ตอนที่ 599 ไม่มียาใดรักษาได้ / ตอนที่ 600 ตงฟาง? – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
ตอนนี้ของ คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนางเอกเก่งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 599 ไม่มียาใดรักษาได้ / ตอนที่ 600 ตงฟาง? จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 599 ไม่มียาใดรักษาได้
ตอนนี้ชุ่ยเอ๋อร์ลนลานมาก หากต้องรอหมอมาถึง ก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อใด ในเมื่อคนผู้นี้บอกว่าจะจับเพียงชีพจร เช่นนั้นก็ให้เขาทำเถอะ ฮูหยินไม่มีทางเป็นอะไรเช่นที่เขาพูด เขาอาจจะเป็นหมอจริงๆ ก็ได้
ชุ่ยเอ๋อร์พยักหน้า ไป๋จื่อรีบก้าวเข้าไปจับชีพจรของฮูหยินผู้นั้นดู ยิ่งฟังชีพจรนานเท่าไร นางก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นเท่านั้น
เมื่อนางชักมือกลับ ชุ่ยเอ๋อร์ก็ถามทันที “เป็นอย่างไรบ้าง”
“ดูท่าทางฮูหยินจะป่วยมานานแล้ว” ไป๋จื่อกล่าว
ชุ่ยเอ๋อร์พลันพยักหน้า “นางป่วยมานานแล้วจริงๆ เหตุใดนางถึงเป็นลมสลบไปเช่นนี้”
ไป๋จื่อถอนใจเสียงหนึ่ง “ชีพจรของนางแปลกมาก เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า ผิดปกติยิ่งนัก เลือดลมขาดห้วงอย่างหนัก ดูแล้วแม้จะเหมือนอาการป่วย แต่ความจริงแล้วนางไม่ได้ป่วยจริงๆ”
“เจ้าพูดให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่” ชุ่ยเอ๋อร์ไม่เข้าใจ
“อาการของนางไม่ได้เกิดจากโรค แต่ภายในร่างกายมีบางอย่างที่ไม่ควรมี ทีแรกดูเหมือนอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เมื่อเวลานานวันเข้า มันก็จะกลายเป็นโรคร้าย แม้กระทั่งเป็นโรคร้ายที่ไม่มียาใดรักษาได้” ไป๋จื่อกล่าว
ชุ่ยเอ๋อร์ตาแดง เอ่ยเสียงสะอื้น “เจ้าหมายความว่า โรคที่ฮูหยินของข้าเป็น ไม่มียาใดรักษาได้เช่นนั้นหรือ”
“คาดว่าเป็นเช่นนั้น” หากใช้ยาธรรมดาสามัญ ก็ย่อมเป็นโรคที่ไม่มียาใดรักษาได้ รักษาไม่หายขาดโดยสิ้นเชิง
แต่หากมี ‘เพนิซิลิน’ ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปแน่
ทว่านางไม่มียาชนิดนี้ในตอนนี้ ในล่วมยาของนางก็ไม่มีเช่นกัน มีเพียงหมออายุรกรรมเท่านั้นถึงจะใช้ยาชนิดนี้ได้ หากนางอยู่ที่โรงพยาบาลหมิงซิง อยากใช้ยาชนิดนี้ย่อมเป็นเรื่องง่าย แต่ตอนนี้…นางทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
นางหยิบเข็มสองเล่มออกมาจากในอกเสื้อ
“เจ้าจะทำอะไร” ชุ่ยเอ๋อร์ถาม
ไป๋จื่อยิ้มจาง “นางเพียงแค่สลบไปเท่านั้น ข้าจะฝังเข็มให้นางเข็มหนึ่ง เดี๋ยวนางก็จะฟื้นขึ้นมาได้”
“จริงหรือ เพียงเข็มเดียวก็ฟื้นแล้วหรือ” ชุ่ยเอ๋อร์รู้สึกลังเลอยู่บ้างว่าควรให้เขาฝังเข็มหรือไม่
“พวกท่านล้วนเป็นคนดี เมื่อครู่ข้าได้รับความเมตตาจากพวกท่าน แล้วข้าจะทำร้ายพวกท่านได้อย่างไร อีกอย่างหากข้าไม่ใช่หมอ ข้าคงไม่พกเข็มติดตัวมาด้วยกระมัง” ไป๋จื่อยังคงยิ้มดังเดิม
ชุ่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าเขาพูดมีเหตุผล บวกกับนางเองในตอนนี้ก็หมดหนทางแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ฮูหยินเป็นลมสลบไป ก็ล้วนอยู่แต่ในจวน ยังไม่เคยสลบไสลอยู่ข้างนอกเช่นนี้มาก่อน ทำเอานางตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ครั้นเห็นชุ่ยเอ๋อร์ตกลง ไป๋จื่อถึงจะฝังเข็มลงที่จุดไป๋ฮุ่ยของฮูหยินผู้นั้น ผ่านไปไม่กี่ชั่วอึดใจ นางก็ถอนเข็มออกมาอย่างรวดเร็ว
เป็นเช่นที่ไป๋จื่อว่า เมื่อถอนเข็มออก ฮูหยินก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว
