คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 301

ตอนที่ 301 ไม่ใช่เลือดของนาง

มนุษย์กลายเป็นเจ้าโลกได้ ไม่ใช่เพราะสมองของมนุษย์มีวิวัฒนาการ

เหตุผลที่มากกว่านั้นคือความกล้าหาญของมนุษย์ ไปจนถึงสติปัญญาที่สามารถพัฒนาไปได้อย่างไร้ขอบเขต ถึงได้แปรเปลี่ยนไปตามกระแสน้ำของประวัติศาสตร์ไม่ยอมหยุด วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็เอาชนะสัตว์ทุกชนิดบนโลก กลายเป็นเจ้าโลกที่แข็งแกร่งที่สุด

นางเป็นมนุษย์ จึงไม่ควรหวาดกลัวสัตว์ป่าที่ไม่ได้มีวิวัฒนาการอะไรพวกนี้ ฝ่ายที่ควรจะหวาดกลัวคือพวกมันถึงจะถูกต้อง

ไป๋จื่อกำมีดผ่าตัด สายตาจับต้องไปที่เสือตาลอยดุร้ายตัวนั้น ก่อนจะสังเกตทุกการกระทำของมันอย่างละเอียด เพื่อเสาะหาร่องรอยที่สามารถโจมตีจนมันถึงชีวิตได้ในครั้งเดียว ผ่านพฤติกรรมอันป่าเถื่อนของมัน

อาจจะเป็นเพราะนางจิตใจจดจ่อเป็นอย่างยิ่ง จึงลืมไปว่าตนเองหวาดกลัว หรือหวาดหวั่นเพียงใด

และอาจจะเป็นเพราะนางเอาชนะความกลัวใจจิตใจได้แล้ว จึงคิดจะลองสู้กันมันสักตั้ง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ นางล้วนไม่อาจเสียเกียรติของมนุษย์คนหนึ่งได้

เสือไม่ได้รีบร้อนเข้าจู่โจม เพียงยืนห่างออกไปไม่ไกล มันอ้าปากพลางวาดกรงเล็บใส่ไป๋จื่อ ทั้งยังคำรามออกมาเป็นระลอก

ไป๋จื่อคำนวณความสำเร็จทางด้านกลยุทธ์ของตนเองแล้ว คนและสัตว์ล้วนมีสัญชาตญาณดิบ รังแกอ่อนกลัวแข็ง ถ้าหากแสดงตัวว่าต้อยต่ำ หรือแม้กระทั่งหวาดกลัวมันเท่าไร มันก็จะยิ่งกำเริบและดุร้ายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

หากแสดงออกว่าตนเองใจเย็นและไม่หวั่นเกรงมัน มันกลับจะไม่กล้าจู่โจมง่ายๆ

ทว่าไม่จู่โจมง่ายๆ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่จู่โจม

เสือตาลอยไม่ได้มีความอดทนเท่ามนุษย์อย่างเห็นได้ชัด มันคล้ายกับหิวแล้ว มองอาหารกลางวันอันเลิศรสตรงหน้า ไม่อยากรออีกต่อไป

ไป๋จื่อเห็นเสือห้อตะบึงเข้ามา ทว่านางยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ จนกระทั่งมันกระโจนตัวใส่นางแล้ว ร่างกายของนางถึงจะเริ่มเอนลงไปทางด้านหลัง ขณะเดียวกันก็ยกแขนขึ้นแทงมีดผ่าตัดใส่คอของมันอย่างแม่นยำ

นางมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงจำเป็นต้องจู่โจมให้ถูกจุด ไม่เช่นนั้นวันนี้นางคงไม่รอดพ้นจากปากเสือได้อย่างแน่นอน

ความรู้สึกที่มีดคมๆ ทะลุเนื้อหนังนี้ นางช่างคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง เลือดสดอุ่นๆ สาดกระเซ็นเต็มศีรษะและใบหน้าของนาง เสือที่กระโจนตัวอยู่กลางอากาศร่วงลงโดยพลัน กระแทกใส่ตัวนางพอดิบพอดี เสือตัวใหญ่ที่หนักอย่างน้อยสองถึงสามร้อยชั่งกระแทกใส่เช่นนี้ เกือบจะทำให้กระดูกทั่วร่างกายเล็กจ้อยนี้ของนางแยกออกจากกันเลยทีเดียว

ที่โชคร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ เสือยังไม่ตาย มันยังคงต่อสู้กับความตาย คิดจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งไม่ยอมหยุด แต่กลับล้มเหลวเสียทุกครั้งไป ร่างกายยักษ์ใหญ่ของมันได้แต่ล้มลงเบื้องหน้า ทุกครั้งล้วนกระแทกร่างกายของไป๋จื่อ กระแทกจนนางตาลายเวียนศีรษะ ขนและหนังส่งกลิ่นเหม็นของมันโชยเข้าจมูกนาง กลิ่นนี้…ชาตินี้นางไม่ขอสัมผัสอีกเป็นครั้งที่สอง

