หลังจากล้มป่วยยูลก็คิดถึงตัวเองในอดีตบ่อย ๆ
ในเวลานั้นเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ ! ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุถึงสี่สิบห้าปีแล้ว แต่เขาก็ยังอยากเป็นเหมือนชายหนุ่มในวัยสามสิบปี
ในความเป็นจริง… ร่างกายของเขาในเวลานั้นมีรูปร่างที่ดีกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกันอันเนื่องมาจากการเลี้ยงดูที่ดี ถึงแม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในการแบกโลงศพ แต่เขาก็ทำได้สำเร็จ!
ในเวลานี้ช่วงเวลาที่แข็งแรงสุด ๆ ของเขาได้กลับมาแล้ว!
ยูลนั่งบนเก้าอี้แล้วปล่อยโฮออกมาทันที!
เขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นของขวัญจากพระเจ้า! ตอนที่เขาป่วยหนักนั้น เขาหวังเพียงให้ตัวเองมีชีวิตรอด เขาไม่เคยคิดที่จะกลับมามีความแข็งแรงสุด ๆ แบบนี้ได้อีกในชีวิตนี้!
แต่ตอนนี้เรื่องราวมหัศจรรย์กำลังเกิดขึ้นกับเขา!
ในขณะนี้ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับร่างกายของยูลเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาราเชลและควินน์ด้วย!
พวกเขามองเห็นใบหน้าที่ดูดซีดเซียวของยูลเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เบ้าตาที่กลวงโบ๋และรอยคล้ำรอบดวงตาที่มักเกิดกับผู้ป่วยระยะสุดท้ายก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว ผมขาว ๆ ของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็วเช่นกัน! แม้แต่รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็ดูเหมือนจะเรียบเนียนขึ้นด้วยเตารีดลดอายุที่มองไม่เห็น!
เอ้ย! มีคนเห็นอะไรไหม? มีคนเห็นเวลาย้อนกลับ!
ราเชลเอามือปิดปากด้วยความตกใจ เธอจ้องมองไปที่เขา หลังจากหลั่งน้ำตาแห่งความโศกเศร้าไปมากมาย ตอนนี้ดวงตาที่สวยงามของเธอก็หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจเป็นครั้งแรก
เช่นเดียวกับควินน์ เธอก็หลั่งน้ำตาออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่เธอไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะกลัวว่าปาฏิหาริย์จะสะดุดหยุดลง
ในช่วงที่พ่อของเธอป่วยอยู่นั้น เธอแอบบนบานเทพเจ้าทุกองค์ในโลกที่เธอรู้จัก เธอภาวนาให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและดวงวิญญาณได้เปิดเผยตัวตนออกมา
แต่ทุกครั้งที่เธออธิษฐานก็ได้รับแต่ความผิดหวังจนถึงขั้นสิ้นหวังด้วยซ้ำไป
ใครจะไปคิดว่าเทพเจ้าก็ไม่สามารถรักษาพ่อของเธอได้ แต่กลับเป็นชาร์ลี… คู่หมั้นของเธอที่หายตัวไปกว่าสิบปี คนที่เธอวิ่งไล่ตามตอนเด็ก ๆ… ได้มาสร้างปาฏิหาริย์สุดยิ่งใหญ่ให้กับพ่อของเธอ!
ร่างกายของยูลยังคงย้อนเวลากลับไปไม่หยุด
ในขณะนั้นร่างกายของเขาได้ย้อนกลับไปจนถึงช่วงสี่สิบปีแล้ว
ในปีนั้นเขาได้ยินคนอื่น ๆ พูดว่ามีคนในประเทศอาร์เจนตินาได้พบกับชายหนุ่มชาวออสเกียน ซึ่งทำงานเป็นมัคคุเทศก์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวออสเกียนในบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินาและหาเลี้ยงชีพอยู่ที่นั่น เขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนพี่ชายของเพื่อนที่ดีที่สุดของยูล
เมื่อยูลรู้ข่าวนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เขาจองตั๋วเครื่องบินไปอาร์เจนตินาทันที
อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลจากออสเกียมากที่สุด
ไม่ว่าจะออกเดินทางจากทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก คนคนนั้นก็ต้องเดินทางในเส้นทางตรงเป็นระยะทางอย่างน้อย ๆ 20,000 กิโลเมตรกว่าจะไปถึง
ไม่มีเครื่องบินลำไหนที่สามารถบินต่อเนื่องเป็นระยะทาง 20,000 กิโลเมตรได้ ดังนั้นจึงไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังบัวโนสไอเรส
ในเวลานั้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของยูลบินได้อย่างมากก็ไม่เกินแปดพันกิโลเมตร
แต่ด้วยความที่อยากจะตามหาชาร์ลี เขาก็ออกเดินทางอย่างไม่ลังเลในคืนนั้น
เครื่องบินออกเดินทางจากอีสต์คลิฟฟ์ แล้วต้องหยุดเติมน้ำมันเมื่อบินมาได้ครึ่งทาง หลังจากบินมาถึงดัลลัสแล้ว ก็ต้องเติมน้ำมันอีกครั้งก่อนจะบินตรงไปยังบัวโนสไอเรส
การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาประมาณสามสิบชั่วโมง
ตลอดเวลาสามสิบชั่วโมงนี้ ยูลไม่ได้หลับตาสักนิดเดียว
เขาคิดว่าเขาค้นพบที่อยู่ของชาร์ลีแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย
นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่เครื่องบินจะเริ่มออกเดินทางนั้น เขาไม่ได้พักผ่อนนานกว่าสิบชั่วโมงด้วย เขาบังคับตัวเองให้ลืมตาตื่นอยู่เป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าในเวลานั้นเลย
ในที่สุดเขาก็พบชายหนุ่มที่ดูเหมือนพ่อของชาร์ลี เขาสอบถามและยืนยันว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ชาร์ลีคนที่เขากำลังตามหาอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปกว่าสิบห้าชั่วโมงหลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
ก็กลายเป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกเศร้าใจและหมดแรง
และตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาได้ย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลานั้นแล้ว…
โลกทัศน์ที่ยาวนานนับสิบปีของเขาถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงในชั่วพริบตา
เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าชาร์ลีให้ยาวิเศษอะไรกับเขา? ใช่แอปเปิลทองคำของเทพีวีนัสในตำนานหรือเปล่านะ? ถ้าไม่ใช่… แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องน่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้ล่ะ?
ในเวลานี้ยูลซึ่งมีอายุน้อยลงอย่างน้อย ๆ สิบปีก็ได้ร้องไห้สะอึกอื้นอยู่เงียบ ๆ…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