สวีเอ้าเสวี่ยมองถังน้ำมนต์ตรงหน้าอย่างงุนงง
หลังจากที่เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สวีเอ้าเสวี่ยก็กลับมามีสติ เธอเอ่ยถามว่า "นี่คือน้ำมนต์ทั้งหมดเลยหรือ?!"
ฉีปู้อวี่พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มของเขานั้นช่างใสซื่อและดูจริงใจอย่างเหลือเชื่อ
สวีเอ้าเสวี่ยเริ่มเข้าใจถึงแผนการที่ฉีปู้อวี่ตั้งใจจะทำ เธอจึงกล่าวขึ้นว่า "แต่ว่าการป้ายความผิดนี้ หากสมเด็จพระสันตะปาปาไม่เชื่อเราจะทำอย่างไร?"
นักฆ่าฉายาหั่นแขนขา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ครั้งก่อนสมเด็จพระสันตะปาปาก็เล่นงานเขาเสียหนักหนา หากเขาคิดแก้แค้นสมเด็จพระสันตะปาปา บ้าง มันก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ทำไมพระสันตะปาปาจะไม่เชื่อ?"
หลังจากที่ได้ฟังคำตอบ สวีเอ้าเสวี่ยยืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า
"ก็จริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อ"
ฉีปู้อวี่เองก็ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นถึงผู้นำศาสนาอาบา แต่สำหรับเขาแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่สามารถจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยได้ทุกอย่างก็ถือว่าดี
แม้ว่าชื่อเสียงในฐานะเทพเจ้าผู้เงียบงันอาจฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เพื่อผลประโยชน์ที่มากมาย เขายอมทนได้
ครั้งนี้ ฉีปู้อวี่พร้อมด้วยนักฆ่าหั่นแขนขาได้เดินทางมายังหนานหยาง และสร้างความเคลื่อนไหวภายใต้ชื่อของศาสนาอาบาเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คน ซึ่งแผนนี้ก็ได้ผลในทันที
ในส่วนของสวีเอ้าเสวี่ย เธอได้ตัดสินใจเข้าร่วมการสมรู้ร่วมคิดครั้งนี้ เพราะไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่เห็นด้วยกับการเล่นงานสมาคมหัวเมิ่นอย่างหนัก ซึ่งจะช่วยทำให้สถานการณ์ในหนานหยางมีเสถียรภาพมากขึ้น
ฐานอำนาจของเธอได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างมั่นคงแล้ว หากสถานการณ์ในหนานหยางมีความสงบสุขมากขึ้น มันก็จะยิ่งส่งเสริมผลประโยชน์ของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น การร่วมมือกับฉีปู้อวี่จะช่วยลดความเสี่ยงได้มากมาย
สวีเอ้าเสวี่ยเตือนขึ้นมาว่า "แต่ว่า ก็ต้องระวังหากสมเด็จพระสันตะปาปาส่งกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์มายังหนานหยาง ถ้าเป็นเช่นนั้นจะยุ่งยากมากเลยทีเดียว"
แต่ฉีปู้อวี่กลับหัวเราะเบาๆ พร้อมตอบอย่างไม่ใส่ใจ"จะมาก็มาเถอะ ดีเสียอีก จะได้ทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาโกรธจนเดือดดาลยิ่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นสมาคมหัวเมิ่น จะต้องพบจุดจบที่สาหัสสากรรจ์แน่ๆ!"
อย่างน้อยที่สุด ตระกูลเป่ยก็ไม่มีทางรอดได้แน่นอน เป่ยบูฉีที่ย่างเท้าลงหลุมลึกนี้ไปแล้ว ครั้งนี้ต้องสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างไม่มีชิ้นดี...
สมเด็จพระสันตะปาปาที่ถูกศาสนาอาบาเล่นงานจนแทบไม่ได้นอนนั้น มีแต่ความเดือดดาลเต็มอก ดังนั้นหากจับใครที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาอาบาได้ จะปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร?
เป่ยบูฉีขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับมายังเมืองกาด๋าในยามค่ำคืนด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นพิเศษ หลังจากดื่มน้ำมนต์ เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า จนถึงขั้นนอนไม่หลับ
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพาบอดี้การ์ดสองคนมาที่โรงออนเซ็นชื่อดังของเมืองกาดา
แต่พอมาถึงหน้าประตู เขาก็เห็นชายร่างใหญ่บึกบึนคนหนึ่งเดินเข้ามา บุคคลผู้นี้หวีผมเสยเรียบ เสื้อผ้าที่สวมอาจดูธรรมดา แต่ไม่อาจปกปิดความสง่างามทรงอำนาจที่แผ่ออกมาได้
"เฮ้อ...หมอนี่เป็นใครกัน ดูท่าทางไม่ธรรมดาเลย!" เป่ยบูฉีลอบสังเกตชายคนดังกล่าวด้วยสายตา ก่อนจะสูดลมหายใจลึก
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ ชายคนนั้นดูเหมือนจะมีสัมผัสไวเหลือเชื่อ เขาหันมามองเป่ยบูฉีด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า"ไอ้หนุ่ม มองอะไรของแก?"
หากเป็นสถานการณ์ปกติ ใครกล้าพูดกับเป่ยบูฉีแบบนี้ เขาคงสั่งสอนให้รู้จักมารยาทไปแล้ว แต่คราวนี้เขากลับรู้สึกว่าชายคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา จึงหัวเราะตอบกลับอย่างสุภาพ"ผมเห็นพี่ชายดูทรงอำนาจ เลยอดมองไม่ได้"
"ฮ่าฮ่า! ท่านจิ่วกลับมาอีกแล้ว เชิญด้านใน เชิญเลยครับ!" ผู้จัดการกะรีบเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มประจบ
"โอ้...คุณเป่ยก็มาใช้บริการเหมือนกัน? เชิญด้านในเลยครับ"
จิ่วเฮิงเชิดหน้าด้วยท่าทางหยิ่งยโส กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ฉันแค่จะมาสัมผัสรสชาติชีวิต ลองใช้ชีวิตในโลกมนุษย์น่ะ อย่าเข้าใจผิด คิดว่าฉันเป็นพวกมนุษย์ธรรมดาไปล่ะ!"
ผู้จัดการกะรีบพยักหน้ารับ"ใช่ครับ ใช่ ท่านจิ่วเป็นผู้มีวาสนาเพียงแค่จะมาทดสอบชีวิตเท่านั้นเอง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...