ไป๋จื่อมองดวงตาของนาง ดวงตาที่เหมือนกับตนเองไม่มีผิดเพี้ยน “ฮูหยิน ตอนนี้ท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง”
เงาร่างที่เลือนรางตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ฮูหยินมองใบหน้าที่ไม่คุ้นตา กับดวงตาที่คุ้นชิน ยามมองดวงตาคู่นี้ นางคล้ายกับได้ส่องกระจก เพราะดวงตาคู่นี้เหมือนกับดวงตาของนางอย่างกับแกะ
“เจ้าเป็นใคร” นางถาม
ชุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่จข้างกายรีบกล่าวว่า “ฮูหยิน เขาเป็นหมอเจ้าค่ะ เมื่อครู่ท่านสลบไป เขาจึงจับชีพจรให้ท่าน แล้วก็ฝังเข็มให้ท่านด้วย”
ฮูหยินไม่สนใจชุ่ยเอ๋อร์ นางถามไป๋จื่ออีกครั้งว่า “เจ้าเป็นใคร”
ไป๋จื่อยิ้มจาง “ข้าแซ่ไป๋ ลี้ภัยมาถึงที่นี่ วันนี้เพิ่งมาถึง”
“ลี้ภัย?” คราวนี้ตงฟางหว่านเอ๋อร์ถึงได้สังเกตเสื้อผ้าบนตัวเขา มันทั้งเก่า ขาด เลอะเทอะ และไม่พอดีตัว
นางถามอีกว่า “บ้านเจ้าอยู่ที่ใด ปีนี้อายุเท่าไรแล้ว ครอบครัวของเจ้าเล่า”
ไป๋จื่อถอนใจยาว ไม่ได้พูดอะไรต่อ นางเปลี่ยนประเด็นว่า “ตอนนี้ข้ามีเงินแล้ว ไปเถอะ พวกเราไปพักที่โรงเตี๊ยมดีกว่า ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งหลายวันแล้ว อีกทั้งไม่ได้นอนหลับให้สบายใจอีกต่างหาก แม้กระทั่งต้องกินข้าวให้อิ่มสักมื้อถึงจะใช้ได้”
พวกเขาพบโรงเตี๊ยมที่ดูซอมซ่อแห่งหนึ่งในเมือง แต่ถึงอย่างไรมันก็มีราคาถูก พวกเขามีเงินเพียงสิบตำลึงเงินเท่านั้น จึงไม่กล้าใช้เงินมือเติบ ประหยัดได้ก็ประหยัดไว้ก่อน
…
ภูเขาฉีอวิ๋น
หลังจากตงฟางหว่านเอ๋อร์กลับมา นางก็ตรงกับไปพักผ่อนที่เรือน ตงฟางมู่เห็นสีหน้านี้ของบุตรีแล้ว เขาก็พลันรู้สึกไม่สบายใจอยากมาก รีบนำตัวชุ่ยเอ๋อร์มาสอบถาม “นางเป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าย่ำแย่ถึงเพียงนั้น”
ชุ่ยเอ๋อร์ตาแดงอีกครั้ง และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนให้เขาฟังเสียรอบหนึ่ง
ตงฟางมู่ได้ยินที่นางเล่าแล้ว ก็พลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ถามว่า “เจ้าบอกว่าหมอหนุ่มพูดว่าอะไรนะ เจ้าพูดอีกรอบสิ พูดให้ละเอียด”
“หมอหนุ่มบอกว่าอาการของฮูหยินไม่ได้เกิดจากโรค แต่เพราะภายในร่างกายมีบางอย่างที่ไม่ควรมี ทีแรกมันอาจจะดูเหมือนอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่หากนานวันไป มันจะกลายเป็นโรคร้ายที่ไม่มีแม้กระทั่งยาใดจะรักษาได้เจ้าค่ะ” ชุ่ยเอ๋อร์กล่าว
“อาการของฮูหยินไม่ได้เกิดจากรโรค แต่เพราะภายในร่างกายมีบางอย่างที่ไม่ควรมี” ตงฟางมู่พึมพำกับตนเอง
บางอย่างที่ไม่ควรมี มันคืออะไรกัน
หรือที่หว่านเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอมาโดยตลอดในหลายปีมานี้ ไม่ใช่เพราะนางป่วย แต่เป็นเพราะเหตุผลอื่นเช่นนั้นหรือ
สีหน้าของตงฟางมู่พลันดำคล้ำ มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังกำเป็นหมัด หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผยชิงหานจริง หมัดนี้จะต้องกระแทกถูกเลือดเนื้อของเผยชิงหานอย่างแน่นอน
ตงฟางมู่ถามอีก “หมอหนุ่มผู้นั้นยังอยู่ในเมืองหรือไม่”
ชุ่ยเอ๋อร์ส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ พวกเขาลี้ภัยมา ฮูหยินเห็นว่าพวกเขาน่าสงสาร จึงมอบเงินให้พวกเขาไปด้วยสิบตำลึงเงิน หมายช่วยให้พวกเขาได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้กลับบ้านไปแล้วหรือยังเจ้าค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...