มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1263

หลังจากที่เจียงชิงเย่ว์ที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเดินเกมส์ระดับสูงสุดเช่นนี้อันตรายเกินไป

ฉีเติ่งเสียนกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจใดๆที่ได้ยินเช่นนั้น ถ้าหากตะกูลฉีมาที่จิงเต่าเพื่อการนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังมีความประนีประนอมกับผู้อื่น

“ถ้างั้นมีเงื่อนไขอะไรบ้างล่ะ?” ฉีเติ่งสียนเอ่ยถามเสียงเรียบ

ฉีหยุนเฟิงก้มศีรษะหัวเราะแล้วตอบกลับ "พวกเรามีข้อตกลงกับทางตระกูลจ้าวว่า ถ้าหากเราได้การควบคุมของตระกูลเหอมาอยู่ในมือแล้ว เราจะเข้าร่วมกับคาสิโนด้วย และถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็ได้ควบคุมธุรกิจการพนันเกือบทั้งหมดในจิงเต่ามาอยู่ในมือไปโดยปริยาย”

คาสิโนที่ตระกูลเย่เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างนั้นได้ดึงดูดคาสิโนขนาดใหญ่มาไม่น้อย แต่ตระกูลเหอกลับไม่ยอมที่จะร่วมมือด้วย

ด้วยเพราะสถานการณ์ภายในของตระกูลเหอในปัจจุบันนี้นั้นมีความวุ่นวายภายกระสับกระส่ายเกิดขึ้น และก่อนหน้านั้นตระกูล เหอก็ถือว่าเป็นผู้นำในด้านอุตสาหกรรมการพนันในจิงเต่ามาโดยตลอด แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะทำให้ตัวตนของเขาต้องอับอายโดยการเข้าร่วมกลุ่มคาสิโนที่ก่อตั้งโดยตระกูลเย่ล่ะ?

ตระกูลเย่นับว่าเป็นอะไร?

ก็แค่หัวหน้าโจรที่อัพเกรดขึ้นมาด้วยการปล้นบ้านด้วย AK เขาไม่มีอะไรที่จะเทียบกับตระกูลที่ร่ำรวยอย่างตระกูลเหอได้เลย แล้วตระกูลเหอกล้าดีมาจากไหนถึงจะขึ้นมาเป็นตระกูหลัก?

“ดูเหมือนว่าคราวนี้ตระกูลจ้าวจะมีแผนการใหญ่ เกรงว่าช่วงนี้พวกเขาจะรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นพวกเขาต้องยึดทรัพยากรของเศรษฐกิจเพื่อหลีกเลี่ยงการไม่มีเงินทุนมาแก้ไขปัญหา ในตอนที่อุตสาหกรรมของตนเองประสบปัญหา” ฉีเติ่งเสียนหรี่ตาและพูดในสิ่งตนเองคิดออกไป

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่การที่คาสิโนนั่นจะสามารถควบคุมธุรกิจการพนันได้ครึ่งหนึ่ง จะต้องใช้เงินเท่าไหร่กันล่ะ?” ฉีหยุนเฟิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

ฉีเติ่งเสียนถามต่อ "ถ้างั้นหลังจากที่ตระกูลฉีชักชวนตระกูลเหอมาได้แล้ว ยังจะวางแผนที่จะเข้าร่วมกับคาสิโนนั่นจริงๆ เหรอ?"

ฉีหยุนเฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วตอบกลับ "ก็ไม่แน่ คงต้องลองไปทีละขั้น การมาที่จิงเต่าของตระกูลฉีในครั้งนี้เพื่อวางแผน เพราะพวกเราไม่ต้องการที่จะให้ตระกูลจ้าวทำแผนการนี้สำเร็จ”

“ครั้งหนึ่งตระกูลจ้าวเคยเป็นผู้นำของกลุ่มอุตสาหกรรมการพนันในเมืองจิงเต่า ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนี้จะอ่อนแอลงบ้าง แต่อูฐที่ผอมก็ย่อมยิ่งใหญ่กว่าม้า”

“งั้นใช้ตระกูลเหอเป็นแต้มต่อรองในมือ ไม่ว่าจะเดินต่อหรือถอยกลับ ก็ยังมีไพ่ให้เล่น”

“และถ้าท้ายที่สุดจะต้องเข้าร่วมกับคาสิโนนั้นจริงๆ ก็ยังสามารถกลับลำได้”

ฉีเติ่งเสียนกล่าว "แล้วไม่กลัวว่าตระกูลจ้าวจะคิดบัญชีเก่าเหรอ?"

ฉีหยุนเฟิงพูดอย่างใจเย็น: "ถ้าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว พวกเขาจะคิดบัญชีแบบไหนล่ะ? หากพวกเขาคิดบัญชีขึ้นมา สิ่งที่แย่ที่สุดคือการเปิดเผยต่อสาธารณะ และมาดูกันว่าประชาชนคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากมีการคิดบัญชีขึ้นมาจริงๆ! มาดูกันว่าประชาชนจะอยู่ฝั่งไหน?"

“แน่นอนว่าสถานการณ์ในตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์ของนายและลุงไม่สามารถแยกจากันได้ คงต้องขอบคุณท่านฟู่เหล่าและคนเหล่านั้นที่พยายามอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด”

“เฮ้อ... แค่การเสียสละของบางคน ทำให้ทุกคนรู้สึกเสียใจแทนพวกเขา”

จากคำพูดของฉีหยุนเฟิงนั้นทำให้รู้เลยว่า ตระกูลฉีนั้นหน้าไว้หลังหลอก ภายนอกนั้นเหมือนจะเข้ากันกับตระกูลจ้าว

แต่ในความเป็นจริงนั้นมีแผนอยู่แล้ว โดยผ่านทางคุณนายซาน ซูหงจวนและเหอเซียวลูกชายของเธอ หลังจากนั้นเมื่อได้ควบคุมตระกูลเหอไว้ในมือแล้วค่อยว่ากัน

ซึ่งถ้าถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะทำเป็นตีสองหน้ากับตระกูลจ้าว ที่ดินขนาด 3 เอเคอร์ของจิงเต่านี้ยังมีไพ่ให้เล่นอยู่ เพื่อให้ตระกูล จ้าวไม่สามารถทำตามแผนได้อย่างง่ายดาย และใช้คาสิโนเป็นแผนให้กับธุรกิจการพนันในจิงเต่า

“สถานการณ์ในจิงเต่าในตอนนี้สำคัญมาก ทำไมตระกูลจ้าวถึงไม่ส่งคนที่มีความสามารถมาแก้ไขสักหน่อย?” ฉีเติ่งเสียนถามด้วยความสงสัย

“พวกคนสำคัญของพวกเขาไม่กล้าออกจากเมืองหลวงหรอก พ่อแกไม่ใช่คนที่ปฏิเสธที่จะตอบโต้ เมื่อมีความวุ่นวายในเมืองหลวง บรรดาคนที่เกี่ยวข้อง หรือใครก็ตามที่กล้าก้าวออกจากเมืองหลวงก็คงจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ถูกทุบตีจนตาย” ฉีหยุนเฟิงหัวเราะและพูดด้วยท่าทีที่สบายๆ

ฉีปี้อวี่และฉีเติ่งเสียนถูกไล่ออกจากมาจากตระกูลฉี ซึ่งเป็นเพียงวิธีชั่วคราวที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ ฉีปี้อวี่จะโมโหอย่างรุนแรงมาก

หลังจากที่ออกจากเมืองหลวง เขาได้ควบคุมเรือนจำเล็กๆแห่งหนึ่ง และปราบปรามพวกผู้มีอิทธิพลที่ถูกส่งมาเพื่อสังหารเขา ทักษะของเขาเองก็ถูกฝึกมาอยู่ในระดับที่ถือว่าน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว

เพราะเหตุใดในเรือนจำโยวตูถึงได้มีผู้มีอิทธิพลถูกขังไว้มากมายขนาดนี้