มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1516

อาโทริพลาดการโจมตี และยังไม่ทันได้ตอบโต้กลับ ก็ได้ยินเสียงที่ราวกับฟ้าผ่าระเบิดอยู่เหนือศีรษะของตนเอง!

ลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวพัดลงมาจากท้องฟ้า และทะลุผ่านจากคอเสื้อของเขาเข้าไป จนเต็มเสื้อผ้าทั้งชุดของเขา ทำให้เขาดูเหมือนคนที่อ้วนอย่างมากคนหนึ่ง

นี่มันคือหมัดอันน่าสะพรึงกลัวอะไรกัน?

ช่างเหมือนกับเทพเจ้าจริงๆ!

อาโทริไม่ได้มีแม้แต่ความคิดที่จะขัดขวางแม้แต่น้อย เขาขดตัว ราวกับลูกบอล และหมุนติ้วๆ กลิ้งออกไป

ฉีเติ่งเสียนก้าวเท้าไปข้างหน้า ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนจนพื้นระเบิด ก้อนกรวดปลิวว่อน เขายังไม่ทันที่จะไล่โจมตี ก็รู้สึกได้ถึงลมอันชั่วร้ายที่โจมตีมาจากทางซ้ายและขวา

เขาไม่ต้องมองก็รู้ว่า จะต้องเป็นอานันดาและกาลันดาที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์แล้วเป็นคนลงมืออย่างแน่นอน

ฝีมือของคนทั้งสามคนนี้ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วที่พบกันที่จิงเต่า ถึงแม้จะแข็งแกร่งพอๆ กับฉีเติ่งเสียน แต่ก็ไม่กล้าใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายและวิชาภูษาเหล็กไปรับการโจมตีของทั้งสองคนนี้ ถึงแม้เขาจะโจมตีเพียงเล็กน้อย แต่ก็จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอ่างแน่นอน

ในชั่วพริบตา ความคิดของฉีเติ่งเสียนก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปหลายรอบราวกับกระแสไฟฟ้า

เขาก้าวเท้าออกไป ราวกับปรมาจารย์ที่เคลื่อนไหวเพื่ออัญเชิญเทพเจ้าและวิญญาณ ขยับไปทางซ้ายเล็กน้อย เพื่อหลบหมัดของกาลันดา และเลี่ยงไปขวาเล็กน้อย เพื่อหลบการโจมตีของอานันดา

หลังจากนั้น ฝีเท้าของเขาก็ราวกับสายฟ้า เคลื่อนไหวขาทั้งสอง กระโดดออกจากวงล้อมการต่อสู้ทั้งสอง และมาถึงตรงหน้าของเฉินเลี่ย

บนท้องฟ้าในเวลานี้ เมฆสีดำทมิฬได้มารวมตัวกัน จากนั้นก็มีฝนโปรยปรายลงมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าแม้แต่น้อย

ฉีเติ่งเสียนยืนอยู่กับที่ ราวกับเทพเจ้า พลังที่ราวกับตาข่ายขนาดใหญ่ ได้ปกคลุมรอบตัวของเขา ภายใต้น้ำฝนเหล่านั้นที่ตกลงมา เพียงแค่แตะกับมุมเสื้อของเขา มันก็จะกระเด็นออกไปทันที

หลังที่จะฝึกฝนกังฟูจนบรรลุถึงพลังมืดแล้วก็จะมีคำพูดที่ว่า"แมลงก็ไม่อาจเกาะ ขนนกไม่อาจสัมผัส" เพราะต่อให้เป็นสิ่งที่เบาแค่ไหนหากสัมผัสโดนตัวของจอมยุทธก็จะสามารถรับรู้ได้ จากนั้นก็จะใช้พลังมืดเพื่อขับมันออกมา แต่ว่า เรื่องที่สามารถทำให้น้ำฝนกระเด็นออกไปได้เช่นนี้ ก็ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยได้เห็นจริงๆ

เมื่อปรมาจารย์วิชาโยคะเห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งขรึมขึ้นมา พวกเขาต่างรู้ดีว่าคนที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่นั้นคือคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหวกัน

เพียงแต่ เมื่อผ่านการประมือเมื่อครู่นี้แล้ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า คนทั้งสามร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น และไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะได้เลย

ถ้าหากสู้กันตัวต่อตัวละก็ เกรงว่าภายในไม่เกินห้ากระบวนท่า จะต้องมีลูกน้องของฉีเติ่งเสียนคนหนึ่งที่จะต้องเสียชีวิต แต่เมื่อคนทั้งสามร่วมมือกัน จึงสามารถตรวจสอบจุดอ่อน และเสริมข้อบกพร่องทางด้านสมรรถภาพและฝีมือได้

กาลันดากล่าวถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า: "ท่านพระอัครสังฆราชฉี คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะเป็นศัตรูกับนิกายพุทธศาสนาเทียนจู๋ของพวกเรา? พวกเราทำทุกอย่างตามความประสงค์ของพระโพธิสัตว์ การกระทำเช่นนี้ของคุณ ไม่ต่างอะไรกับการยั่วยุพระโพธิสัตว์เลยนะ"

ฉีเติ่งเสียนมีสีหน้าเย็นชา เขาไปขวางด้านหน้าของเฉินเลี่ย และกล่าวอย่างนิ่งๆ ว่า: "พระโพธิสัตว์แม่แกสิ คุณให้เธอมาพบฉัน เพื่อที่จะดูว่าฉันจะทำร้ายเธอจนตายหรือเปล่าก็เท่านั้น! ต่อให้พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าพระสูติขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ฉันก็ไม่กลัวหรอก!"

ในระหว่างที่พูด เขาก็หายใจออกและหายใจเข้า ทันใดท้องก็ขยายใหญ่เหมือนกับลูกบอล ราวกับคนที่ตั้งครรภ์ได้สิบเดือน

หลังจากนั้น ท้องของเขาก็ยุบลงในชั่วพริบตา พลังอันน่าสะพรึงกลัวถูกเขาพ่นออกมา ทั่วทั้งร่างกายของเขา ก็พลุ่งพล่านไปด้วยพลัง ในระหว่างที่เคลื่อนไหว ก็ทำให้อากาศเคลื่อนไหวไปด้วย และมันก็ส่งเสียงที่คล้ายกับระเบิดออกมา! น้ำฝนที่อยู่โดยรอบ ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน ก็ก่อตัวเป็นสภาวะสุญญากาศทันที!

และเขา ก็เปรียบเสมือนพญาครุฑสีทองที่เล่าต่อๆ กันมาในเทพนิยาย บินจากระดับต่ำ และพุ่งออกไป

ตอนนี้ ฉีเติ่เสียนใช้"พลังเตี้ยวฉาน"รวมกับมวยเผิงสิงที่ชำนาญที่สุดของหงเทียนตู เพื่อระเบิดพลังส่วนหลังทั้งหมดออกมา

กลุ่มกล้ามเนื้อหลัง เป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับสองของร่างกายมนุษย์ และมีศักยภาพที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก

กาลันดาเป็นคนแรกที่ต้องรับการโจมตี ฉีเติ่งเสียนยังไม่ทันได้สัมผัสใบหน้า เขาก็รับรู้ได้ถึงพลังที่แทบจะทำให้หายใจไม่ออก และอากาศที่อยู่ตรงหน้าก็ราวกับถูกฉีเติ่งเสียนจู่โจมจนกระจัดกระจายไป

ทันทีที่เข้ามาใกล้ มือทั้งสองของฉีเติ่งเสียนก็ยื่นออกมา กลายเป็นมวยเปาฉุย และจู่โจมไปที่ใบหน้าอันแก่ชราของกาลันดาโดยตรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง