มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1881

จ้าวซวนหมิงเดิมทีตั้งใจจะโจมตีฉีเติ่งเสียนให้ตายในครั้งเดียว แต่ไม่คาดคิดว่ากัวหลินเฟิงจะเข้ามาขัดขวางกลางคัน ทำให้เขารู้สึกโมโหไม่น้อย

“ประธานกัว คุณหมายความว่ายังไงกัน? จะเข้ามาแทรกแซงการประลองระหว่างพวกเราอย่างนั้นหรือ?” จ้าวซวนหมิงเอ่ยเสียงเย็นชา

หากเป็นคนอื่น หรือเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่น เขาคงไม่ถามให้เสียเวลา แต่ลงมือฆ่าคนที่มาขัดขวางไปแล้ว

เหล่าสมาชิกสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้หนานหยางต่างตกตะลึง ไม่เข้าใจว่ากัวหลินเฟิงทำไมถึงเข้าขวางกลางคัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่มันมันผิดกฎโดยสิ้นเชิง การกระทำเช่นนี้อาจทำให้ชื่อเสียงของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้เสียหายได้

ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือการประลองเพื่อตัดสินตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคม กัวหลินเฟิงเข้ามายุ่งแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่เหมาะสม ยังถือว่าทำลายกฎอีกด้วย

กัวหลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผลแพ้ชนะมันชัดเจนแล้ว นายชนะแล้ว ทำไมต้องลงมือเอาถึงตายอีก?”

จ้าวซวนหมิงหัวเราะเยาะ “แต่เขายังไม่ได้ยอมแพ้ และเขาก็ยังไม่ได้ถูกฉันฆ่าตาย นั่นยังไม่นับว่าเป็นการตัดสินแพ้ชนะหรอก!”

กัวหลินเฟิงตอบกลับ “ต่อให้ครั้งนี้นายเป็นฝ่ายชนะ แต่ฉันก็ไม่มีวันยอมให้นายได้เป็นรองหัวหน้าเด็ดขาด!”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง มองกัวหลินเฟิงด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาทำแบบนี้ และทำไมถึงพูดเช่นนี้

จ้าวซวนหมิงเอ่ยเสียงเย็น “ประธานกัว จะผิดคำพูดกลายเป็นคนไร้เกียรติงั้นหรือ? คุณเป็นถึงประธาน เป็นหน้าตาของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้หนานหยาง อยากให้สมาคมกลายเป็นองค์กรที่ไม่มีใครเชื่อถือ อนาคตถูกผู้คนทอดทิ้งเหรอ?”

กัวหลินเฟิงตอบช้า ๆ ว่า “เมื่อเป็นเรื่องของคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ ต่อให้ผิดคำพูดแล้วอย่างไร? ตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคมนี้ ใครจะเป็นก็ได้ แต่คนตระกูลจ้าวจะไม่มีวันได้มันไป!”

ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจออกมา เขาไม่คิดว่ากัวหลินเฟิงจะยื่นมือเข้ามาช่วยในจังหวะสำคัญ ถ้ากัวหลินเฟิงไม่ออกมาขัดขวางจ้าวซวนหมิงไว้ เขาคงจบเห่ไปแล้ว

เป็นดังที่คิด วัชระกาย (ขั้นตอนการฝึก) มีความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อในอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉีปู้อวี่และเขาต่างพ่ายแพ้ให้กับจ้าวซวนหมิง

ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวซวนหมิงคือต้องใช้วิถีนอกรีตจึงจะสามารถมาถึงอาณาจักรนี้ได้หากฝึกถึงวัชระกายได้จริง ๆ จะน่ากลัวขนาดไหน?

จ้าวซวนหมิงมีสีหน้าเย็นชา แฝงไปด้วยความดูถูก

กัวหลินเฟิงหันไปมองเหล่าสมาชิกสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้หนานหยาง แล้วเอ่ยเสียงดัง “ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงแทรกแซงการประลองครั้งนี้ แต่ฉันอยากถามพวกคุณว่า คำว่า ศาสตร์แห่งชาติ มันหมายความว่าอะไร?!”

