คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 287

ตอนที่ 287 เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ

กุ้งสุกก่อน เนื้อกุ้งที่แต่เดิมเป็นสีขาวซีดเปื้อนเขม่าฟืนเล็กน้อย เมื่อนางกำจัดเขม่าเหล่านั้นทิ้งไปแล้ว นางถึงจะยื่นกุ้งไปตรงหน้าของหูเฟิง

หูเฟิงรักความสะอาดมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้เสื้อผ้าขาดอย่างไรก็ยังรักษาความสะอาดไว้เสมอ คาดว่าเวลากินอาหารก็น่าจะรักความสะอาดเช่นเดียวกัน

ชายหนุ่มรับกุ้งที่นางส่งมาให้ ก่อนจะกล่าวเสียงอ่อนโยน “แค่เขม่าฟืนเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าไม่ต้องตั้งใจทำความสะอาดให้ข้าหรอก”

“นี่ไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ อีกเดี๋ยวอย่ากลืนไม่ลงเพราะอาหารเปื้อนเขม่าก็แล้วกัน” นางกล่าวยิ้มๆ

หูเฟิงส่ายหน้า “ไม่มีทาง” เขายิ้มจางๆ ตอบนาง จากนั้นก็ก้มหน้าลงกัดเนื้อกุ้งสีขาวนั่น ไม่ได้ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ยิ่งไม่มีน้ำมัน ทีแรกเขากังวลว่าจะกินยาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเคี้ยวไปแล้วจะได้รสชาติสดหวาน นุ่มกว่าที่เขาเคยกินก่อนหน้านี้มากทีเดียว

ครั้นหูเฟิงกินกุ้งในมือหมด เขาก็ถามไป๋จื่อ “ข้าเคยจับกุ้งได้ในแม่น้ำตรงทางเข้าหมู่บ้าน แต่ดูท่าทางแล้วจะเป็นคนละพันธุ์กัน เหตุใดตอนที่พวกข้ากินในตอนนี้ เนื้อกุ้งนั่นทั้งแข็ง ทั้งแห้ง แต่กุ้งนี่กลับสดหวานและนุ่ม แท้จริงแล้วเป็นเพราะอะไรกันแน่”

ไป๋จื่อยิ้มพลางยกกุ้งที่กำลังย่างในมือขึ้นเล็กน้อย “เหตุผลง่ายมาก พวกเจ้าจะต้องโยนกุ้งลงไปในน้ำเดือดโดยตรงเป็นแน่ เมื่อต้มมันนานๆ เข้า เนื้อกุ้งที่เดิมทีนุ่มก็จะเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง รสชาติสดหวานก็จะหายไปด้วยเช่นกัน”

ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง หูเฟิงเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ไป๋จื่อเคยพูดว่า การทำอาหารไม่ใช่ว่าขั้นตอนถูกต้องก็ใช้ได้ ยังต้องศึกษาการควบคุมไฟให้ได้ ควรลงกระทะเมื่อใด ควรผัดเมื่อใด ใส่เครื่องปรุงเมื่อใด ต้องยกหม้อขึ้นเมื่อใด สิ่งเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียด มิน่าเล่าตอนที่เขาลองทำอาหารเมื่อก่อน ถึงได้ล้มเหลวอยู่ตลอด แม้จะทำตามขั้นตอนที่ท่านพ่อสอนอย่างเคร่งครัด ทว่ารสชาติที่ได้กลับกินได้ยากเย็นนัก

เทียบกับกุ้งมังกรแล้ว เนื้อปลาจี๋ไม่ได้หอมหวานขนาดนั้น แม้เนื้อของมันจะนุ่ม แต่กลับกินยากเพราะก้างเยอะ ยิ่งไม่มีเครื่องปรุงด้วยแล้ว ทั้งยังไม่มีรสชาติสดหวานเช่นกุ้งมังกร หูเฟิงกินเข้าไปคำหนึ่งแล้วก็ไม่อยากกินอีก

เขารู้สึกเวียนหัวอย่างมาก เปลือกตาเริ่มล้า จึงนอนคว่ำลงหลับตาพักผ่อนสักครู่ ถือโอกาสนอนหลับตอนที่ฟ้ายังสว่าง เพราะเขาจำเป็นต้องตื่นเต็มที่ในเวลากลางคืน หากพบเจอสัตว์ป่าเข้า ไป๋จื่อตัวเล็กแค่นี้จะไปสู้กับมันได้อย่างไร

ดวงตะวันอบอุ่นค่อยๆ ลาลับ ร่างกายของหูเฟิงเริ่มร้อนลวกขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาส่งเสียงละเมอฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาอยู่ตลอด หลับไม่สนิท และไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงอะไรอยู่บ้าง

ไป๋จื่อเห็นว่าท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ จึงถือโอกาสตอนที่ในหุบเขายังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง ไปเก็บฟืนมาอีกกองหนึ่ง ยามราตรียาวนาน กองไฟนี้ไม่อาจดับได้เป็นอันขาด

ในศาสตร์การฝังเข็มมีวิธีการหนึ่งที่สามารถลดไข้ได้ ทว่าวิธีฝังเข็มนี้จำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยที่มีไข้สูงมากกว่าสี่สิบองศา หากผู้ป่วยใช้วิธีฝังเข็มนี้ขณะที่ไข้ต่ำกว่านั้น จะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะสูญเสียของเหลวในร่างกายอย่างฉับพลัน เช่นนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว

นางลองใช้เสื้อผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาลดอุณภูมิร่างกายของเขาแล้ว ทว่าผลลัพธ์กลับไม่ดีเท่าไรนัก เพราะไข้ยังคงขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง

“รอต่อไปไม่ได้แล้ว” นางหยิบห่อเข็มออกมาอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีปรอทวัดไข้ แต่จากประสบการณ์ของนาง ตอนนี้หูเฟิงน่าจะไข้ขึ้นสูงมากกว่าสี่สิบองศาแล้ว

เด็กสาวปลดเสื้อผ้าของเขาออก เผยให้เห็นเรือนร่างแข็งแกร่งที่สมบูรณ์แบบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเขา ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นใกล้ๆ ขนาดนี้ ใกล้ถึงขนาดที่ว่าเอื้อมมือไปก็สัมผัสได้แล้ว

ใบหน้าของหน้าแดงแจ๋ราวกับถูกไฟเผา หัวใจดวงน้อยๆ เต้นโครมครามราวกับพบเรื่องตกใจอย่างไรอย่างนั้น

นางสั่นศีรษะ “ไป๋จื่อเอ๋ย เจ้าช่างไม่รู้จักอายเสียจริง แม้บุรุษรูปงามจะอยู่ตรงหน้า ทว่าก็ป่วยไข้จนมีสภาพเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมีกะใจคิดเพ้อเจ้ออีกหรือ”

……….

ตอนที่ 288 บุรุษในใต้หล้าล้วนเหมือนกัน

นางเก็บซ่อนความคิดอย่างว่องไว อาศัยแสงจากกองไฟและแสงจันทร์ นำเข็มเงินเล่มบางส่องประกายแทงเข้าไปในร่างกายของหูเฟิง เข็มแล้วเข็มเล่า

หากร่างกายของหูเฟิงไม่แข็งแรง นางคงจะไม่ใช้วิธีการฝังเข็มนี้โดยง่าย เพราะผลลัพธ์ชัดเจน แต่ก็ใช่ว่าคนทั่วไปจะทนไหว

เข็มเงินแทงเข้าจุดฝังเข็มทั่วร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่จุดซ่างซิง[1]และไป๋ฮุ่ย[2]ลงไป ผ่านจุดเฟิงเหมิน[3]และจุดเสินถาง[4] ไปยังจุดยินเหมิน[5] เหอหยาง[6] และจินเหมิน[7]

เข็มเงินที่ฝังลงเป็นทางยาวสะท้อนแสงจันทร์และแสงจากกองไฟ ราวกับมังกรเงินตัวเล็กตัวหนึ่ง พันเกี่ยวร่างกายเปลือยเปล่าของหูเฟิงไว้

ไป๋จื่อคำนวณเวลา เมื่อผ่านไปพักหนึ่งแล้ว นางก็เริ่มดึงเข็มกลับมา

การดึงเข็มก็ต้องศึกษาเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าแค่ดึงออกมาก็ใช้ได้ ขณะจะดึงนั้น นิ้วมือต้องประคองเข็มเงินเอาไว้ เพิ่มแรงเล็กน้อย หมุนในแนวเหลี่ยมก่อนจะดึงออกมา

นี่เป็นวิธีฝังเข็มอันเป็นเอกลักษณ์ของเซวียค่งจื่อ หมอเทวดา นางขอร้องเขาอยู่ตั้งนมนาน ทั้งยังเสียสละทำอาหารให้เขาอีกสามเดือน เขาถึงจะยอมสอนวิธีนี้ให้กับนาง มันมีชื่อว่าวิธีฝังเข็มสามหยาง เป็นวิชาที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นในตระกูลเซวีย

เมื่อมาถึงรุ่นของเซวียค่งจื่อ ลูกชายของเขาไม่ยอมเรียน เขาจึงกลัวว่าวิชาฝังเข็มนี้จะไร้ผู้สืบทอด เมื่อเห็นนางอยากเรียนด้วยใจจริง ถึงได้ตกลงถ่ายทอดให้นางในที่สุด

ครั้นเก็บเข็มเสร็จแล้ว หูเฟิงก็เริ่มเหงื่อออก ใช้คำว่าเหงื่อออกดุจน้ำตกคงจะไม่เกินไป

จากนั้นนางก็เก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ข้างกองไฟจนเกือบแห้ง มาซับเหงื่อให้เขา

จนกระทั่งเหงื่อชุ่มเสื้อผ้าจนหมดสิ้นแล้ว นางก็ค่อยบิดน้ำออกเบาๆ จนในที่สุดหูเฟิงก็เหงื่อออกช้าลงบ้าง

ครั้นเพิ่งตากเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มไว้ข้างเปลวไฟ หูเฟิงก็ตื่นขึ้นมา ขณะลืมตาขึ้น เขาเห็นไป๋จื่อตากเสื้อผ้าอยู่ข้างกองไฟ ท้องฟ้ามืดสนิทโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยามใด และไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองหลับไปนานแค่ไหน แต่เขาไม่ได้ปวดศีรษะมากเหมือนตอนแรกแล้ว รู้สึกสบายตัวขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว

เขาลุกขึ้นนั่งบนพื้น ทำให้เสื้อผ้าที่คลุมร่างอยู่ร่วงหล่น คราวนี้เขาถึงจะพบว่าแท้จริงแล้วตนเองเปลือยกายนอนอยู่ที่นี่

ทันทีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ไป๋จื่อก็หันกลับไป นางเห็นเสื้อผ้าบนตัวของหูเฟิงไหลลงมาพอดี เนื้อกายที่สมบูรณ์แบบนั้นก็ปรากฏแก่สายตาของนางอีกครั้ง

นางหันกลับไปอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวพร้อมใบหน้าแดงเถือก “รีบใส่เสื้อผ้าเร็ว จะได้ไม่เป็นหวัดเอา”

เขินหรือนี่ เหมือนตอนที่นางเห็นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องไม่มีผิด

ชายหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ทั้งเสื้อและ…กางเกงของเขา…เด็กสาวคนนี้นี่ เหตุใดถึงต้องถอดกางเกงออกด้วย

หูเฟิงมองแผ่นหลังของนาง ก่อนจะกล่าวคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม “เจ้าก็รู้จักเขินเหมือนกันหรือ ในเมื่อเขิน แล้วเหตุใดต้องถอดเสื้อผ้าของข้าออกด้วยเล่า”

ไป๋จื่อกระเอมเสียงเบา ไม่ได้หันกลับไปมอง “เจ้าคิดว่าข้าอยากทำหรือ หากไม่ใช่เพราะว่าข้าเห็นเจ้ามีไข้สูงไม่ยอมลด เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายให้เจ้า ข้าก็คงไม่ถอดเสื้อผ้าของเต้าออกหรอก พูดเหมือนกับใครๆ ก็อยากเห็นเจ้าเปลือยกายอย่างนั้นแหละ”

“โอ้? ไม่อยากเห็นหรือ” หูเฟิงเม้มปากยิ้ม

เด็กสาวรีบพูดเสียงดัง “แน่นอนว่าไม่อยากเห็น แล้วก็ไม่เห็นจะน่ามองอะไร บุรุษในใต้หล้าล้วนเหมือนกัน เจ้าไม่ได้มีอะไรงอกเพิ่มจนแตกต่างกับบุรุษคนอื่นเสียหน่อย”

นางเคยเห็นบุรุษเปลือยร่างบนเตียงผ่าตัดไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนมีรูปร่างแตกต่างกันไป แต่นางกลับไม่เคยเห็นร่างกายที่ทำให้ใจเต้นเร็วเหมือนในตอนนี้มาก่อนเลย

แววตาของหูเฟิงหม่นหมองไปเล็กน้อย มือที่กำลังจับผ้าผูกเอวพลันชะงัก “นอกจากข้าแล้ว เจ้าเคยเห็นผู้อื่นเปลือยกายมาก่อนหรือ”

ไป๋จื่อหันกลับไป บนใบหน้าเจือ ‘แววขบขัน’ “แน่นอน…” หลังจากมองเห็นความไม่พอใจบนใบหน้าของอีกฝ่ายแล้ว นางก็พลันลากเสียงยาว ก่อนจะกล่าวต่อว่า “…ว่าไม่เคย ฮ่าๆ…ไม่เคยอยู่แล้ว!”

[1] จุดซ่างซิง (上星) อยู่บนเส้นกึ่งกลางศีรษะ อยู่เหนือชายบริเวณขอบหน้าผาก

[2] จุดไป๋ฮุ่ย (百会) อยู่ตรงกลางศีรษะ โดยใช้นิ้วลากจากยอดใบหูทั้งสองข้าง บรรจบกันตรงกลางศีรษะพอดี

[3] จุดเฟิงเหมิน (风门) อยู่ระนาบเดียวกับกระดูสะบัก

[4] จุดเสินถาง (神堂) อยู่บริเวณหลัง ห่างจากขอบล่างของกระดูกสันหลังอกที่หน้า ตามแนวราบประมาณสามนิ้ว

[5] จุดยินเหมิน (殷门) อยู่บนบริเวณต้นขาด้านหลัง ข้างใต้รอยพับของก้นประมาณหกนิ้ว

[6] จุดเหอหยาง (合阳) อยู่บริเวณน่อง ใต้รอยพับเข่าสองนิ้ว ระหว่างส่วนหัวเข่าส่วนหัวทั้งสองข้างของกล้ามเนื้อน่อง

[7] จุดจินเหมิน (金门) อยู่บริเวณเท้าด้านนอก จากขอบหน้าของตาตุ่มนอกลงไป และอยู่หลังจาก tuberosity ของกระดูกฝ่าเท้าที่ห้า ตรงรอยบุ๋มใต้กระดูก cuboid

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา