห็นหญิงชราสกุลไป๋และหลิวซื่อพูดเอาหน้า นางพลันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

หลิวซื่อถ่มน้ำลายใส่มารดาของอิงจื่อ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย นี่เป็นเรื่องของพวกข้าสกุลไป๋ ไม่เกี่ยวกับเจ้ากระมัง สรุปก็คือ หากอยากรู้สูตรลับของปุ๋ยก็ต้องจ่ายเงินมาก่อน คนละสิบตำลึงเงิน”

จ้าวหลานที่นั่งล้างแตงดินอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน นางผุดลุกขึ้น ต่อว่าหลิวซื่อทันที “หลิวกว้าหัว เจ้าไม่มีเกียรติหรือไร อย่าเพิ่งพูดเรื่องเก็บเงินค่าสูตรลับของปุ๋ยเลย ถึงแม้ต้องเก็บเงินจริงๆ เจ้าจะมาเก็บได้หรือ เจ้าเป็นเจ้าของสูตรหรือไร”

หลิวกว้าหัวยิ้มแห้งๆ “ดูเจ้าสิ ข้ากำลังช่วยเจ้าไม่ใช่หรือ คนมากมายเช่นนี้ เจ้าคนเดียวจะจัดการได้อย่างไร อย่าได้ไม่รู้จักน้ำใจคนหน่อยเลย”

“น้ำใจคน?” ไม่เพียงแต่จ้าวหลานที่หัวเราะ ไป๋จื่อก็หัวเราะเช่นกัน พาให้พวกชาวบ้านที่ล้อมเด็กสาวอยู่หัวเราะขึ้นมาด้วย

ราวกับว่านี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ทุกคนเคยได้ยินเลยทีเดียว

หญิงชรากล่าวด้วยความโมโห “หัวเราะอะไรกัน พวกเจ้าอย่าได้ลืมนะ ไม่ว่าอย่างไรจ้าวหลานก็ยังคงเป็นภรรยาของเจ้าสาม ลูกชายคนสุดท้องของข้า และไป๋จื่อก็เป็นบุตรสาวของเจ้าสาม ลูกชายของข้าคนนั้น นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจบิดเบือนไปได้ เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดกาล”

ไป๋จื่อย้อนถาม “แล้วอย่างไร พ่อของข้าจากโลกนี้ไปแล้ว จากไปเพราะความใจร้าย ไร้น้ำใจ และเห็นแก่ตัวของเจ้าเอง เจ้าไม่ได้เป็นคนให้กำเนิดแม่ของข้า ข้ายิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับเจ้า เรื่องของสกุลพวกเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้า”

“ใช่ ช่างไร้ยางอายเสียจริง เห็นว่ามีประโยชน์กำไรก็พุ่งเข้ามา หากจ้าวหลานและไป๋จื่อเจอเรื่องทุกข์ยาก ยายแก่กับลูกสะใภ้ของนางจะพุ่งเข้าใส่เช่นตอนนี้หรือไม่”

“จะเป็นไปได้อย่างไร ในสายตาของพวกนาง เกรงว่าจะไม่ได้เห็นสองแม่ลูกไป๋จื่อเป็นคนด้วยซ้ำกระมัง!”

ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ แม้จะเป็นหญิงชราสกุลไป๋และหลิวซื่อที่หน้าหนาเหมือนกำแพงเมือง ในที่สุดก็หน้าแดงเพราะความอับอาย

ไป๋จื่อไม่สนใจพวกนางอีก เด็กสาวหันไปพูดกับเหล่าชาวบ้านว่า “ท่านป้าท่านน้าทุกท่าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากบอกสูตรลับของปุ๋ยให้กับพวกท่าน เพียงแต่ต้องการวัตถุดิบของปุ๋ยนี้ช่างอันตรายยิ่งนัก ครั้งก่อนข้าเข้าไปในภูเขา ก็ไปเพื่อปุ๋ยนี้เอง”

……….

ตอนที่ 232 ชั่วร้ายไม่มีใครเกิน

“ตอนนั้นเจอเสือขาวตาลอยตัวหนึ่ง ข้าเกือบจะทิ้งชีวิตไว้ในปากเสือแล้ว โชคดีที่ใต้เท้าเมิ่งเสียสละช่วยข้าไว้ ข้าถึงรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้ สถานที่เช่นนั้น หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ ข้าไม่กล้าไปอีกแล้ว”

มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดต่อว่า “ที่แท้พวกเจ้าก็เป็นคนฆ่าเสือขาวตาลอยตัวนั้นหรือ ช่วงก่อนข้าได้ยินสหายคนหนึ่งกล่าวว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านไป๋หยางขึ้นเขาไปตัดฟืน เขาเก็บเสือตัวโตที่ถูกคนฆ่าได้ตัวหนึ่ง ตอนนั้นพวกข้ายังไม่เชื่อ พากันกล่าวว่าใครกันฆ่าเสือแล้วจะทิ้งศพมันไว้ หนังเสือมีค่าเป็นเงินไม่น้อยนะ ที่แท้เป็นพวกเจ้าเองหรือนี่”