“เพื่อปกป้องบ้านเมือง และต่อสู้กับศัตรู!” มีคนหนึ่งตอบกลับมาอย่างหนักแน่น

“ถูกต้อง! ศาสตร์แห่งชาติ คือศาสตร์เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนและปกป้องพี่น้องของพวกเรา! สมาคมของเราก่อตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องครอบครัวและพี่น้องร่วมสายเลือด หากทำได้เช่นนี้ ถึงจะคู่ควรกับคำว่าศาสตร์แห่งชาติ” กัวหลินเฟิงกล่าวเสียงดัง ท่าทางที่เคร่งขรึม

เมื่อทุกคนได้ยินก็พยักหน้า เห็นด้วยกับสิ่งที่พูด เพราะในตอนแรกสมาคมนี้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรวมเหล่านักสู้ชาวจีนในเขตหนานหยาง ให้รวมพลังกันปกป้องพี่น้องที่ถูกกดขี่

กัวหลินเฟิงชี้นิ้วไปที่จ้าวซวนหมิง กล่าวเสียงเย็นชา “แต่คนตระกูลจ้าว เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง กลับใช้วิธีสกปรก! พวกเขาผลักดันให้ชาวจีนกลายเป็นศัตรูกับชาวหนานหยาง จุดชนวนความเกลียดชัง หวังให้เกิดการสังหารหมู่!

พวกคุณคิดว่าคนแบบนี้ คู่ควรกับคำที่ว่าศาสตร์แห่งชาติหรือไม่!?”

“คนที่ทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ สมควรเป็นรองหัวหน้าของพวกเราหรือ?!”

หลังจากฟังกัวหลินเฟิงพูดจบ ทุกคนรู้สึกสะท้านในใจ ต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองจ้าวซวนหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู

ฉีเติ่งเสียนเองก็คาดไม่ถึงว่ากัวหลินเฟิงจะกล่าวคำพูดเช่นนี้ เขาเพิ่งพูดคุยกับแฮช เมื่อเช้านี้เกี่ยวกับความหมายของคำว่าศาสตร์แห่งชาติ ไม่คิดว่ากัวหลินเฟิงจะมีแนวคิดเดียวกัน

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะสู้เสียเลือดเนื้อ สมาคมศาสตร์แห่งชาติหนานหยางยังมีเรื่องสำคัญกว่านี้ต้องทำ

ฉีเติ่งเสียนเช็ดเลือดที่ไหลออกจากจมูก พูดกับกัวหลินเฟิงด้วยความเคารพว่า “ประธานกัว ช่างมีคุณธรรมสูงส่ง ไม่หวั่นไหวต่ออำนาจใด ๆ ผมนับถือคุณจริง ๆ!”

กัวหลินเฟิงหันมามองเขาแล้วกล่าวว่า “ฉัรเองก็นับถืออาจารย์ฉีเองเช่นกัน การที่ท่านโค่นคลาร์กลงได้ ซึ่งเป็นยอดฝีมือที่ครอบงำยุทธภพเหมือนดวงอาทิตย์และจันทรา ทำให้พวกเราเหล่าชาวยุทธภพ (บู๊ลิ้ม) ฮึกเหิมยิ่งนัก”

ฉีเติ่งเสียนส่ายหัวอย่างเสียดาย “ถ้าสามารถจับตัวจ้าวซวนหมิงไว้ได้ก็คงจะดี ฉันเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่า วัชระกายนั้นน่ากลัวเพียงใด”

กัวหลินเฟิงตอบว่า “ฉันทำลายกฎไปแล้วครั้งหนึ่ง หากยังดื้อดึงจับเขาไว้อีก ไม่ว่าจะมีเหตุผลแค่ไหน มันก็คงดูน่าเกียจเกินไป”

ฉีเติ่งเสียนพยักหน้า “ท่านประธานพูดถูก ทำอะไรต้องมีขอบเขต สมแล้วที่เป็นยอดคนแห่งยุทธภพ”

กัวหลินเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ฉันว่าหลังจากโดนท่าข้อศอกยอดใจ คุณบาดเจ็บไม่น้อยนะ ต้องให้หมอตรวจดูไหม?”

ฉีเติ่งเสียนโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ผมยังไม่ตายง่าย ๆ”

“ถ้าผมเสนอให้อาจารย์ฉีเติ่งเสียนเป็นรองหัวหน้า พวกคุณมีใครไม่เห็นด้วยไหม?”

กัวหลินเฟิงมองไปที่สมาชิกสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้หนานหยางแล้วกล่าวเสียงหนักแน่น

ทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพากันส่ายหัว แสดงให้รู้ว่าไม่มีใครคัดค้านเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง