“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีส่วนผิดหรอกนะ”
นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ จี ยินเฟงจะวางสาย และโรลชูวเองก็กดวางสายเช่นกัน เพราะไม่ต้องการต่อความยาวอะไรอีก
ความจริงแล้ว ตอนที่ได้ยินว่า หนิง เฉียวเฉียวหายตัวไป ความคิดแรกที่แวบเข้ามาให้หัวก็คือเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับ กู โรลโรลเป็นแน่ และตอนนี้เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นอย่างที่ตนคิดไว้จริง ๆ
และมันหมายความว่า กู โรลโรลลักพาตัวหนิง เฉียวเฉียว แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้เธอ เพื่อให้ จี ยินเฟงกับตระกูลของเขาเพ่งเล็งมาที่เธอด้วย
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวสินะ กู โรลโรล
แต่ดูเหมือนว่า กู โรลโรลจะคำนวณพลาดไปนิด ทัง โรลชูวไม่ใช่คนโง่ คิดว่าเธอจะมองละครปาหี่นี่ไม่ออกเหรอ?
ถ้าให้พูดตรง ๆ การหายตัวไปของหนิง เฉียวเฉียว แทบจะไม่ใช่ธุระกงการอะไรของโรลชูวเลยสักนิด แต่พอมารู้ว่าตัวบงการเป็นกู โรลโรล จะไม่ให้ยุ่งคงไม่ได้เสียแล้ว
โรลชูวถอยหายใจเหนื่อยหน่าย ว่าง ๆ คงต้องไปบอกหลวงพ่อที่วัดพรมน้ำมนต์ไล่ผีออกให้บ้างแล้วล่ะ
…
พอตกเย็น ในระหว่างที่ ทัง โรลชูวกำลังทานข้าวเย็นกับลู ชินจิน ป้าวูก็วิ่งพุ่งเข้ามาในห้องทานข้าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“นายน้อย นายหญิง มีตำรวจมาค่ะ”
ตำรวจงั้นเหรอ?
คู่รักต่างหันมองหน้ากัน พลางวางตะเกือบลงกับชามข้าว แล้วเดินออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก
เมื่อก้าวออกมาจากห้องทานข้าว สองหนุ่มสาวก็พบเข้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจสิบกว่านายยืนรออยู่ สารวัตรหันมาสบตาคนทั้งคู่พร้อมกับแสดงตราสัญลักษณ์ตำรวจให้โรลชูวและชินจินดู “ผมต้องขอโทษที่รบกวนเวลาของพวกคุณนะครับ ผมชื่อ ซู เหมิงจากหน่วยสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ผมมาเพื่อขอความร่วมมือสอบถามคุณทัง โรลชูว เกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของหนิง เฉียวเฉียวครับ”
เป็นอย่างที่คิด เรื่องหนิง เฉียวเฉียวจริง ๆ ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่รักสายฟ้าแลบ: เจ้าสาว ของ คุณ พอจะเป็น ฉันได้ไหม