ไป๋จื่อยิ้มจาง “ตอนนั้นข้ากับใต้เท้าเมิ่งล้วนได้รับบาดเจ็บ ไม่มีกะใจจะสนศพเสือตัวนั้น ต่อมาเมื่อหูเฟิงกลับไปอีก ศพเสือก็หายไปแล้ว จึงถือว่าแล้วกันไป”

อันตรายของภูเขาลั่วอิง พวกชาวบ้านล้วนรู้ดีทุกคน เมื่อรู้ว่าวัตถุดิบทำปุ๋ยเป็นสิ่งที่เก็บมาจากภูเขาลั่วอิง พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดในทันที

แม้คำพูดของไป๋จื่อจะมีเหตุมีผล แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อนาง

หลิวซื่อไม่เชื่อ

“จื่อยาโถว เจ้าอย่าพูดจาขู่ขวัญคนอื่นหน่อยเลย สัตว์ป่าดุร้ายเช่นเสือขาวตาลอยนั้น บัณฑิตอย่างใต้เท้าเมิ่งฆ่ามันได้ด้วยหรือ”

บางคนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง “นั่นสิ ใต้เท้าเมิ่งผู้นั้นดูเหมือนบัณฑิตผู้อ่อนแอ เขาช่วยเจ้าจากปากเสือมาได้ ยังฆ่ามันได้อีกหรือนี่ จะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว”

“ใต้เท้าเมิ่งไม่ใช่คนฆ่าเสือ หูเฟิงต่างหากที่เป็นคนฆ่า พวกท่านไม่เชื่อก็ไปถามหูเฟิงดูได้ อีกอย่าง แม้ใต้เท้าเมิ่งจะดูอ่อนโยนและสง่างาม แต่เขาก็เคยเรียนวรยุทธ์ องครักษ์ของเขาก็อยู่ด้วยเช่นกัน หูเฟิงกับองครักษ์จินร่วมมือกันฆ่าเสือตัวหนึ่งได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ไป๋จื่อพูดเสียงดัง

เมื่อพูดถึงหูเฟิง สองคนที่ไม่เชื่อย่อมปิดปากเงียบ เพราะทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนรู้เรื่องที่หูเฟิงเป็นวรยุทธ์ แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าแท้จริงแล้ววรยุทธ์ดีเลิศถึงระดับใด

ครั้งก่อนเขาหักแขนทั้งสองข้างของเจ้าใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต่างอะไรจากการหักกิ่งไม้บางๆ…

ไป๋จื่อมองหลิวซื่อ กล่าวคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้มว่า “หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามหูเฟิงเถิด เขาจะบอกเจ้าว่าความจริงเป็นอย่างไร”

ครั้นหลิวซื่อนึกถึงใบหน้าเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งของหูเฟิง นางก็พลันหนาวสันหลังวาบขึ้นมา ก่อนจะยิ้มเจื่อนว่า “ไม่ต้องๆ เจ้าก็พูดแล้วว่าหูเฟิงเป็นคนฆ่า ข้าไหนเลยจะไม่เชื่อ” นางก้มหน้าลงมองแตงดินถุงหนึ่งข้างๆ จ้าวหลาน พลางยิ้ม “แตงดินเหล่านี้ก็ให้ข้านำกลับไปเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าขายเอง รับรองว่าขายได้ราคาสูงอย่างรวดเร็วแน่นอน”

ทันทีที่พูดจบ นางก็ยื่นมือไปหยิบแตงดินถุงนั้น

ไป๋จื่อคว้าข้อมือของนางเอาไว้โดยพลัน แล้วออกแรงดันนางออกไป “จะทำอะไร? จะแย่งไปซึ่งๆ หน้าหรือ? เจ้าเบิกตามองหน่อยเถิด ที่นี่ไม่ใช่สกุลไป๋ของพวกเจ้า ยังมีดวงตาหลายคู่มองอยู่นะ”

สีหน้าของหลิวซื่อเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง อยากจะแสดงอารมณ์โกรธ ทว่าก็ไม่กล้าพอ “จื่อยาโถว เจ้าพูดมั่วอะไรกัน? ข้าจะแย่งไปได้อย่างไร? ข้าพูดแล้วไม่ใช่หรือ ว่าข้าจะช่วยพวกเจ้าขาย ประมาณสองสามวันก็ได้เรื่องแล้ว”

เด็กสาวโบกมือ “ไม่จำเป็น พวกข้ารับความหวังดีของเจ้าไม่ได้ เจ้าไปตากลมพักผ่อนที่ไหนก็ไปเถอะ”

จากนั้นไป๋จื่อก็ถามจ้าวหลาน “ท่านแม่ ล้างเสร็จหรือแล้วใช่หรือไม่”

จ้าวหลานพยักหน้า “ล้างเสร็จแล้ว พวกเราไปกันเถิด”

เหล่าชาวบ้านเห็นแล้วต่างก็มีสีหน้าเหยียดหยาม ใครเล่าจะไม่รู้ความคิดของพวกนาง ช่างชั่วร้ายไม่มีใครเกินเลยจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา