ฉีเติ่งเสียนและจิ่วเฮิงกลับไปยังเมืองหลวงของอวี้สือกั๋ว แล้วนั่งเครื่องบินกลับเผิงไหล
เมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาส ฉีเติ่งเสียนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “ตอนนี้คุณคิดว่าฉันกับคลาร์ก มีโอกาสในการชนะแล้วยัง?”
จิ่วเฮิงพูดอย่างครุ่นคิด: “คุณเอาชนะผู้คนมากมายขนาดนี้ ในการเดินทางครั้งนี้ เกรงว่าอาจไม่ใช่สังหารไปหลายร้อยชีวิต รัศมีของตัวเองก็สะสมจนถึงขีดสุด ยิ่งไปกว่านั้น ฉันรู้สึกว่ารัศมีของคุณ ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนไปยิ่งขึ้น!”
“ตอนนี้คุณถึงจุดสูงสุดแล้ว ถึงจะใช้น้ำมนต์ ก็คงไม่ได้ดีไปกว่านี้”
“แต่ฉันไม่เห็นคลาร์ก ไม่รู้สถานการณ์ของเขา สภาพคือมันยากที่จะบอกว่าจะโอกาสชนะได้แค่ไหน”
“ถ้าเป็นคลาร์กที่ชกกับฉันเมื่อครั้งที่แล้ว ฉันคิดว่าอัตราการชนะของคุณยังคงอยู่ที่ร้อยละเจ็ดสิบ”
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วพูดว่า “ถูกต้อง รัศมีของฉันเปลี่ยนไปบ้าง และสิ่งต่างๆ ในเขตเครือข่ายก็ทำให้ฉันเข้าใจบางอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นภายในไม่กี่วัน ในใจฉัน การฆ่าคนมากมายในลมหายใจเดียวทำให้ฉันมีความสุข ไร้ที่ติ ฉันกลับไปคราวนี้ ฉันจะฆ่าคลาร์กศัตรูตัวฉกาจคนนี้”
เขาต่อสู้กับคลาร์กมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งในสถานการณ์ทั้งบู๊และบุ๋น ทั้งคู่ได้รับความเสียเปรียบและได้เปรียบกัน
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การปะทะ แต่เป็นการยืนบนสังเวียน และการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าแบกรับชะตากรรมของทั้งสองประเทศ
ผู้คนทั้งสองประเทศต่างให้ความสนใจกับผลลัพธ์ของผลแพ้ชนะนี้อย่างใกล้ชิด ผู้คนในประเทศมี่ก็จะให้ความสนใจกับผลลัพธ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน อาจถึงขั้นตัดสินการเลือกตั้งระหว่างจั่วเฉินและโหยวซิน
จิ่วเฮิงกล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม คุณฆ่าคนเพื่อสะสมพลังในอวี้สือกั๋ว มันก็จะถูกเปิดเผย และจะมีคนมาจัดการกับคุณ รับประกันว่าคลาร์กจะชนะ”
ฉีเติ่งเสียนกล่าว : “พวกเขามีคน ฉันก็มีคนด้วย... ฮ่าฮ่า แม่ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
จิ่วเฮิงทำหน้าตกตะลึง “คุณเป็นผู้ชายติดแม่เหรอ?”
ฉีเติ่งเสียนอยากตบป้องหูของภิกษุคนนี้สักสองที ช่างพูดเก่งไปมั้ย?
“คุณไม่มีแม่ ดังนั้นคุณจึงอิจฉาฉัน” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างเย็นชา
“ให้ตายเถอะ แทงใจดำ!” หลังจากที่จิ่วเหิงได้ยินสิ่งนี้ ราวกับว่าถูกกระทบจิตใจอย่างแรง กุมหัวใจเอนตัวไปด้านหลัง
เผิงไหลไม่ร้อนเท่าก่าก่ง และอากาศทำให้ผู้คนรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
อากาศร้อนเกินไปก็ไม่ดีนัก ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครใส่ถุงน่องสีดำ…... ถุย มันร้อนเกินไปทำให้จิตใจคนยากที่จะหวั่นไหว ทำให้รู้สึกหงุดหงิด
หลังจากเครื่องลงแล้ว ฉีเติ่งเสียนเทียนก็โทรให้ต้วนเทียนหยาและหลิวปิงเว่ยเพื่อทำความเข้าใจกับข่าวสารล่าสุดแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม งานชุมนุมการต่อสู้ถูกซ่งผูทำให้เป็นที่สนใจ
จากนั้น ฉีเติ่งเสียนก็ตรงไปหาซุนอิ่งซูที่วิลล่า แต่คุณนายไม่อยู่ เธอมีงานยุ่งมากมายที่เผิงไหล
มาถึงวิลล่าได้ไม่นาน ฉีเติ่งเสียนก็ได้รับสายจากต่างประเทศ เป็นหัวหน้ากลุ่มร็อบเบน
“พระอัครสังฆราช ฉันได้รับคำสั่งจากสมเด็จพระสันตะปาปาให้มาที่เผิ งไหลเพื่อสนับสนุนคุณ!” ร็อบเบนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“หัวหน้าเออร์วิน คุณมาแล้วเหรอ ให้ฉันไปรับหรือจะให้ส่งที่อยู่แล้วคุณมาเองเลย?” ฉีเติ่งเสียนถาม
“พระอัครสังฆราชอวตารแค่บอกที่อยู่ของคุณมาให้ฉันก็ได้ล่ะ” เสียงของร็อบเบนเริ่มไม่พอใจ
ฉีเติ่งเสียนยักไหล่ บอกที่อยู่ของเขา
จิ่วเฮิงมีหูที่ดีมาก ได้ยินการสนทนาระหว่างคนทั้งสองและพูดว่า: “หัวหน้ากลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนั้นมาแล้วเหรอ? เยี่ยมเลย ฉันผู้เป็นหัวหน้าของอัศวินแห่งแสงอยากแลกเปลี่ยนฝีมือกับเขาพอดีเลย"
ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างเย็นชา: “ใครกันที่แต่งตั้งคุณเป็นอัศวินแห่งแสง เลิกหน้าด้านได้แล้วมั้ย?”
ล่าสุด แม้ว่าจะมีคนนอกรีตโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มากมาย แต่ฉีเติ่เสียนก็สามารถจัดการกับคนนอกรีตได้ทั้งหมด และคนนอกรีตแต่ละคนก็มีเงินมีความสามารถ
ถ้าฉีเติ่งเสียนถูกคลาร์กฆ่า นับจากนี้ศาสนาศักดิ์สิทธิ์คงจะชักหน้าไม่ถึงหลัง ท้ายที่สุดแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ มีพระอัครสังฆราชเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ส่งเงินไปให้นครรัฐวาติกัน และแทบไม่เคยต้องขอเลย
พระสังฆราชท่านอื่นๆ ต่างโห่ร้องให้พัฒนา ให้สมเด็จพระสันตะปาปาคอยจัดสรรเงินทุน ซึ่งข้อนี้สมเด็จพระสันตะปาปาเห็นแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก
“ฝ่าพระบาททรงพระปรีชา สมควรเป็นผู้ชี้นำทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ของเราอย่างแท้จริง สมควรเป็นเป็นผู้ติดต่อเพียงผู้เดียวที่ถูกพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์กำหนดมา…...” ฉีเติ่งเสียนยกมือขึ้นกล่าวสรรเสริญสมเด็จพระสันตะปาปาทันที แล้วใช้มือวาดไม้กางเขนว่า “มีเพียงสมเด็จพระสันตะปาปาองค์เดียวเท่านั้น ที่สามารถทรงรับความฉลาดหลักแหลมของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้ อาเมน!”
ร็อบเบนก็ทำสัญลักษณ์กางเขนตามด้วย และกล่าวว่า “อาเมน!”
ฉีเติ่งเสียนหยิบกระเป๋าเดินทางแล้วเปิดออก และพบว่าข้างใน มีน้ำมนต์อยู่สามหลอดจริงๆ ด้วย ซึ่งทำให้เขามีความสุข
รู้สึกประทับใจไอ้เฒ่าในใจเช่นกัน ต้องรู้ว่าน้ำมนต์ถูกฉีปู้อวี่ขโมยไปเกือบหมด ตอนนี้บ่อตาน้ำยังแห้งอยู่เลย ต้องรอหลังคริสมาสถึงปีใหม่น้ำแร่จะไหลออกมา
เห็นได้ชัดว่าคลังในมือของสมเด็จพระสันตะปาปามีสินค้าไม่มากนัก แต่เขาก็ยังให้ร็อบเบนสส่มาสามหลอด ซึ่งค่อนข้างซาบซึ้งใจ!
จิ่วเฮิงเดินเข้ามาในเวลานี้ มองร็อบเบนอย่างมุ่งร้าย แล้วถามด้วยภาษาอังกฤษว่า “คุณก็คือหัวหน้ากลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ร็อบเบน?”
ร็อบเบนมองเขาแล้วถามว่า “คุณเป็นใคร?”
“อาตมา…... ถุย ฉันก็คือหัวหน้าอัศวินแห่งแสงของมหาวิหารอวตารเขตทางตอนใต้ในศาสนาศักดิ์สิทธิ์ฟรังซิส จิ่วเฮิง!” จิ่วเฮิงดึงเสื้อคลุม วางมาดอย่างจิตใจฮึกเหิม
ร็อบเบนเหลือบมองฉีเติ่งเสียน ราวกับว่าเขากำลังถาม -- คุณแน่ใจหรือว่าไอ้เจ้าโง่คนนี้เป็นผู้นำกลุ่มของคุณ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...