เซียวเหยาที่เห็นรายชื่อนั้นก็รีบเอ่ยท้วงอย่างไว “ฉันไม่ได้บล็อกเธอนะ”
ทว่าสายตาของแฟนสาวเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ “ถ้านายไม่ได้ทำ แล้วใครมันทำล่ะ?”
พอเห็นสถานการณ์ไม่ดี สองมือหนาก็ยกชูแสดงความบริสุทธิ์ใจ “สาบานเลย ฉันไม่เคยทำแบบนั้น”
สายตากรีดแทงยังคงมีให้คนเป็นแฟนหนุ่ม แถมยังไม่ปักใจเชื่อในคำพูดนั้นอีกต่างหาก
“ผมพิสูจน์ได้ว่าเหยาไม่ได้ทำ” พลันใครอีกคนในกลุ่มก็เอ่ยขึ้น
เสี่ยวเซียวจึงหันกลับไปมองหนุ่มหน้าสวยคนนั้น
“คุณจะพิสูจน์ยังไง?” นัยน์ตากลมหรี่มองอย่างจับผิดอีกครั้ง พร้อมไฟโกรธที่พยายามควบคุมไม่ให้หลุดออกมา
ชายคนนั้นมองไปที่เซียวเหยาเชิงไม่กล้าพูด
แต่เสี่ยวเซียวก็หันไปใช้สายตาคุมเซียวเหยาไว้ ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มเมื่อครู่ “พูดเลย พูดให้หมดว่าคุณรู้อะไร”
เขาเลิกลักลังเลอยู่พัก ไม่นานก็ค่อย ๆ เอ่ยออกมา “อันที่จริงแล้ว…มันเป็นฝีมือของผู้หญิงที่เหยาพามากินข้าวกับพวกเรา”
ลู เซียวเหยาผู้ไม่รู้ตัวคนร้ายก็อยากรู้ความจริงเช่นกัน จึงปล่อยให้เพื่อนของตนเล่าต่อไป
แต่พอเพื่อนเล่ามาถึงตรงนี้ ใบหน้าหล่อของเขาก็ถอดสีทันที
‘เดี๋ยว จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง!’
‘ต้องเพราะเมาแน่ ๆ!’
‘ผมกินข้าวกับไอ้พวกนี้…แล้วก็พาผู้หญิงมาด้วย?!’
พลันสายตาอาฆาตของแฟนสาวก็จ้องเขม็งไปที่แฟนหนุ่มของตัวเอง ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มตาหวานมาให้ “ลู เซียวเหยา อย่าบอกนะว่ายัยนั่นคือ ซู ซินเล่ย”
เมื่อเห็นรอยแสยะยิ้มนั่น เซียวเหยาก็ทำได้เพียงหัวเราะฝืดพลางเอ่ยเสียงเบาหวิว “ใช่ ซู ซินเล่ยนั่นแหละ”
“ลู เซียวเหยา!” เสี่ยวเซียวตวาดลั่น
โชคดีที่เสียงในบาร์นั้นดังมากพอไม่ทำให้พวกเขาเป็นจุดเด่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่รักสายฟ้าแลบ: เจ้าสาว ของ คุณ พอจะเป็น ฉันได้ไหม