ขณะที่นางกำลังคิดว่าแม้จะฆ่าเสือได้แล้ว แต่ก็ต้องถูกมันที่ใกล้จะตายบดขยี้ไปด้วย อาอู่ก็พลันปรากฏตัว เขามองเห็นมีดดาบอยู่บนพื้น และมือโชกเลือดที่กำลังพยายามดันเสือออกอยู่ใต้ร่างของมัน

อาอู่รู้สึกหวั่นใจในทันที เขาร้องตะโกนด้วยความโมโห พร้อมกันนั้นก็พุ่งเข้าไปเตะเสือ จนมันพลิกตัวไปอยู่ด้านข้าง

เขารีบประคองไป๋จื่อที่มีเลือดเปื้อนเต็มหน้าขึ้นมา “แม่นางไป๋ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”

ไป๋จื่อหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่ได้หายใจเต็มปอดช่างดีเหลือเกิน นางยกมือขึ้นโบก “มะ ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร”

อาอู่มองเลือดเต็มหน้า เต็มศีรษะของนาง เขาร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา “เจ้ายังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก เลือดออกมากขนาดนี้ ไป ข้าจะแบกเจ้ากลับไปหาหมอ”

เด็กสาวคว้ามือของอาอู่ไว้ พลางยิ้มกล่าว “ข้าไม่เป็นไรจริงๆ นี่ไม่ใช่เลือดของข้า”

อีกฝ่ายพลันตะลึงงัน ไม่ใช่เลือดของนาง เลือดเต็มหน้า เต็มตัวนี้ไม่ใช่ของนาง เช่นนั้นแล้วเป็นของใคร

……….

“เช่นนั้นก็ดียิ่ง ข้ากำลังเป็นกังวลอยู่เลย ป่าเขากว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ข้าเอาแต่ควานหาไปโดยไม่มีความรู้เช่นนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาอะไรเจอเมื่อใด” เด็กสาวดีใจยิ่งนัก

“แล้วจะทำอย่างไรกับมันดี” อาอู่ชี้ไปยังเสือไร้ลมหายใจที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

“ปล่อยมันไว้ตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวหาลิ่นเจอแล้ว พวกเราค่อยนำมากลับไป” ไป๋จื่อพูด

อาอู่ขมวดคิ้ว “แค่เราสองคนเนี่ยนะ?” เสือตัวนี้หนักมากกว่าสามร้อยชั่งแน่นอน จากภูเขาลั่วอิงไปถึงหมู่บ้านหวงถัว ไม่ใช่ระยะทางเพียงแค่ก้าวสองก้าว อีกทั้งพวกเขายังต้องแบกลิ่นอีก แล้วจะนำเจ้าเสือนี้กลับไปด้วยได้อย่างไร

ไป๋จื่อยิ้มกล่าว “ท่านนี่นะ แม้แต่ท่านยังมาตามหาข้า แล้วท่านแม่กับท่านลุงหูจะไม่มาหรือ หากมีคนเพิ่มขึ้นมา ลองคิดหาวิธีดูย่อมนำกลับไปได้เจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น อาอู่พลันเข้าใจแจ่มแจ้ง ก่อนจะเกาศีรษะ “จริงของเจ้า ข้าสมองทึบนัก ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”

“เอาล่ะ รีบไปหาลิ่นเถอะเจ้าค่ะ หากหูเฟิงตื่นแล้วจะต้องปวดหัวมากแน่ๆ พวกเราต้องรีบหายาให้ครบ เขาจะได้หายเร็วๆ”

อาอู่พยักหน้า “ทั่วไปแล้วลิ่นจะอาศัยอยู่ในหลุมที่มันขุดเอง ชอบอยู่บริเวณที่ชื้นแฉะ และพวกมันรักความสะอาดมาก พวกลิ่นจะปล่อยของเสียไว้ข้างนอกหลุมของตัวเอง เหมือนแมวและสุนัขที่เลี้ยงไว้ในบ้าน ที่จะขุดหลุมเล็กๆ เอาไว้ เวลาออกมาแล้วจะได้ไม่เหยียบถูกมูลของตัวเองเข้า”

ไป๋จื่อตาเป็นประกาย แล้วชี้ไปยังเนินเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล “ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านว่าจะเป็นตรงนั้นหรือไม่”

เขามองตามที่นางชี้ เห็นเนินเล็กๆ ที่สูงเท่าครึ่งตัวคน ข้างใต้เนินมีพุ่มไม้ขึ้นปกคลุมอยู่ หากมองให้ดีๆ ก็จะเห็นว่ามีหลุมหนึ่งอยู่ด้านหลังพุ่มไม้ ทั้งสี่ทิศนอกหลุมมีหลุมดินขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่ด้วย บนนั้นปิดไว้ด้วยดินใหม่จำนวนหนึ่ง จนมีลักษณะเหมือนโพรงดินแห่งหนึ่ง เหมือนกับตอนที่เขาเคยจับลิ่นได้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

อาอู่ยิ้ม “ดูท่าทางพวกเราจะโชคดีไม่น้อย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา