จ้าวหงซิ่วโยนดาบแปดทิศให้ฉีเติ่งเสียนโดยตรง หลังจากสั้นพูดถึงเรื่องบางเรื่อง
เมื่อทุกคนได้ฟังขึ้นต่างอดไม่ได้ที่จะตะลึงใจ คิดไม่ถึงเลยว่าตำหนักปู้หลุนจะมีเรื่องราวเบื้องหลังซับซ้อนมากมายอีกทั้งยังซ่อนผู้มีฝีมือสูงอีกด้วย
หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนฟังจบก้ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อว่า: “ที่แท้อาจารย์ปู้ก็รู้จักตระกูลของฉันมาเนิ่นนาน มิน่าล่ะถึงสอนวรยุทธ์ให้กับพ่อฉันได้ แล้วตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่ คงไม่ใช่ว่าอายุมากกว่าจางซานเฟิงอีกกระมั้ง!”
จางหงซิ่วพูดต่อ: “หลังจากที่เขาทำตามสัญญาเสร็จเขาก็ได้ออกเดินทางไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษ พวกคุณคงจะตามหาเขาไม่เจอแล้วล่ะ”
จางหงซิ่วรู้ดีว่านักพรตเฒ่าเป็นคนที่กล้าหาญและไม่ผิดสัจจะ เขาจึงต้องทำตามสัญญาที่ตัวเองเคยสัญญาไว้
ตอนนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองได้ทำตามสัญญาแล้ว ถึงเวลาที่จะกลับไปเป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ เดินตามทางนักพรตเต๋าระดับสูง หรือค่อย ๆ หายไปอย่างไร้วี่แววท่ามกลางโลกแห่งนี้
เขามีความเก่งกาจเป็นที่น่าตะลึงใจของคนทั่วไป แต่กลับไม่ต้องการมีชื่อเสียงและไม่ต้องการให้ใครรู้จักนามของตน
“ทุกสิ่งในโลกเกิดขึ้นตามโชคตา ช่างน่าเป็นเรื่องประหลาดใจเสียจริง” เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้านเฟยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ฉีเติ่งเสียนหยิบดาบแปดทิศขึ้นมาพร้อมมองไปที่มันและพูดว่า: “อาจารย์ปู่ของข้าเป็นดังเทพเซียนที่คนอื่นเคยพูดกันครั้นสมัยอดีตใช่หรือไม่นั้นมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
จ้าวหงซิ่งพูดต่อ: “ดาบของเขาในตอนนั้น ไม่เหมาะกับการให้มนุษย์ใช้อีกต่อไป เพราะในโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถรับช่วงต่อได้......”
มันเป็นดาบที่ถูกใช้งานมาเนิ่นนานนับแต่ช่วงประวัติศาสตร์ และเป็นดาบที่รวบรวมพลังสูงสุดของนักพรตเฒ่า
หากเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ยากที่จะผลิตดาบชนิดนี้ได้อีก
ฉีเติ่งเสียนมอบดาบแปดทิศให้กับหยางกวนกวนพร้อมพูดว่า: “ช่วยฉันเก็บมันไว้ให้ดี ฉันจะนำมันไปที่เมืองหลวงเพื่อให้คุณปู่ดูว่าดาบเล่มนี้มีมาที่ไปอย่างไร”
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำที่บรรพบุรุษสลักไว้บนโต๊ะ – ความรุ่งโรจน์ทั้งหมดเป็นของประชาชน
“ครั้งนี้อาจารย์ปู่และญาติผู้พี่ผู้น้องของคุณได้ร่วมมือช่วยฉันกำจัดศัตรู ฉันไม่รู้เลยว่าคลาร์กกำลังวางแผนอะไรที่จะมาจัดการกับฉัน ฉันตั้งตาตั้งใจรอคอยแล้วล่ะ” ฉีเติ่งเสียนยิ้มพร้อมพูดออกมา
จ้าวหงซิ่วไม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างไร: “หากมีคนมาทำร้าย ฉันจะสู้สุดใจแน่นอน”
ประโยคนี้ฟังดูแล้วเผด็จการเป็นอย่างมาก ทว่าเธอมีคุณสมบัติมากพอที่จะพูดแบบนี้ เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลจ้าวแห่งเทียนฟา
ทุกคนต่างพากันมาล้อมรอบตัวพวกเขาสองคน ประเทศหัวกั๋วก็มุ่งเป้าไปคลาร์กและหน่วยงานCIA หากต้องการทำให้เขาเสียสมาธิ เราต้องก่อกวน สร้างความวุ่นวายให้แก่พวกเขา
ผู้คนจำนวนมากเริ่มพากันมารวมตัวที่เผิงไหล แม้แต่ศาสนาศักดิ์สิทธิ์ก็ส่งกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไปรวมตัวที่เผิงไหล ทำตามคำแนะนำของร็อบเบน เพื่อช่วยฉีเติ่งเสียนแก้ไขปัญหา
เฉียวชิวเมิ่งก็ได้พากองทัพราตรีนิรันดร์มาด้วย ตอนนี้ก็ควรเรียกกองทัพเหล่านี้ว่ากลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเขามาถึงเผิงไหล ก็ได้จ้องมองไปที่ฉีเติ่งเสียน และสำรวจบริเวณโดยรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกรบกวน
เมื่อคลาร์กทราบข่าวว่ามีคนทำตามแผนที่ตำหนักปู้หลุนไม่สำเร็จ เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ มิหนำซ้ำยังรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้เขาสามารถทราบได้ว่าพลังหมัดของฉีเติ่งเสียนมีความรุนแรงถึงมากเพียงใด
ฉีเติ่งเสียนก็ได้รับประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน ขณะที่หยางกวนกวนและซุนอิ่งซูพบเจอกันนั้นมันค่อนข้างที่จะกะทันหัน แต่ทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอยู่มาก ถึงกระนั้นก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่มีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น
ในใจของพระอัครสังฆราชก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลขึ้นมา แค่ลานชินหลัว แค่นี้เอง ไม่เข้าใจเลยว่าพวกผู้ชายเฮงซวยจะกลัวลานชิวหลัวทำไม พวกเขาเป็นคนที่ไม่น่ากลัวเลยสักนิด!
“เจ็บ......ลงมือแรงไปแล้ว เบามือหน่อย!” จิ่วเฮิงร้องไห้และส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาจากลานตั้งแต่เช้าตรู่
“พระนิสัยไม่ดี ฉันอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณก็จะเข้ามาให้ได้!” หงจ้าวซิ่วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาปนกับความโกรธที่เกิดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...