เมื่อเฮ่อเซียนเซียนเห็นฉีเติ่งเสียนออกมาเผชิญหน้ากับหลิงซวีเช่นนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขอย่างยิ่ง
หลิงซวีเป็นผู้สูงศักดิ์มากบารมีจากหลงหู่ซาน ฉีเติ่งเสียนมาเผชิญหน้าเช่นนี้ หากแพ้ก็จะเสียหน้าเป็นอย่างมาก คงจะเป็นการยากที่บ้านรองตระกูลเฮ่อจะก่อการอะไรขึ้นมาอีก แล้วถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับหลิงซวีล่ะก็ทางหลงหู่ซานจะไม่ปล่อยเขาไปแน่
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนวงนอกอย่างเฮ่อเซียนเซียนก็จะไม่สูญเสียอะไรแน่นอน จุดจบจะเป็นอย่างไรนั้นสำหรับเธอแล้วไม่ได้สำคัญอะไรเลย
อีกทั้งคำพูดของฉีเติ่งเสียนก็ได้ทำให้หลิงซวีนั้นอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา คิดว่าคนผู้นี้ช่างกล้านัก ถึงขนาดกล้ามาล่วงเกินคนของปรมาจารย์จากหลงหู่ซาน!
หยางหยุนจือลอบขมวดคิ้ว เธอคิดว่าสถานการณ์เริ่มยุ่งยากแล้ว ด้วยความเฉลียวฉลาดของเธอนั้นได้มองแผนของเฮ่อเซียนเซียนออก
ด้วยนิสัยของฉีเติ่งเสียนที่ป่าเถื่อนเช่นนี้ ถ้าต้องไปเผชิญกับหลิงซวีจริงๆล่ะก็……
นี่ไม่ใช่เรื่องดีอันใดเลย!
หากขุมพลังจากหลงหู่ซานได้สอดมือเข้ามายุ่งกับการเผชิญหน้ากันของตระกูลเฮ่อในจิงเต่าด้วยนั้น สำหรับเธอแล้วไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ
หลิงซวีคนนี้ ในเซียงซาน จิงเต่ารวมทั้งเทียนหนานต่างก็มีชื่อเสียงอันเลื่องลือ หากไปกระตุ้นโทสะของปรมาจารย์แล้วเขาลงจากภูเขามาด้วยตนเองนั้น ใครจะรับผิดชอบไหว?
“คุณช่างกล้าดีจริงๆ ถึงกับกล้าสบประมาทปรมาจารย์ของหลงหู่ซาน!” สายตาของหลิงซวีเผยความเยียบเย็นออกมา มือกุมกระบี่แน่น ทำท่าราวกับเตรียมพร้อมที่จะฆ่าฟัน
ฉีเติ่งเสียนนั่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่บนเก้าอี้ราวกับจะสู้กับหลิงซวีในท่านี้แล้วพูด “ฉันว่าคุณนั่นแหละที่ใจกล้ามาก เห็นฉันนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่คุกเข่าคำนับก็ยังไม่เป็นไร แต่คุณยังทำท่าจะชักกระบี่ออกมาอีก?!”
ทุกคนต่างได้ยินคำพูดเช่นนี้ ต่างก็สูดลมหายใจเข้าอย่างเยียบเย็น!
“เจ้าคนแซ่ฉีจะบังอาจเกินไปแล้ว ถึงขั้นไม่เห็นนักพรตจากหลงหู่ซานอยู่ในสายตา!”
“หลิงซวีนั้นโด่งดังในหมู่พวกเราเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าคนใหญ่คนโตมากมายขนาดไหนที่มาขอให้เขาดูดวงชะตาให้ ทำให้เขานั้นมีเส้นสายมากมาย!”
“ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทุกคนต่างลืมไป นักพรตหลิงซวีเป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์สวรรค์ในชุดสีม่วงแห่งหลงหู่ซาน สถานะเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก”
“แม้ว่าฉีเติ่งเสียนจะเป็นพระอัครสังฆราชของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ แต่ท้ายสุดแล้วศาสนาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นศาสนาจากฝั่งตะวันตก หากต้องปะทะกับคนหลงหู่ซานจริงๆแล้วนั้น เขาคงจะไม่ได้เปรียบมากเท่าใดนัก”
โดยส่วนตัวแล้วนั้น จากที่ได้พูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง พวกเขาคิดว่าฉีเติ่งเสียนนั้นเย่อหยิ่งเกินไป ช่างกล้านักที่จะพูดกับผู้สูงศักดิ์จากหลงหู่ซานเช่นนี้
หลิงซวีพลันชักกระบี่ออกมาในทันใดแล้วกล่าว “ฉันคิดว่าคุณไม่ใช่แค่ไม่คู่ควร แต่ถึงขนาดที่ไม่รักชีวิตของตัวเองแล้วหรือ?”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มแล้วกล่าว “วิชากระบี่ของคุณเมื่อเทียบกับเย่เฉิงสำนักจิ่วกงแล้วเป็นเช่นไร?”
หลิงซวีได้ฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นหัวเราะออกมาแล้วกล่าว “กระบี่จิ่วกงเย่เฉิง?เมื่อเทียบกับฉันแล้วนั้นยังด้อยกว่ามาก”
ฉีเติ่งเสียนกล่าว “ตอนนั้นเขายังดีที่รับมือฉันได้สิบกว่ากระบวนท่า ฉันคิดว่าคุณเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำไป”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันคิดว่าชื่อเสียงของคุณกว่าครึ่งได้มาจากการโอ้อวด” หลิงซวีได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับอย่างสงบ
ในมือมีอาวุธกับใช้มือเปล่านั้นเป็นคนละกรณีกัน ตอนนั้นฉีเติ่งเสียนเผชิญหน้ากับเย่เฉิงเขาใช้แค่มือเปล่าต่อสู้ ถึงจะมีวิชาร้ายกาจอย่างวิชาระฆังทองคลุมกายและวิชาภูษาเหล็กก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่ใช้อาวุธแล้วนั้นก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด อีกทั้งฉีเติ่งเสียนในตอนนั้นยังไม่ได้เก่งกาจเหมือนในตอนนี้ด้วย!
เจ้าหลิงซวีผู้นี้พูดว่ามีฝีมือเหนือกว่าเย่เฉิง เกรงว่าไม่ได้กล่าวโอ้อวดไป มิฉะนั้นจะเป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์จื่อหยางได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...